เศร้า ฮีทสโตรกดับอีก 2 อุดรธานียังร้อนระอุ 43.4 องศาฯ

3 พ.ค. 67

เศร้า ฮีทสโตรกคร่า 2 ชีวิต อุดรธานียังร้อนระอุ 43.4 องศาฯ หนุ่มใหญ่เปลือยกาย ดับคาห้องนอน ขณะที่อีกรายเสียชีวิตคาร่องมันสำปะหลัง

วันที่ 2 พ.ค. 67 จ.อุดรธานี ยังคงมีอากาศร้อนจัด ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รายงานว่า จ.อุดรธานี มีอุณหภูมิสูงสุดวันนี้วัดได้ 43.4 องศา เซลเซียส เป็นอันดับ2ของภาคอีสาน รองจาก จ.เลย อันดับ 1 ที่วัดได้ 43.8 องศาเซลเซียส 

ตลอดทั้งวันศูนย์วิทยุกู้ชีพ1669 จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุคนชราวูบหมดสติอยู่ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่มีอากาศร้อนจัด 

กระทั่งมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต โดยไม่ทรายสาเหตุ 2 ราย รายแรกเป็นชายอายุ 58 ปี เสียชีวิตในบ้านพัก ต.หนองบัว อ.เมือง 1 ราย คาดว่ามีโรคประจำตัว และสาเหตุจากอาการ ฮีทสโตรกรายที่สอง เป็นชายอายุ 75 ปี อยู่ในไร่มันสำปะหลัง ต.ท่าลี่ อ.กุมภวาปี รายนี้ลูกชายยืนยันว่า ไม่มีโรคประตัว น่าจะเกิดจากโรคลมแดดชัดเจน ซึ่งศพทั้ง 2 ราย ต้องยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตจากแพทย์เวรอย่างละเอียดอีกครั้ง 

รายแรกเมื่อเวลา 17.00 น. ร.ต.ท.ธีรพันธ์ แก้วโพนยอ รองสว.สอบสวนสภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุพบศพนายชนชนก สงวนนามสกุล อายุ 58 ปี ในห้องนอนของบ้านพัก สภาพนอนหงายเปลือยกายอยู่บนเตียง มีเลือดไหลออกจากจมูก 

จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ไม่พบบาดแผลถูกทำร้าย คาดว่าจะเสียชีวิตเนื่องจากโรคประจำตัวกำเริบ หรืออาการ ฮีทสโตรกหรือ โรคลมแดด มาประมาณ 8-12 ชั่วโมง จึงนำศพไปเก็บไว้ที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เพื่อรอญาติมาติดต่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี 

สอบสวนนายปัญญา อายุ 57 ปี คนดูแลสวนและดูแลผู้ตาย เล่าว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านน้องสาวผู้ตาย ซึ่งน้องสาวไปอยู่ต่างประเทศจึงให้ผู้ตายมาอยู่ดูแลบ้าน และให้ตนเป็นคนมาดูแลสวนและดูแลผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายมีโรคประจำตัว ความดันสูง ผู้ตายเดินไม่ค่อยสะดวกจึงไม่ออกไปไหน ตนจะเป็นคนซื้ออาหารมาให้ผู้ตายทุกเช้า และจะรดน้ำต้นไม้ทุกวัน 

“เมื่อวานนี้ตนไม่ได้มาทำงาน แต่ได้ซื้ออาหารไว้ให้ ปล่อยให้ผู้ตายอยู่บ้านคนเดียว เย็นวันนี้ตนได้มารดน้ำต้นไม้ และเรียกผู้ตาย แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจึงเปิดบ้านเข้าไป ก็พบผู้ตายนอนไม่สวมเสื้อผ้าเสียชีวิตอยู่ในห้องนอน ซึ่งภายในห้องนอนไม่มีเครื่องปรับอากาศ และช่วงนี้อากาศร้อนมาก โรคประจำตัวผู้ตายคงจะกำเริบทำให้เสียชีวิต” 

รายที่สองเมื่อเวลา 18.25 น. พ.ต.ท.คุณธรรม สุริยะเดช สว.(สอบสวน) สภ.กุมภวาปี ได้รับแจ้งเหตุพบศพ นายดี อายุ 75 ปี สภาพศพคว่ำหน้ามีเลือดไหลออกจากปาก สวมเสื้อโคโปโลแขนยาวสีเหลือง สวมกางเกงวอร์มขาสามส่วนสีกรมท่า ไม่สวมรองเท้า อยู่กลางไร่มันสำปะหลังท้ายหมู่บ้านเหล่าหมากจันทร์ ม.3 ต.ท่าลี่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ตามร่องมันสำปะหลังพบร่องรอยการดิ้นทุรนทุรายเป็นทางยาว 

นายวีรพล อายุ 35 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต เล่าว่า พ่อออกจากบ้านมาที่ไร่มันฯของตัวเองตั้งแต่ 09.00 น. เพื่อมาถางหญ้าในไร่มันฯ พ่อห่อข้าวและน้ำไปด้วย 2 ขวด จนกระทั่งเย็นยังไม่เห็นพ่อกลับบ้านจึงออกมาตามหา จนมาพบศพพ่อในที่สุด 

จากจุดที่พ่อนั่งกินข้าวพบว่า มีร่องรอยการชักจนต้นมันสำปะหลังล้มมาเป็นทางประมาณ 10 เมตร คิดว่าพ่อคงจะเกิดอาการช็อกจากอากาศร้อนแล้วพยายามจะคลานไปหาคนมาช่วย ไปดูจุดที่นั่งกินข้าวก็เห็นขวดน้ำ 2 ลิตรดื่มเหลือค่อนขวด แต่ขวดลิตรครึ่งดื่มไปจนหมดแล้ว คาดว่าพ่อคงจะเกิดอาการขาดน้ำจนเกิด โรคลมชักจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต 

ผู้สื่อข่าวงานเพิ่มเติมว่า สนง.สาธารณสุขจ.อุดรธานี รายงานผู้เสียชีวิตจาก โรคลมแดดหรือ ฮีทสโตรก ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย เคสแรก พระชราเจ้าอาวาสวัดบ้านเก่าน้อย อ.เมือง พบว่า มีการดื่มกาแฟมากกว่า 4 แก้ว ก่อนเสียชีวิต จึงไม่เข้านิยาม ส่วนเคสที่สองที่ ต.ปะโค อ.กุมภวาปี ญาติไม่ประสงค์ให้ผ่าชันสูตรแพทย์ จึงลงความเห็นไม่ได้ แต่ก็เสียชีวิตท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุร่วมด้วยก็เป็นได้

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส