จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งวันที่ 18 พ.ค.63 ผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุการตาย ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอของคนร้าย โดยได้ไปพบหลักฐานเพิ่มเติม คือ เสื้อลายพรางที่ถูกเผาทิ้งไว้ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดพบรถแบกโฮของเล่น ประมาณ 200 เมตรนั้น นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้เดินทางตามคำทำนายหมอดูและพบว่ามีถ้ำคล้ายที่หมอธรรมตาทิพย์ทำนายอยู่จริง
อ่านข่าวน้องชมพู่เพิ่มเติม
- มือปราบหูดำถอดรหัสคนฆ่าชมพูทำไมซ่อนเสื้อ ชี้รถของเล่นจะมัดตัว
- เจอหลักฐานอีก! ผ้าลายพรางถูกเผาใกล้ศพ “ชมพู่” เผยเส้นทางฆ่าจ่อจับฆาตกร
- เจอแล้ว! ถ้ำ “หมอตาทิพย์” อึ้งมีขุดดินก่อไฟจ่อค้นหาเสื้อ “ชมพู่” ผู้คนตาค้างเพิ่งเห็น
- ดูที่แรก! พิสูจน์ 8 ชายสวมแหวนเทียบตกข้างศพ “ชมพู่” เจอนิ้วก้อยมีปัญหาถ้าใส่ฆ่า
- เก็บ “ขนเพชร” หา DNA คนฆ่าชมพู่ วุ่นเจอเสื้อลายพรางพรึ่บ เหมือนที่ใกล้ศพ
ทีมข่าวเดินตามแล้วเส้นทางจากพัก 1 เป็นชั้นที่พบแหวนและสายเปลสีฟ้า จากนั้นเดินขึ้นไปสู่พัก 2 มุ่งหน้าไปจนถึงจุดที่เจอรถแบคโฮของเล่นและเสื้อลายพราง ด้วยการเดินลัดเลาะเส้นทางใหม่ที่ทีมข่าวไม่เคยเดินมาก่อน โดยเดินเลียบไปทางทิศตะวันออก เพื่อไปยังอ่างกบ (แนวทางน้ำบนเขา) ระหว่างทางต้องเดินเลาะแนวหิน ข้ามหน่อไม้ป่า จนกระทั่งไปถึงแนวของทางน้ำขนาดใหญ่ แนวนี้อยู่ทางทิศตะวันออกของภู เป็นเส้นทางมุ่งสู่ยอดเขา
ทีมข่าวมุ่งตรงไปยังพักที่ 3 เป็นพักที่ไม่ได้เจอหลักฐานอะไร นายคล้าย อธิบายกับทีมข่าวถึงข้อสังเกตหากเด็กเดินขึ้นมาสิ่งที่ต้องเจอระหว่างทาง คือ ต้นไม้ที่มีลักษณะเป็นหนาม สูงระดับตัวเด็กพอดี ซึ่งหากเด็กเดินเองโดยไม่มีใครอุ้มต้องมีแผลไปทั้งตัว
ทีมข่าวเดินต่อไปยังพักที่ 4 แนวทางเดินขึ้นมีความสูงชันมาก เป็นแนวที่เจอกางเกง และรองเท้า ระดับความชันที่ทีมข่าววัดอยู่ที่ 44 องศา ชั้นนี้เป็นพักที่จะเป็นจุดพบศพของชมพู่ และหลักฐานสำคัญอีก 2 อย่าง คือ รองเท้า และกางเกง ความกว้างของพัก 200 เมตร
จากนั้นทีมข่าวเดินต่อไปเรื่อย ๆ พบว่าสูงชันมากขึ้น เพราะจะเป็นพักที่ 5 ลักษณะเป็นชั้นหิน ดิน ที่เดินตามแนวเขาไม่กว้างมาก แนวทางเดินกว้างอยู่ที่ 20-30 เซนติเมตร ระหว่างทางพบกับต้นงิ้ว ต้นที่ 1 ไม่สูงมาก จนกระทั่งไปสุดทางทิศตะวันออกของเขาภูเหล็กไฟ พบกับโพรงคล้ายถ้ำ เป็นถ้ำหิน ความกว้าง 5 เมตร สูง 3 เมตร ลึก 2 เมตร
โพรงนี้อยู่ได้ราว 10 คน มีกอหน่อไม้ป่า 1 กอ ด้านบนมีความคล้ายชะง่อนผา พบว่าบนผามีงิ้วป่าอยู่ 1 ต้น แต่ไม่พบหลุมน้ำ จุดนี้ชาวบ้านบอกว่าแทบจะไม่ได้มา แต่หากมาก็จะมาช่วงที่หาของป่า จุดนี้อยู่ห่างจากจุดพบศพชมพู่ ประมาณ 2 กม.
ทีมข่าวเดินขึ้นไปด้านบนอีกชั้น ซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย คือ พักที่ 6 พักนี้เป็นยอดภู ลักษณะเป็นพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าเพ็ก ฝั่งทิศเหนือของเขาเป็นแนวหน้าผาทั้งหมด และทีมข่าวได้พบถ้ำที่ 2
ล่าสุดวันที่ 27 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางมาพูดคุยกับนายเข้ม (นามสมมติ) หมอธรรมหมู่บ้านกกตูม ที่วันนี้นายเข้ม ได้เข้ามาทำงานอยู่ที่สวนยางพารา ทีมข่าวจึงได้ตามมาสอบถามถึงกรณีที่ทีมข่าวขึ้นไปบนยอดภู โดยเปิดภาพให้นายเข้มดู และบอกข้อมูลสิ่งที่พบกับนายเข้ม และนายเข้มบอกว่าจุดดังกล่าวที่น่าจะใกล้เคียงที่สุดคือถ้ำที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะมีเสื้อของน้องชมพู่ซ่อนอยู่
นายเข้ม เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ถ้ำที่ 3 ตรงกับที่ตนเห็น แต่ตนไม่ได้ระบุว่าจะต้องยึดตามต้นงิ้วอย่างเดียว อาจหมายถึงต้นไม้ที่มีอยู่ทั่วไปก็ได้ โดยลักษณะจุดดังกล่าวจะมีต้นป้อขนาบข้างจริง ลักษณะมีหลุมน้ำแอ่งน้ำอยู่จริง โดยให้ลองหาเสื้อตามหลุมตามแอ่ง และหาบริเวณรอบ ๆ เพราะบางทีเสื้ออาจจะไม่ได้ซ่อนอยู่ และตอนนี้ตนมองเห็นเพียงว่ามีบางอย่างปิดเอาไว้ แต่ตนไม่รู้ว่าอะไร
นอกจากนี้ ขอให้ลองหาตามต้นไม้ด้วย หาต้นไม้ทุกต้นในละแวกถ้ำที่ 3 เพราะคนร้ายไม่ได้เอาเสื้อไปด้วยแน่นอน อาจจะอยู่ในโพรงต้นไม้ ให้ดูตามต้นไม้ตามโพรงไม้ได้เลย แต่หากไม่มีตามโพรงไม้ ให้หาตามซอกหินด้วยอาจจะเจอเสื้อก็ได้
อย่างไรก็ตาม หมอธรรมยังบอกว่า ตนเห็นน้องชมพู่นั่งอยู่ในป่า ไม่มีการพูดอะไร แค่นั่งยิ้มเฉย ๆ ตนเคยฝันถึงน้องชมพู่ 1 ครั้ง จำวันที่ไม่ได้ว่าฝันวันไหน เห็นน้องชมพู่นั่งยกมือให้เท่านั้น
ทั้งนี้นายเข้ม ได้นั่งสมาธิและเงียบไประหว่างสัมภาษณ์ พร้อมบอกว่าตอนนี้น้องชมพู่ มีวิญญาณแบ่งออก 2 ส่วน คือ ภูมิดีและภูมิไม่ดี ขณะนี้ภูมิดีมาอยู่ที่วัดแล้ว ส่วนภูมิที่ไม่ดียังอยู่บนเขา
ตนพยายามมองว่าเป็นใครที่อยู่กับน้อง ก็เห็นเป็นลาง ๆ ว่าเป็นชายโบราณรูปร่างสูงใหญ่ นุ่งโจงกระเบนสีแดง ถอดเสื้อ ทำผมทรงแหวก ถือดาบยาวที่มือขวา ยืนอยู่คนเดียว และเฝ้าน้องชมพู่เอาไว้อย่างไรก็ตาม หากอยากช่วยให้ภูมิที่ไม่ดีของน้องชมพู่หลุดพ้น และได้รับการปลดปล่อยจากชายดังกล่าว ต้องให้ครอบครัวเตรียมหัวหมู 1 หัว ธูป เทียน และดอกไม้ อย่างละ 5 คู่ จะสามารถแก้ไขได้ ชายดังกล่าวจะปล่อยภูมิที่ไม่ดีของน้องลงมา ซึ่งนายเข้ม ยังเปรยอีกว่าเจ้าที่ด้านบนแรงมาก ตนพยายามเพ่งก็มองเห็นได้เพียงลาง ๆ เท่านั้น
สำหรับกองไฟที่ถูกก่อทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าปากถ้ำที่ 3 นั้น ชาวบ้านให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า มีมาก่อนวันที่ 11 พ.ค.63 คาดการณ์ว่าชาวบ้านในพื้นที่ก่อใช้เผาหน่อไม้ป่า ซึ่งเป็นการก่อไฟตามวิถีของชาวบ้านในพื้นที่ที่เข้ามาหาของป่า
ทีมข่าวเดินต่อไปยังถ้ำที่ 3 ซึ่งเป็นถ้ำที่มีลักษณะใกล้เคียงกับที่หมอธรรมตาทิพย์บอกมามากที่สุด และหมอธรรมชี้ให้กับทีมข่าว เดินขึ้นมามาสำรวจอีกรอบ
เมื่อทีมข่าวเข้าไปสำรวจด้านใน พบเป็นโพรงถ้ำลึก 30 เมตร ส่วนใหญ่องค์ประกอบของถ้ำเป็นหิน ทีมข่าวลองพลิกหินดู มีหินก้อนเล็กและใหญ่ และมีทั้งที่พลิกได้และพลิกดูได้ ภายในลึกเข้าไปอีกเรื่อย ๆ ยังไม่พบร่องรอยการเข้ามาพักอาศัยของคน ก่อนถึงสุดถ้ำ ต้องคลานลอดซอกหินเข้าไปด้านในที่มีหินเต็มไปหมด ทีมข่าวลองพลิกดูแต่ก็ไม่พบเสื้อผ้าของมนุษย์
ขณะที่ด้านในที่สุดจะเป็นปล่องอากาศ มีแสงรอดเข้ามาได้ ตอนแรกเข้าในว่าจะออกไปได้ แต่พบว่าเมื่อลองใช้ไม้ไผ่กระทุ้ง กลับไม่สามารถออกได้ ส่วนด้านหน้าถ้ำที่มีกองฟืนเก่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ระบุว่า จากการชำนาญเดินป่า น่าจะเป็นกองฟืนเก่า ราว 3 เดือนที่ผ่านมา
แต่สิ่งที่พิเศษไปกว่านั้น วันนี้ทีมข่าวเจอไม้ป้อ ห่างไปจากปากถ้ำที่ 3 ประมาณ 10-20 เมตร ซึ่งจะตรงที่สุดจากนิมิตของหมอธรรมตาทิพย์
นอกจากนี้ในระหว่างที่ทีมข่าวปีนขึ้นยอดภู ผ่านพักต่าง ๆ มุ่งตรงขึ้นไปเรื่อย ๆ ได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยหนึ่ง ซึ่งขึ้นมาลาดตระเวนพื้นที่เช่นกัน โดยมีการเดินเข้ามาสำรวจพื้นที่ต่าง ๆบนเขา โดยมีแผน 3 จุด คือ 1.จุดพบรถของเล่น 2.จุดพบศพ และ 3.จุดพบแหวน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามทีมข่าว ถึงจุดภายในถ้ำที่ทีมข่าวไปสำรวจ เนื่องจากว่าเพิ่งทราบข้อมูลเรื่องถ้ำจากทีมข่าวอมรินทร์ทีวี
จากนั้นทีมข่าวเดินต่อไปเรื่อย ๆ ลัดเลาะตามแนวหน้าผา อยู่บริเวณพักที่ 5 เฉียงไปทางทิศตะวันตก จากจุดพบศพชมพู่ ประมาณ 250 เมตร ซึ่งเป็นถ้ำทางทิศใต้ของเขา นับเป็นถ้ำที่ 4 ที่ทีมข่าวเดินมาพบเจอ โดยถ้ำดังกล่าว ชาวบ้านระบุว่า เคยมีพระมาธุดงค์ และมักมีชาวบ้านขึ้นมาหาของป่าที่จุดนี้
ลักษณะเป็นถ้ำตามแนวหน้าผา ยาวประมาณ 20 เมตร สูง 50 ซม. จนถึง 2 เมตร กว้าง 1 เมตร มีปล่องทางเข้าได้ 2 ด้าน ในถ้ำมีแคร่ไม้ไผ่เก่า ๆ ลักษณะผุพังอยู่ด้านใน ไม่พบร่องรอยของคนเข้ามาอยู่อาศัยนานแล้ว
ทั้งนี้ถ้ำมีความใกล้เคียงกับที่หมอธรรมตามทิพย์บอก คือ อยู่ใต้หน้าผา มีกอไม้อยู่หน้าถ้ำจริง ทั้งฝั่งซ้ายและขวา ทางเข้าต้องคลานเข้าไป จากนั้นจะยืนได้ จุดนี้ยังไม่พบเสื้อของน้องชมพู่
ทีมข่าวยังได้สำรวจข้อมูลผู้ต้องสงสัย ทั้ง 10 คน โดยส่วนมากชาวบ้านในพื้นที่ก็ต่างเคยขึ้นไปเก็บของป่ากันเกือบทุกคน จึงไม่ได้มีอะไรแปลกมากนัก เพราะอยู่กันตามป่าเขา และชาวบ้านจะไปหาของป่าที่ภูผาแอกที่เป็นเขาอีกลูกมากกว่า
สำหรับผู้ต้องสงสัยที่ไม่เคยขึ้นเขาภูเหล็กไฟ ได้แก่ นายกาย นายแอ๋ม นายเต้ย และนายแต
ขณะที่ผู้ต้องสงสัยที่เคยขึ้นเขาภูผาแอก เพื่อเก็บของป่า ได้แก่ นายวา นายอ๊อด นายเฉลิม และ นายริน
ด้านนายสมคิด เคยขึ้นเขาภูเหล็กไฟไปตัดไม้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ส่วนนายสมบัติ เคยขึ้นเขาภูเหล็กไฟ เพื่อตามหาน้องชมพู่
ทีมข่าวยังได้คุยกับนายอนามัย-นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อและแม่ของน้องชมพู่ หลังจากที่ทีมคุณไอซ์ สารวัตร และทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางขึ้นไปพิสูจน์ตามหาถ้ำบนภูเหล็กไฟ
นายอนามัย และนางสาวิตรี เล่าว่า สมัยที่น้องชมพู่ยังไม่เกิด เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว พ่อกับแม่ก็เคยขึ้นไปหาของป่าบนภูเหล็กไฟ ตอนนั้นเดินไปเก็บของป่าเรื่อย ๆ ได้เจอถ้ำเหมือนกัน แต่ปัจจุบันจำไม่ได้แล้วว่าเป็นถ้ำจุดไหนที่ทีมข่าวเดินทางขึ้นไป ซึ่งตนเคยขึ้นไปครั้งนั้นครั้งแรก และครั้งเดียว เพราะส่วนมากตนและชาวบ้านส่วนใหญ่จะไปที่ภูผาแอกกันมากกว่า เพราะมีของป่าจำนวนมาก
โดยจากที่คุณไอซ์ สารวัตร ขึ้นไปพิสูจน์ตามคำทำนายหมอธรรมตาทิพย์ ส่วนตัวไม่ปักใจเชื่อคำหมอดูมากนัก เพราะยุคนี้สมัยใหม่แล้ว ซึ่งเหตุที่ไม่ค่อยเชื่อเพราะในช่วงแรกที่ค้นหาลูกสาว มีหมอดูหลายท่าน ได้ออกมาทำนายว่าน้องชมพู่ยังมีชีวิตอยู่ แต่สุดท้ายกลับเสียชีวิตแล้ว
แต่จากที่หมอธรรมตาทิพย์ ทำนายไว้และเห็นทีมข่าวขึ้นไปพิสูจน์บนยอดภู ตนก็มีความหวัง ซึ่งแม้ตนจะไม่ได้เชื่อเท่าไรนัก แต่ตนไม่เคยลบหลู่ มีความหวังอยู่ทุกวันว่าจะเจอเสื้อ แต่ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่มีใครเจอเสื้อลูกสาวเลย ในความคิดตนคิดว่าคนร้ายอาจจะตั้งใจซ่อนเสื้อ เพราะเวลาผ่านมานานแล้วก็ยังไม่เจอ
ในวันนี้ตนเพิ่งทราบข้อมูลใหม่ที่ทีมข่าวเล่าให้ฟังว่า หมอธรรมตาทิพย์ บอกว่าวิญญาณของน้องชมพู่มีทั้งภูมิดีและภูมิไม่ดี และตอนนี้ภูมิไม่ดีของลูกสาวถูกจับไว้อยู่บนเขา ตนก็มีความเห็นด้วยกับหมอธรรมตาทิพย์ในส่วนนี้ เพราะน้องชมพู่ไม่เคยมาหาตนเลยตั้งแต่จากไป
นอกจากนี้ ตนยังได้ทราบจากทีมข่าวว่า หมอธรรมตาทิพย์แนะนำด้วยการไหว้หัวหมู 1 หัว ธูป เทียน และดอกไม้ อย่างละ 5 คู่ แต่ตนไม่อยากฆ่าสัตว์ เพราะคิดว่าการแลกด้วยชีวิตไม่น่าจะใช่เรื่องดี เพราะหากทำแบบนี้ก็เป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต “เราไม่ควรจะแลกเปลี่ยนอะไรที่ทำร้ายชีวิตผู้อื่นค่ะ” แต่ถ้าเป็นจุดธูป เทียน ไหว้ดอกไม้ ตนยินดีทำ
นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ไปพูดคุยกับนายตั้ม (นามสมมติ) พ่อของเด็กชายเอ (นามสมมติ) ที่เป็นเด็กที่ถือรถของเล่นไปเล่นบ้านน้องชมพู่ และต่อมาได้พบรถของเล่นอยู่บนภูเขา ซึ่งพ่อน้องเอ ก็มีเสื้อสีส้มแขนยาวจากการซื้อปุ๋ย 3 ตัว และเสื้อลายพลาง 2 ตัว ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตถึงประเด็นเสื้อดังกล่าวด้วย
โดยนายตั้ม เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนบริสุทธ์ใจเพราะไม่รู้ว่ารถของเล่นที่ลืมไว้บ้านน้องชมพู่ จะไปอยู่บนเขาได้อย่างไร และตนก็ให้ปากคำและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ไปทั้งหมดแล้ว ส่วนคนที่สงสัยว่าตนมีเสื้อสีส้ม หรือเสื้อลายพรางก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะตนไม่ได้รู้สึกเครียดกับความคิดเห็นต่าง ๆ แต่ตนคิดว่าต่างคนก็ต่างคิด ทุกคนสามารถที่จะคิดได้ ตนก็ไม่รู้สึกโกรธใคร
ส่วนชาวบ้านหลายคนก็มีเสื้อลายพราง เพราะสามารถซื้อได้ทั่วไป ส่วนมากก็จะใส่ไปเก็บของป่ากัน เนื่องจากเป็นเสื้อที่หนา เวลาเข้าป่าจะป้องกันยุงป่าได้ ส่วนตนก็มีใส่บ้างในเวลาไปเก็บของป่าบนเขา ซึ่งตนคิดว่าเสื้อลายพรางไม่น่าจะใช่ของคนร้าย คิดว่าหากมีการเผาบนเขาจริง อาจจะเป็นจุดสังเกต เพราะหากมีการเผาจะต้องมีควัน แต่ตนก็ไม่รู้ว่าอย่างไร คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
Advertisement