จากกรณีนางวรรณลี ปัญญาใส หรือ เจ๊อ๋อ ถูกลอตเตอรี่ 90 ล้านบาท สาวดวงเฮงถูกรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 เดินสายทำบุญสร้างวัด และช่วยเหลือคนจน หลังจากนั้นไม่นานก็ได้แยกทางกับนายสุรการ สุรัญกุล หรือ เสี่ยเต้ย พร้อมแบ่งเงินให้ 30 ล้านบาท ก่อนเสี่ยเต้ยเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว
ผ่านมา 4 ปี เจ๊อ๋อได้ออกมาบอกว่าเงินที่ถูกหวยหมดแล้ว แต่ความสุขไม่มีหมด มีความสุขอยู่กับลูกหลาน ไม่ได้เอาเงินทองมายึดเหนี่ยวในการดำเนินชีวิต ความสุขคือการให้ และวางอนาคตไว้ให้ลูกหลานนั้น
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนางวรรณลี ปัญญาใส หรือ เจ๊อ๋อ ภายในตลาดโคกผักหวาน ต.ห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี บ้านญาติ โดยเจ๊อ๋อขับรถจักรยานยนต์มาจอด พร้อมกับทักทายทุกคนด้วยน้ำเสียงสดใส ยิ้มแย้มแจ่มใส ได้นั่งพูดคุยด้วยเป็นกันเอง พร้อมกับสั่งต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับน้ำเปล่า เป็นอาหารที่กินประจำตั้งแต่มีเงิน และเงินหมดก็ตาม
เจ๊อ๋อ เปิดใจเล่าว่า ตนขอยืนยันว่าเงินที่ถูกหวย 90 ล้านบาทนั้นหมดจริง เพราะเงินที่ถูกหวย 90 ล้านบาทก็เห็นว่าได้แจกจ่ายความสุขให้คน ได้แบ่งให้ลูก 2 คน และหลาน 3 คนไว้ใช้ในอนาคตแล้ว ส่วนของตนได้ใช้หมดแล้ว ส่วนเก็บก็มี ส่วนใช้ก็มี จะไปบอกให้คนอื่นรู้ทำไม ถึงจะไม่มีเงินถูกหวย 90 ล้าน ตนก็มีเงินเดือนจากสามีชาวสวิสเซอร์แลนด์ที่เสียชีวิตสำรองใช้อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็จะมีคนที่ไม่รู้จักมาขอบริจาคหรือนำโฉนดที่ดิน 50-100 ไร่ มาเสนอขาย มาจำนองทำให้อยู่บ้านไม่ได้ต้องไปอยู่ที่สบายใจที่พูดไปนั้น เพื่อต้องการตัดความรำคาญ
เจ๊อ๋อ เล่าอีกว่า ดวงตนมากับเนื้อคู่หากตนมีสามีจะโชคดีถูกหวยรวยโชค ได้นำเงินไปทำบุญแจกความสุขให้คนตกทุกข์ได้ยาก หากไม่มีคู่หรือเป็นโสด ก็จะไม่มีดวงถูกหวย เหมือนกับเทวดาอยากให้มีคู่มากกว่า แต่เวลามีคู่สามีก็อยู่ได้ไม่นานก็จะตายจาก แต่ตอนนี้เป็นโสด ส่วนคำพูดที่เงิน 90 ล้านหมดแล้วมันคือตัวเลข แต่มีความสุขทุกวัน เพราะได้ทำบุญ และแบ่งปันความสุขและมีเงินใช้จ่ายตลอด
ล่าสุด ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 4 บ้านคำบอน ต.หนองแสง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี เป็นบ้านของเสี่ยเต้ยและในอดีตเคยตั้งเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลศพของเสี่ยเต้ยด้วย พบว่าบ้านหลังดังกล่าวปิดเงียบ มีป้ายไวนิลขนาดใหญ่แขวนไว้ที่หน้าบ้าน เป็นคำสั่งศาลจังหวัดอุดรธานี ระบุเป็นคดีหมายเลขดำที่ พ2706/2563 และคดีหมายเลขแดงที่ พ363/2564
ระบุชื่อผู้ร้องคือน้องนิวเวียร์ ลูกบุญธรรมของเสี่ยเตี้ยกับเจ๊อ๋อ และในชื่อผู้ร้องยังระบุต่ออีกว่าโดยมีนางสาววรรณลี ปัญญาโส หรือ เจ๊อ๋อ เป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง โดยมีผู้คัดค้านคือนายสนอง สุรัญกุล พี่ชายคนโตของเสี่ยเต้ยในหัวข้อเรื่องขอจัดการมรดก สรุปใจความสำคัญว่า ศาลฯได้พิจารณาเห็นสมควรจัดตั้งให้นางสาววรรณลีซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองน้องนิวเวียร์เป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมดของเสี่ยเต้ย ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์มาตรา 1731 ให้นางสาววรรณลีมีสิทธิและหน้าที่ตามกฏหมาย พร้อมแนบหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด ประทับตราศาลจังหวัดอุดรธานี ลงชื่อผู้พิพากษาเรียบร้อย และลงวันที่ศาลฯอ่านคำสั่ง 19 กุมภาพันธ์ 2564 และออกหนังสือในวันที่ 24 มีนาคม 2564
นายสนอง สรัญกุล อายุ 52 ปี พี่ชายคนโตของเสี่ยเต้ย บอกว่า หลังมีการตกลงกันในชั้นศาลฯ ระหว่างญาติพี่น้องเสี่ยเต้ยกับเจ๊อ๋อ ว่าจะนัดวันเปิดพินัยกรรมเมื่อพร้อมและสะดวกด้วยกัน แต่เมื่อกลางปี 2564 เจ๊อ๋อก็เอาป้ายไวนิลฉบับนี้มาติดแล้วบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นของน้องนิวเวียร์ พร้อมกับบอกตนและพี่น้องคนอื่น ๆ ของเสี่ยเต้ยว่าได้ไปเปิดพินัยกรรมแล้วเรียบร้อย ถืออำนาจจากคำสั่งศาลฯในตอนแรกที่ระบุว่าให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยินยอมถึงจะเปิดพินัยกรรมได้ ซึ่งเจ๊อ๋อถือว่าเขาเป็นผู้ปกครองอำนาจของน้องนิวเวียร์ จึงใช้สิทธินั้นขอเปิดพินัยกรรมโดยไม่ได้แจ้งให้ญาติของเสี่ยทราบล่วงหน้า ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดของพินัยกรรมให้ทราบด้วย บอกเพียงแค่ว่าไม่มีอะไรและไม่ได้นำเงินหรือแบ่งทรัพย์สินมาให้ญาติแม้แต่บาทเดียว
เท่าที่ตนทราบคือในพินัยกรรมมีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน 2 สองคัน และบัญชีเงินฝากที่มีเงินอยู่ประมาณ 10 กว่าล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นลักษณะของกองทุนต่าง ๆ แต่ตนไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นอะไรบ้าง เนื่องจากเมื่อมีการเปิดพินัยกรรมแล้ว กลายเป็นว่า เสี่ยเต้ยไม่ได้ระบุในพินัยกรรมว่าจะยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ใด หรือทำพินัยกรรมตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดกไว้ จึงทำให้ทั้งหมดตกไปอยู่ที่บุตรบุญธรรมของเสี่ยเต้ยโดยมีเจ๊อ๋อเป็นผู้ปกครองอำนาจ
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ เมื่อมีการพูดคุยกับเหล่าพี่น้องทั้งหมดก็ยังแอบติดใจ มองว่าเจ๊อ๋อเล่นไม่ซื่อ แต่ก็พยามทำใจ พยายามลืมเพื่อให้เสี่ยเต้ยที่ตายไปแล้วหลับสบาย ไม่มีอะไรกังวล เพราะสุดท้ายเมื่อน้องนิวเวียร์บรรลุนิติภาวะ เชื่อว่าเขาจะเป็นคนจัดการทุกอย่างได้ บวกกับญาติทุกคนก็มีทรัพย์สินที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้อยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็สบายใจ แต่ขอไม่ติดต่อไม่ขอรู้จักเจ๊อ๋ออีก พร้อมกับส่งท้ายด้วยประโยคว่า "ขอให้สบายนะ ทำกรรมอะไรไว้ก็รับกรรมไป"
ด้านนางคำพอง (สงวนนามสกุล) พี่สาวคนที่ 3 ของเสี่ยเต้ย บ้านอยู่ติดกับบ้านที่มีการแขวนป้ายไวนิล บอกว่าตอนนี้ญาติทุกคนไม่ติดใจก็จริง แต่กว่าจะทำใจให้ปลงและเฉย ๆ กับเรื่องทั้งหมดได้ก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน คิดว่าสมบัติทั้งหมดล้วนเป็นของนอกกาย ตนก็ทำได้แค่ช่วยดูแลบ้านหลังนี้ให้หลานไปเรื่อย ๆ แต่คงไม่ได้เข้าไปข้างในเหมือนแต่ก่อน เพราะตั้งแต่เจ๊อ๋อเข้ามาติดแผ่นไวนิล เขาก็ล็อกประตูทั้งหมด
น.ส.รินดาพร แก้วระวัง อายุ 44 ปี เจ้าของร้านของชำเจ๊ยุ้ย เล่าว่า ปกติเจ๊อ๋อมานั่งเล่นที่นี่ประจำ ไม่เชื่อว่าเงิน 90 ล้านจะหมด คิดว่าเป็นการตัดความรำคาญพวกที่มาขอบริจาคขอยืม และเอาที่มาจำนอง และขายให้เป็นการรบกวน ทำให้อยู่บ้านไม่ได้ ต้องหนีออกไปตามญาติหรือไปทำบุญตามวัดต่าง ๆ เวลามาตลาดก็จะอุดหนุนแม่ค้าพ่อค้าในตลาด เหมาสินค้าแจกชาวบ้านเหมือนเดิม ยังใช้ชีวิตเรียบง่ายสไตส์เจ๊อ๋อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อาลัย “เสี่ยเต้ย” ติดเชื้อดับญาติช็อกมีเงินแต่อมทุกข์ เจ๊อ๋อ 90 ล้านร่ำไห้อาลัยผัวเก่า (คลิป)
- พี่เสี่ยเต้ยผวาน้องมาหาหมดห่วง 50 ล้าน เจ๊อ๋อไม่ฟ้องทวงสิทธิ์ อึ้งหมาเศร้าเฝ้าโลง (คลิป)
- 'เจ๊อ๋อ' ขออโหสิกรรมให้เสี่ยเต้ย ไม่สนมรดก 50 ล้านจะตกเป็นของใคร
Advertisement