ธุรกิจการตลาด

สร้างผลตอบแทนอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยนิ่ง

3 พ.ค. 67
สร้างผลตอบแทนอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยนิ่ง
ไฮไลท์ Highlight

 

  • ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงทรงตัวในไตรมาสแรกของปี 2567 แม้จะมีปัจจัยบวกบางประการ เช่น เทศกาลมหาสงกรานต์
  • นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่เหมาะสมควรอยู่ที่ระดับ 1,539 จุด โดยกำไรปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 16%
  • ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยหลายด้าน เช่น นักลงทุนต่างชาติยังไม่มั่นใจ เศรษฐกิจไทยยังเติบโตช้า การท่องเที่ยวฟื้นตัวช้า ฯลฯ
  • นักลงทุนไทยควรจับตาดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ

 

ตลาดหุ้นไทยในไตรมาสแรกของปี 2567 เผชิญกับภาวะทรงตัว แม้จะมีปัจจัยเชิงบวกบางประการ เช่น เทศกาลมหาสงกรานต์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ตลาดหุ้นไทยกลับไม่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเหล่านี้ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง มองว่า ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากปัจจัยหลายด้าน บทความนี้ นำเสนอภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน วิเคราะห์ปัจจัยที่กดดันตลาด และเสนอ กลยุทธ์การลงทุน 5 ประการ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนในภาวะตลาดหุ้นทรงตัว

สร้างผลตอบแทนอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยนิ่ง

สร้างผลตอบแทนอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยนิ่ง

หลังจากผ่านพ้นมาหนึ่งไตรมาสของปี 2567 ตลาดหุ้นไทยยังคงรั้งท้าย สำหรับอัตราผลตอบแทนการลงทุนในเอเซีย แม้ว่าจะผ่านเทศกาลมหาสงกรานต์ ซึ่งต้องยอมรับว่า เราจัดงานได้ยิ่งใหญ่สมกับได้รางวัลด้านวัฒนธรรมจาก UNESCO แต่ดูเหมือนปัจจัยเหล่านี้ที่จะผลักดันตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวสูงขึ้นยังไม่เพียงพอ

หากพิจารณาด้านปัจจัยพื้นฐานปัจจุบัน ทีมวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่เหมาะสมควรอยู่ที่ระดับ 1,539 จุด โดยกำไรปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 16% แต่ดูเหมือนยังไม่สามารถดึงดูดใจเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติได้เท่าไร

อย่างไรก็ดี นักลงทุนไทยเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนักกับบรรยากาศการลงทุนที่ดูไม่มีทิศทางเท่าไร
ท่ามกลางตลาดหุ้นเอเซียที่ทยอยปรับตัวขึ้นห่างจากดัชนีของตลาดหุ้นไทยไปเรื่อย ๆ ทำให้ตลาดหุ้นไทยดูตกอยู่ในวังวน แม้ว่ามูลค่าพื้นฐานหุ้นโดยส่วนใหญ่นั้นเข้าข่ายถูกแล้วก็ตาม

นักลงทุนจะลงทุนอย่างไรดี หากราคาหุ้นพื้นฐานถูก แต่ราคาหุ้น และตลาดยังคงทรงตัวและไร้วี่แววของเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดหุ้น ซึ่งนักลงทุนไทยคงต้องรอรัฐบาลไทยเห็นความสำคัญของตลาดทุน และสนับสนุนมาตรการต่าง ๆ ดังเช่น รัฐบาลจีน และเกาหลีใต้ ที่พิจารณาว่า ตลาดหุ้นของตนเองนั้น ควรทำอย่างไรให้เม็ดเงินต่างชาติเข้ามาลงทุน

ก่อนหน้านี้ ผมเคยประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในครึ่งปีแรก ทั้งนี้เนื่องจากการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนยังไม่มีทิศทางชัดเจน มูลค่าการส่งออกของไทยยังพบอุปสรรคแรงเสียดทานจากประเทศคู่แข่ง
การท่องเที่ยวฟื้นตัวแต่ยังไม่กระจายพื้นที่ในวงกว้าง การเบิกงบประมาณยังล่าช้า ซึ่งภาพการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ยังทรงตัวตามภาพที่เราประเมินไว้เดิมในกรอบ 1,350-1,420 จุด   

ดังนั้นการสร้างผลตอบแทนการลงทุนขณะนี้ หลักทรัพย์บัวหลวง ขอแนะนำกลยุทธ์ ดังนี้

5  กลยุทธ์สร้างผลตอบแทนการลงทุน

  1. การลงทุนผ่านหุ้นกู้เอกชน แต่ขอให้พิจารณาในระดับ investment grade โดยคาดหวังว่า จะเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ และปีหน้า
  2. การลงทุนแบบมืออาชีพด้วยการจัดพอร์ตลงทุนแบบ BLS Top Funds Portfolio ซึ่งมีการกระจายเม็ดเงินลงทุนไปสู่ตลาดหุ้นอื่น ๆ และสินทรัพย์อื่น ๆ นอกเหนือจากตลาดหุ้นไทย โดยมีคัดสรรกองทุนที่ยอดเยี่ยมอันดับต้น ๆของกองทุนแต่ละสินทรัพย์ พร้อมการปรับพอร์ตอัตโนมัติ (rebalance) ปัจจุบันให้เลือกลงทุน 3 ประเภท 6 พอร์ตการลงทุน
  3. การลงทุนแบบมืออาชีพแบบ DCA MIX คือ การลงทุนผ่าน ETF หรือ DR ที่ออกโดยหลักทรัพย์บัวหลวง
    เพื่อกระจายความเสี่ยง และพิจารณาการลงทุนผ่านระบบ private fund
  4. การลงทุนผ่าน Equity Linked Notes (ELN) & Fixed Coupon Notes (FCN) ซึ่งเป็นตราสารลงทุนที่สร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องเชื่อมโยงกับหุ้น เหมาะกับภาวะตลาดหุ้นทรงตัวขาดโมเมนตัม มูลค่าพื้นฐานเข้าเขตโซนถูก นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากผู้แนะนำการลงทุนของท่าน
  5. ส่วนธุรกิจที่คาดว่า กำไรจะเติบโตในช่วง 1H67 คือ กลุ่มผลิตอาหาร เนื้อสัตว์ เครื่องดื่ม ท่องเที่ยว อิเลคทรอนิคส์ เป็นต้น

กราฟอัตราผลตอบแทนการจัดพอร์ตกลยุทธ์ BLS Top Funds Portfolio กับดัชนีตลาดหุ้นไทยจากต้นปี 67

 สร้างผลตอบแทนอย่างไร เมื่อตลาดหุ้นไทยนิ่ง

ที่มา : หลักทรัพย์บัวหลวง และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ

กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT