จากกรณี เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายเป็นชายบุกเดี่ยวเข้าชิงเงินใน ธนาคารกรุงเทพ สาขาบ้านเก่า หมู่ที่ 3 ต.บ้านเก่า อ.พานทอง จ.ชลบุรี ยื่นจดหมายขู่ว่ามีปืนได้เงินสดไปทั้งหมด 600,000 บาท
จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามจับตัวนายสุริยา ตะโกนา อายุ 31 ปี คนก่อเหตุได้เเล้ว ขณะผู้ต้องหาอยู่บนรถยนต์โดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ บริเวณหน้าปั๊ม ปตท. ถ.สายเอเชีย ต.ท่าโฉนด อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
ล่าสุด วันที่ 13 พ.ย.64 ทีมข่าวอทรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาดอนหัวฬ่อ จุดที่เเรกที่นายสุริยาเล็งเป้าหมายว่าจะมาชิงเงิน จึงทำทีเดินเข้าไปอัปบุ๊กแบงก์ธนาคาร คนเยอะเกินไปทำให้ตัดสินใจออกจากธนาคาร
เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พานทอง ได้ควบคุมตัวนายสุริยาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมของกลางคือ รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จุดเเรกของการทำแผน เจ้าหน้าที่ตำรวจขอกันไม่ให้สื่อเข้าไปด้านในพื้นที่ธนาคาร
ก่อนที่จะมีการควบคุมตัวนายสุริยา มาทำแผนต่อที่จุดที่ 2 ที่บริเวณริมถนนบ้านเก่า ตำบลพานทอง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี โดยจุดนี้ นายสุริยาได้มีการเปลี่ยนเสื้อผ้า ถอดเสื้อคลุมสีแดง ก่อนจะใส่ไว้ใต้เบาะรถมอเตอร์ไซค์ ขับมุ่งหน้าไปยังธนาคารกรุงเทพสาขาบ้านเก่า
ในขณะเดียวกันที่จุดเกิดเหตุที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบ้านเก่า อ.พานทอง จ.ชลบุรี พบเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น มี 4 คูหา มีเชือกกั้นพื้นที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจสีเหลืองกั้นไว้บริเวณหน้าประตูทางเข้าธนาคาร เเละในวันนี้ธนาคารปิด เนื่องจากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.30 น. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เเละคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พานทอง ได้ควบคุมตัวนายสุริยา ผู้ต้องหา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ
เมื่อนายสุริยาขับมอเตอร์ไซค์มาถึงก็เดินเข้าไปด้านในธนคาร กดบัตรคิวก่อนจะไปนั่งรอ เดินไปที่เคาน์เตอร์ยื่นสมุดบัญชีธนาคารที่มีจดหมายที่มีข้อความข่มขู่ให้พนักงาน "ห้ามบอกใคร ในกระเป๋ามีปืน ทำตัวปกติเอาเงินมา 4 ล้าน ถ้าพูดคุยบอกใคร จะมีคนตาย ซึ่งคุณเป็นคนแรก เอามาวางบนโต๊ะ" ผู้ต้องหากล่าวว่า "ผมขอโทษจริง ๆ ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้" หลังจากนั้นพนักงานก็หยิบเงินปึกละ 1 เเสนบาท มาให้ 6 ปึก นายสุริยารวบเอาเข้ากระเป๋าเป้สีดำ แล้วเดินออกจากธนาคารไปขึ้นรถขับไปที่บ้าน
หลังจากเสร็จสิ้นการทำแผนฯ ตำรวจได้คุมตัวนายสุริยา พร้อมรถมอเตอร์ไซค์คันก่อเหตุไปที่ สภ.พานทอง โดยของกลางทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้ 1. เงินสดที่ได้มาจากการชิงทรัพย์จำนวน 595,000 บาท 2. อาวุธปืนพลาสติกสีดำ ปืนปลอม จำนวน 1 กระบอก 3. รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า รุ่นมีโอ รุ่นสีชมพู-ขาว ทะเบียน 1กญ4513 กทม. 4. กระเป๋าเป้ สีดำ 1 ใบ 5. หมวกเเก๊ป สีดำ 6. สมุดบัญชีธนาคารกรุงเทพฯ สาขาดอนหัวฬ่อ
พลตำรวจตรีอรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุได้ลงมือชิงทรัพย์ไปทั้งหมด 600,000 บาท ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกภาคส่วนจะระดมกำลังช่วยกันตามล่าจนพบ ตัวผู้ต้องหากำลังโดยสารรถ บขส. จากหมอชิต เพื่อที่จะหลบหนีไปที่จังหวัดเชียงใหม่
ส่วนสาเหตุของการชิงทรัพย์ในครั้งนี้ผู้ต้องหาให้การยอมรับว่า ติดหนี้บัตรเครดิต หนี้การพนัน บ้าน รถ จำนองที่ดิน รวมกว่า 3 ล้านบาท โดยก่อเหตุเพียงคนเดียว ใช้เวลาในการตัดสินใจอยู่นานตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 มีการดูลาดเลาธนาคารต่าง ๆ มาเรื่อย ๆ เเละมีการเตรียมการมาก่อน วานนี้สบโอกาสธนาคารกรุงเทพ สาขาบ้านเก่า มีคนน้อยและส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหายังไม่พบว่ามีประวัติอาชญากรรม
พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืน และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิด หรือพาซับนั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
ด้านนางสาวพัลลีพร อินทเจริญศานต์ ผู้จัดการธนาคารธนาคารกรุงเทพ สาขาบ้านเก่า เปิดเผยว่า น้องพนักงานผู้หญิงตอนนี้สภาพจิตใจยังคงอยู่ในอาการหวาดกลัวอยู่ ยืนยันว่าจะไม่มีการไล่ออก หรือลงโทษพนักงาน เนื่องจากว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีใครคาดคิด สิ่งที่น้องพนักงานผู้หญิงทำไม่ใช่เรื่องผิด เพราะว่านาทีนั้นชีวิตจะต้องมาก่อน ไม่รู้ว่าปืนที่ใช้เป็นปืนปลอมหรือปืนจริง
จากนี้ ทางธนาคารจะหามาตรการป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำอีกในอนาคต อาทิ จะคัดกรองและสอดส่องลูกค้าอย่างเข้มงวด กำชับ รปภ.ด้วย พร้อมขอบคุณตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้รวดเร็ว เรื่องเงินของกลางจากนี้จะต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
จากนั้น ตัวเเทนธนาคารกรุงเทพและผู้จัดการสาขาบ้านเก่า ได้มอบกระเช้าผลไม้ เเละเงินสินน้ำใจ เป็นการตอบเเทนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นางเรียง (นามสมมติ) พี่สาวของนายสุริยา ที่นำอาหารเเละเครื่องดื่มมาเยี่ยมน้องชาย ทีมข่าวพยายามสอบถามกับทางพี่สาวของนายสุริยาว่าหลังจากนี้จะมีการประกันตัวหรือไม่ พี่สาวกล่าวว่าคงจะไม่มีมีการประกันตัว เนื่องจากน้องชายไม่ประสงค์จะให้ประกันตัว เขาไม่อยากออกมา ให้เหตุผลว่าออกมาก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ออกมาก็เหมือนเดิม
ส่วนเรื่องของการติดหนี้ พี่สาวยอมรับว่าน้องชายไม่เคยมาเล่าอะไรให้ฟัง ส่วนเรื่องมีเจ้าหนี้จะไปอุ้มน้องชายที่บ้าน ตนก็ไม่ทราบมาก่อน เงินที่ชิงจากธนาคารมานั้น น้องชายก็ยังไม่ทันจะได้เอาไปทำอะไรเลย เงินยังอยู่ครบ 600,000 บาท
Advertisement