เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 65 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ข้อความว่า "นี่เป็นห้องที่รองหัวหน้าพรรค ที่มักจะหลอกผู้หญิงว่าเป็นสำนักงาน เหยื่อคนไหนหลงเชื่อยอมขึ้นมาบนห้อง รองหัวหน้าพรรคก็จะล็อกประตู ใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืน แล้วก็มักจะขู่เหยื่อว่าหากแจ้งความ ครอบครัวเหยื่อจะเดือดร้อน เพราะพ่อตัวเองนั้นใหญ่มาก บางคนต้องยอมให้ข่มเหงเป็นปี ๆ บางคนเป็นบาดแผลในใจถึงกับป่วยเป็นโรคซึมเศร้า บางคนถึงกับต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ
วันนี้พวกเราคนไทยต้องขอบคุณ และส่งกำลังใจให้เหยื่อทุกคนนะครับ ที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลด้วยความกล้าหาญ น้อง ๆ เป็นผู้ถูกกระทำโดยไม่เต็มใจ ซึ่งสิ่งที่ทุกคนทำ ทำให้อีกหลายคนรู้สันดาน #รองหัวหน้าพรรคโรคจิตว่าต่อหน้าสื่อเป็นคนดี ดูน่าเชื่อถือ แต่ลับหลังกลับมีพฤติกรรมตรงกันข้ามขนาดไหน จะได้ไม่มีคนตกเป็นเหยื่อมันอีก ขอขอบคุณทุกคนด้วยใจครับ"
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรคคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า "บางคนที่ไปแจ้งความฟ้องร้องผมนั้น ผมยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกันเลย และไม่เคยพูดคุยกันสักครั้ง แต่กลับมาหาเรื่องกันอย่างนี้ อยากให้สื่อมวลชนลองไปตรวจสอบดูให้ดีว่า คนที่มาร้องเรียนนั้น บางคนเป็นใคร มีประวัติ มีที่มาเป็นอย่างไร ผมขอย้ำว่าพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม"
นายเทพไท เสนพงศ์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ขอบคุณ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่รักษามาตรฐานของพรรคไว้ ด้วยการลาออก ผมขอชื่นชมในสปิริตของคุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่ตัดสินใจลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งรองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าการกรุงเทพมหานครของพรรค เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพรรค ซึ่งเป็นการเสียสละและรับผิดชอบต่อพรรค เพื่อไปต่อสู้พิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรม และไม่ให้ผลของข้อกล่าวหากระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ จึงขอชื่นชมที่คุณปริญญ์ นักการเมืองรุ่นใหม่ ที่รักษามาตรฐานความเป็นพรรคประชาธิปัตย์ไว้ เหมือนกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยถูกข้อกล่าวหาในอดีตที่ผ่านมา และได้แสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่งไว้ก่อน ระหว่างมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา ทั้งกรณีของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความั่นคงของมนุษย์ ซึ่งได้แสดงสปิริตลาออกให้เป็นบรรทัดฐานมาแล้ว แม้ว่าภายหลังการสอบสวนจะไม่พบความผิด เป็นผู้บริสุทธิ์ก็ตาม แต่ก็ถือว่าได้ทำตามมาตรฐานของพรรค ทึ่ยึดถือปฎิบัติมายาวนาน สมกับเป็นพรรคสถาบันทางการเมือง ขอขอบคุณ คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์อีกครั้งหนึ่ง แม้จะเป็นสมาชิกใหม่ คนรุ่นใหม่ แต่ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ไม่นำเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวพันกับพรรค ให้เป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมต่อไป"
จากการตรวจสอบ พบว่าเมื่อ 3 ปี ที่ผ่านมา นายปริญญ์ เคยบรรยายต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี รวมถึงมีแนวคิดสนับสนุนความเป็นหญิง เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 62 เคยพูดในงานเสวนามูลนิธิรักษ์ไทย เรื่อง “พลังของสิทธิสตรี Empowering Women’s Tomorrow”
นอกจากนี้ ยังมีโปสเตอร์นายปริญญ์ กับวลี “หยุดการใช้กำลังตัดสินปัญหา แล้วหันหน้ามาปรึกษา ร่วมพัฒนาและเดินหน้าไปด้วยกัน ชุมชนจะก้าวไกล ถ้าร่วมใจไม่ละเมิดสิทธิสตรี” ในวันที่ 25 พ.ย. 62 เนื่องในเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีสากล “รักไร้รุนแรง Love with non-violence”
นายปริญญ์ กล่าวว่า "คดีความของตนสมัยที่อยู่ในประเทศอังกฤษ ศาลตัดสินยกฟ้องแล้วว่า ผมไม่ได้กระทำผิด เรื่องจึงจบไปนานแล้ว แต่กลับมีคนหยิบยกมาเขียนกันอีก ทำให้ผมได้รับความเสียหาย"
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ตามหลักการไม่ว่าคนที่เป็นนักการเมือง หรือมหาเศรษฐี หรือประชาชน ไม่มีสิทธิที่จะทำร้ายผู้หญิง สมัยที่ตนเป็นนักการเมืองใหม่ ๆ เคยถูกคุกคามด้วยคำพูด แต่เป็นคนสู้คน ไม่ว่าคนที่มีพฤติกรรมนี้ จะใหญ่แค่ไหน หรือมีอำนาจเงิน ต้องได้รับการลงโทษหากเป็นข้อเท็จจริง เพราะไม่สามารถเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นที่จะทำอะไรก็ได้โดยไม่ได้คำนึงศักดิ์ศรี ในฐานะผู้หญิงยอมไม่ได้ สังคมต้องประณาม กฎหมายต้องลงโทษ
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า "รองหัวหน้าพรรคมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศผู้หญิงมาตลอด พรรคไม่รู้เรื่องเลย นี่ถ้ามีคนฉ้อราษฎร์บังหลวงในพรรคจะรู้ไหมเนี่ย ขนาดเรื่องง่าย ๆ ยังไม่รู้"
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ตั้งแต่ผมเป็นหนุ่มมา 16-40 ปี ไม่เคยลวนลามสตรีที่เขาไม่มีใจให้เลยแม้แต่คนเดียว มีแต่สตรีเคยล่วงเกินผม ผมสามารถแจ้งความได้ไหม #ทนายตั้ม"
นายพงศกร มหาเปารยะ โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ทะลึ่งไปแถลงข่าวหน้าพระแม่ธรณี แล้วยังเ_อกโกหก มึงโดนกรรมตามทันแบบติดจรวดไฮเปอร์โซนิคแน่นอน"
Advertisement