จากกรณี มีผู้เสียหาย น.ส.กาญจนาภรณ์ อายุ 30 ปี ร้องเรียนกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ว่าถูกบุคคลอ้างตัวเป็นตำรวจและเป็นเจ้าของเว็บพนันบุกถึงบ้าน ข่มขู่เอาเงินคืนและขออายัดบัญชี หลังผู้เสียหายแทงพนันได้เงินจำนวน 2 ล้านบาท ภายใน 2 เดือนนั้น
มีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ ในวันที่ 10 มี.ค. 65 ขณะที่กลุ่มคนดังกล่าวขับรถบุกไปถึงบ้านของผู้เสียหายหลายคัน โดยภาพที่ผู้เสียหายส่งมาให้กับทีมข่าว ระบุว่า 2 คนในกล้องวงจรปิด ที่อ้างตัวเป็นตำรวจไซเบอร์ ก็คือคนที่นั่งรถมากับคนใส่หมวก ตัดผมเกรียน มีรูปร่างอ้วนและผอมสูง ส่วนคนที่อ้างตัวเป็นเจ้าของเว็บพนันพาพวกมาทั้งหมด 15 คน ร่วมเจรจาที่บ้านผู้เสียหายประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
ล่าสุด วันที่ 31 มี.ค. 65 มีรายงานว่าบุคคลในภาพที่อ้างตัวเป็นตำรวจ ได้โทรศัพท์ไปหา น.ส.กาญจนาภรณ์ ผู้เสียหาย ถามว่า "เรื่องแค่นี้ ต้องไปร้องเรียนกับทนายดังเลยหรือไง" จนทำให้ขณะนี้ น.ส.กาญจนาภรณ์ รวมถึงสามีและลูกต้องหนีไปอยู่ต่างจังหวัด
เมื่อเวลา 16.30 น. ทางแม่และพี่สาวของสามี น.ส.กาญจนาภรณ์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งมอบเงินให้กับบุคคลที่อ้างตัวเป็นตำรวจ ได้เดินทางมาพบกับตำรวจ สภ.บางแก้ว โดยเมื่อมาถึง พ.ต.อ.มงคล อ่อนแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว พร้อมด้วย รอง ผกก.สืบสวน และสอบสวน ได้มีการสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะไปชี้จุดหน้าห้องสืบสวนที่มีการเคลียร์เงินให้กับบุคคลที่อ้างตัวเป็นตำรวจ
โดยการสอบสวนนางจินดา อายุ 63 ปี และน.ส.จินตนา อายุ 40 ปี แม่และพี่สาวของสามี น.ส.กาญจนาภรณ์ ให้ข้อมูลไทม์ไลน์กับตำรวจว่าวันเกิดเหตุ คือวันที่ 10 มี.ค. 65 บุคคลที่อ้างตัวเป็นตำรวจได้พาตัว น.ส.กาญจนาภรณ์ สามี และลูก ไปทั้งหมด 5 จุด ในวันที่ 10 มี.ค. 65 และเคลียร์เงินที่ สภ.บางแก้ว ในวันที่ 11 มี.ค. 65
1. ไปอุ้มตัวที่ร้านกาแฟ ราบีก้า ในซอยอุดมสุข แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพ ในเวลา 17.00 น.
2. เวลา 17.30 น. พาไปบ้านแม่สามี ที่ซอยหมู่บ้านนิรันดร์วิลล์ 1 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ
3. เวลา 18.30 น. พาไปบ้านผู้เสียหาย หมู่บ้านเอโทล จาวาเบย์ ใน ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
4. เวลา 20.00 น. ไปเซฟเฮ้าส์ ที่เป็นอาคารกฎหมาย ชื่อว่าบ้านอินทรีย์ ใกล้กับบิ๊กซีในพื้นที่มีนบุรี
จนกระทั่งวันที่ 11 มี.ค. 65 เวลา 17.00 น. บุคที่อ้างตัวเป็นตำรวจนัดไปเคลียร์เงินที่ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ โดยการส่งมอบเงินให้กับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ นางจินดา แม่สามีของ น.ส.กาญจนาภรณ์ เป็นคนเบิกเงินจำนวน 400,000 บาทมาให้
พ.ต.อ.มงคล อ่อนแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว ชี้แจงกัว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ในวันเกิดเหตุที่ผู้เสียหายอ้างว่ามีตำรวจไซเบอร์นำตัวมาเคลียร์เรื่องเงินกันที่บริเวณห้องสืบของโรงพัก ขณะนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสืบสวนที่เข้าเวรในวันนั้น เช็กว่ามีตำรวจนอกพื้นที่มาลงบันทึกประจำวัน เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ สภ.บางแก้ว หรือไม่
จากการตรวจสอบ ไม่พบข้อมูลตำรวจนอกพื้นที่มาลงบันทึกประจำวัน ในวันเกิดเหตุก็คือวันที่ 11 มี.ค. 65 ซึ่งขณะนี้ได้สั่งให้ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นไปหาหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว ขอยืนยันว่าจากการตรวจสอบยังไม่พบตำรวจของ สภ.บางแก้ว เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ส่วนเรื่องการอายัดบัญชี ทางตำรวจได้ประสานไปยังร้อยเวรในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แล้ว พบว่ามีการขออายัดบัญชีจริง ซึ่งทางร้อยเวรที่เป็นคนให้ข้อมูล แจ้งเหตุผลมาว่าที่ต้องอายัดบัญชีผู้เสียหาย เนื่องจากตรวจสอบพบว่าบัญชีของผู้เสียหายมีการโอนเงินเข้าออกกับเว็บพนันจริง จึงต้องอายัดบัญชีเพื่อตรวจสอบว่าบัญชีผู้เสียหายจะเป็นบัญชีม้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันหรือไม่ โดยวันนี้ทางร้อยเวรได้ปลดบัญชีให้ผู้เสียหายแล้ว เพราะตรวจสอบไม่พบการกระทำผิดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าหากพบการกระทำผิดและเป็นตำรวจจริงจะดำเนินคดีไปตามกฎหมาย โดยไม่มีการเข้าข้างตำรวจแน่นอน
นางจินดา อายุ 63 ปี บอกว่า วันที่ตัวเองนำเงินมาให้กับบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจ เป็นช่วงประมาณ 17.00 น. ตนเองและครอบครัว ได้พากันขับรถเข้ามาที่ สภ.บางแก้ว ตามที่ลูกสะใภ้ได้นัดกับบุคคลดังกล่าวเอาไว้ พอจอดรถ ตนเองก็ส่งเงินที่ใส่ซองน้ำตาลให้กับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจและมาจากเว็บพนัน ที่มีลักษณะอ้วน ดำ ผมยาว ในจำนวนเงิน 400,000 บาท พอจ่ายเงินเสร็จ บุคคลดังกล่าวก็พาเดินไปบังคับให้เซ็นเอกสารรับสภาพหนี้เงินกู้ ที่โต๊ะม้าหินหน้าห้องสืบสวน แต่ตนเองและลูกสะใภ้ไม่เซ็น ช่วยกันโวยวายไปในตอนนั้น
หลังจากนั้น บุคคลดังกล่าวก็ได้โทรศัพท์ไปหาเจ้านาย ที่เป็นเจ้าของเว็บพนันว่าตนเองและลูกสะใภ้ไม่ยอมเซ็นเอกสาร ถามว่าทำไมต้องยอมเบิกเงินจำนวน 400,000 บาท กับพระ 1 องค์มาให้กับบุคคลดังกล่าว ก็เป็นเพราะว่าถูกข่มขู่ว่าถ้าหากไม่นำเงินมาให้ ก็จะออกหมายจับ แล้วก็อ้างว่าสิ่งที่ลูกสะใภ้กับลูกชายทำลงไป ธนาคารเดือดร้อน ต้องนำเงินไปคืนให้กับธนาคาร โดยไม่ได้บอกว่าจะนำเงินไปคืนเว็บพนัน
ส่วนวันที่บุคคลดังกล่าวพาลูกสะใภ้กับลูกชายไปที่บ้าน ทางคนที่ใส่แว่น เดินเข้าไปที่บ้านเพียงคนเดียว โดยอ้างว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ และไม่มีหมายค้นแต่อย่างใด หลังจากนั้นก็เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่แจ้งไปกับตำรวจ ตนยืนยันว่าลูกชายและลูกสะใภ้มีอาชีพขับรถส่งของ ไม่ได้โกงเงินเว็บพนัน ที่เล่นได้เป็นเพราะเสี่ยงโชคได้เท่านั้น ถามว่าอยากได้เงินคืนหรือไม่ ก็อยากได้เงินคืน แต่ตอนนี้กลัวว่าบุคคลดังกล่าวจะตามมาอุ้มตัวครอบครัวอีก เนื่องจากที่ผ่านมาบุคคลดังกล่าวรู้ความเคลื่อนไหวของคนในครอบครัวทั้งหมด
พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยผ่านทางวิดีโอคอลว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองได้ติดตามข่าวจากรายการทุบโต๊ะข่าว ช่อง 34 เมื่อคืนนี้แล้ว โดยหลังจากออกอากาศไป ก็ได้สั่งการตำรวจในกองบังคับการตรวจสอบบุคคลในภาพทันทีว่าเป็นตำรวจไซเบอร์จริงหรือไม่
ปรากฏว่าจากการตรวจสอบ เบื้องต้นบุคคลดังกล่าวไม่ใช่ตำรวจในสังกัดแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้เป็นความผิดวินัยตำรวจอย่างร้ายแรง หากเป็นตำรวจไซเบอร์จริง ก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน หาเหตุผลว่าใครเป็นคนสั่งการให้ไปทำและมีใครในกองบัญชาการเกี่ยวข้องบ้าง
ส่วนเรื่องที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ให้สัมภาษณ์ตั้งคำถามว่าถ้าเป็นตำรวจไซเบอร์จริง ทำไมตำรวจไซเบอร์ถึงต้องไปรับใช้เจ้ามือพนันออนไลน์ ขอยืนยันว่าตำรวจไซเบอร์ไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากขอบคุณทางช่องอมรินทร์ทีวีที่นำเสนอข่าวนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม หากผู้ใดพบการการทำผิดแบบนี้ ให้ติดต่อมาร้องเรียนโดยตรงทางกองบัญชาการผตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ ได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้กำลังให้ผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 2 นาย สอบสวนที่ไปที่มาว่าใครเป็นคนสั่งการให้ไปก่อเหตุ นอกจากตำรวจ 2 นายนี้ ยังมีชื่อของตำรวจนครบาล 5 อีก 2 นาย ไปเกี่ยวข้อง ซึ่งจากการตรวจสอบ ตำรวจนครบาล 5 ให้การว่าถูกนำชื่อไปแอบอ้างเท่านั้น สำหรับบทลงโทษตำรวจทั้ง 4 นาย อยู่ระหว่างการสอบสวน และจะมีการแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ หากการสอบสวนพบการกระทำความผิดจริง ก็ต้องให้ออกจากราชการ
"ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด บอกว่า ผู้เสียหายได้เข้ามาปรึกษาตนว่าเล่นการพนันได้ แต่ถูกข่มขู่ขอเงินคืนและอายัดบัญชี โดยขณะนี้ผู้เสียหายมีความหวาดกลัวและกังวล ได้ตัดสินใจเดินทางออกต่างจังหวัด แต่ตนได้เรียกตัวกลับมา เพื่อเตรียมให้ปากคำต่าง ๆ ทั้งนี้แม้ตัวผู้เสียหายจะผิดที่เล่นพนัน แต่โทษเพียงแค่ปรับ เพราะไม่ใช่เจ้ามือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิ์อายัดบัญชีและไปข่มขู่
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมกลุ่มไปข่มขู่ ถือว่ากระทำนอกเหนือหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทุกคนในกลุ่มดังกล่าว อาจเข้าข่ายร่วมกันปล้น และกักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วนจะมีการเปิดโปงเว็บพนันหรือจับเจ้ามือ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะขยายผลต่อ แต่ส่วนใหญ่เว็บพนันออนไลน์จะเป็นเว็บจากต่างประเทศ จากนี้ ตนก็จะนัดพบกับผู้เสียหาย และดูในเรื่องของคดีความ ซึ่งอาจมีการฟ้องแพ่งเพิ่มเติม และอาจมีค่าทำขวัญด้วย
ทีมข่าวยังไปได้คลิปที่มีบุคคลที่ชื่อ "มะลิ" โทรศัพท์ติดตามขอเงินคืนจากผู้เสียหาย และเป็นคนที่พยายามไกล่เกลี่ย บอกว่าจะถอนการอายัดบัญชีให้ และขอให้ผู้เสียหายไปถอนแจ้งความกับตำรวจ โดยเนื้อหาในการพูดกันมีบางช่วงบางตอน ที่บอกกับผู้เสียหายว่า "ไปนั่งกินเหล้ากินเบียร์กัน อยากให้เรื่องนี้มันจบก็ไปถอนแจ้งความ เราจะได้กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม"
Advertisement