วันที่ 19 ก.ย. 63 บรรยากาศการชุมนุมที่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เริ่มมีมวลชนทยอยมาบางส่วน บริเวณประตูทางเข้า ตรงข้ามสนามหลวง ขณะที่ประตูรั้วยังคงปิด ส่วนภายในมหาวิทยาลัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องเเบบยืนกระจายตามจุดต่าง ๆ
เวลา 12.05 น. "รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล" แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ขึ้นรถปราศรัยจับไมค์เจรจากับอาจารย์มหาวิทยาลัยที่อยู่ภายในรั้วธรรมศาสตร์ เพื่อขอพามวลชนเข้าไปยังมหาวิทยาลัย ระบุว่า "ให้เวลา 5 นาทีในการเปิดประตู ไม่อย่างนั้นมวลชนจะดันประตูเข้าไป"
จากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุม แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมหลายร้อยคน รวมตัวกันที่หน้าประตูใหญ่ ทางเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝั่งสนามหลวง โดยพยามจะเข้าไปใช้พื้นที่ในการชุมนุม จนในที่สุดการเจรจาเป็นผล นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ได้นำมวลชนผ่านเข้าประตูฝั่งสนามหลวง ทั้งประตูเล็ก ประตูใหญ่ เข้าไปภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของผู้ชุมนุม
เมื่อเวลา 13.00 น. บริเวณถนนราชดำเนินใน หน้าลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม ด้านข้างสนามหลวง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ พนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแกนนำสหภาพ นักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) พร้อมด้วย ทนายอานนท์ นำภา เดินผ่านบริเวณด้านหน้าลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม ตามแนวถนนพระราชดำเนินใน โดยมีประชาชนเดินติดตามมาด้วย พร้อมมีพระสงฆ์จำนวน 5 รูป เดินตามมาอีกด้วย พร้อมทำพิธีอุทิศส่วนกุศลให้ 7 วีรชนผู้เสียสละเพื่อประชาธิปไตย และขอไม่ให้ฝนตกเพิ่ม
นายพริษฐ์ ชูสามนิ้วตลอดเวลา ก่อนเดินข้ามถนนเข้าไปยังสนามหลวง มุ่งหน้าเข้าไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจะเคลื่อนย้ายไปที่สนามหลวง
ด้าน ไผ่ ดาวดิน เดินชูสามนิ้ว แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ พร้อมเดินถือป้ายผ้าสีขาวเขียนข้อความ หยุดคุกคามประชาชน, ร่าง รธน.ใหม่, ไม่รับรองรัฐประหาร ขณะเดียวกันบริเวณโดยรอบสนามหลวงฝั่งถนนราชดำเนินใน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ตามแนวรั้ว
เวลา 15.00 น. "ม็อบ 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร" เคลื่อนจากบริเวณสนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปยังท้องสนามหลวง มีการตั้งเวทีปราศรัย ประชาชนทยอยเข้ามาจับจองพื้นที่จำนวนมาก และมีรถขยายเสียงขนาดใหญ่เคลื่อนเข้าไปในบริเวณ มีการจัดกิจกรรมย่อยต่าง ๆ ด้านเจ้าหน้าที่กั้นแผงเหล็ก และอ่านประกาศขอให้ออกจากพื้นที่ภายใน 1 ชั่วโมง
ต่อมาเวลา 16.20 น. เกิดเหตุชุลมุนขึ้น กลุ่มผู้ชุมนุมดันรั้วเหล็กเข้าไปในพื้นที่ฝั่งสนามหญ้า ขยายแนวพื้นที่การชุมนุม และได้นำรถโมบาย 3 คัน ขับเข้าไปในพื้นที่สนามหญ้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็มีการเปิดพื้นที่ให้เข้าภายหลัง
นอกจากนี้ บรรยากาศโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลางบรรยากาศเป็นไปตามปกติ ส่วนจุดสะพานมัฆวานรังสรรค์ เลาะแนวกำแพงรั้วด้านหลังมาด้านหน้าของทำเนียบรัฐบาล พบว่าเริ่มมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สนธิกำลังมาจากหลายจังหวัด ทั้งใน และนอกพื้นที่
แต่ในวันที่ 20 ก.ย. 63 กำหนดการเบื้องต้น จะออกจากสนามหลวง เข้าสู่ถนนราชดำเนิน ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เดินต่อไปยังสะพานมัฆวานรังสรรค์ เลาะแนวกำแพงรั้วด้านหลังของทำเนียบรัฐบาล มาบนถนนราชดำเนินนอก ถึงแยกสวนมิสกวัน เลี้ยวขวาไปด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล
นอกจากนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเข้ามาร่วมรักษาความปลอดภัย สังเกตได้จากผ้าพันคอแบ่งสี ตามจุดพื้นที่ต่าง ๆ
สีเขียวอ่อน : กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ดูแลในเขตช่วงกลางสนามหลวง
สีฟ้า : ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ตำรวจภูธรภาค 2 ดูแลภายนอกและภายในศาลฎีกา
สีชมพู : ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ตำรวจภูธรภาค 1 จะดูแลในจุดถนนราชดำเนินกลาง
สีแดง : กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ดูแลเขตช่วงกลางสนามหลวง (ติดกับ ม.ศิลปากร)
สีเทา : ตำรวจภูธรภาค 2 ภูธรจังหวัดตราด ดูแลรอบนอกฝั่งใต้ ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สีม่วง : ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ตำรวจภูธรภาค 3 ดูแลถนนราชดำเนินกลางใต้
สีเหลืองน้ำตาล : กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ดูแลในเขตช่วงกลางสนามหลวง ติดกับศาลฎีกา
เวลา 19.00 น. บริเวณถนนราชดำเนินฝั่งมุ่งหน้าไปคลองหลอด การ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมนำแผงเหล็กมากั้น ห้ามรถสัญจรเข้าไป ภายหลังมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปในท้องสนามหลวงจนหนาแน่น โดยจุดนี้มีการจอดรถจักรยานยนต์ และรถยนต์บางส่วนเอาไว้ ส่งผลให้การจราจรค่อนข้างติดขัด ขณะที่มวลชนยังคงเดินทางเข้าไปด้านในท้องสนามหลวง โดยบางส่วนกระจุกตัวอยู่ที่ด้านหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งก็มีกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งวัยรุ่นและวัยทำงานที่ยังตามมาสมทบ ส่วนใหญ่เตรียมเสื้อกันฝน ร่ม และหมวกพกติดตัวมา เพื่อป้องกันฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวัน
จากนั้น กลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมนำแผงเหล็กมาปิดถนนอีกจุดบริเวณแยกคอกวัว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ชนะสงคราม ต้องเข้ามาเจรจา และยกแผงเหล็กออกไป รวมถึงจัดกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนมายืนปักหลักบริเวณเกาะกลางถนน
ในเวลาประมาณ 20.26 น. ที่ท้องสนามหลวง มีการลั่นกลองสะบัดชัย เพื่อเริ่มเปิดเวทีปราศรัยอย่างเป็นทางการ กิจกรรมบนเวที บนเวทียังคงมีพิธีกร เดินทางขึ้นบนเวทีเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ชุมนุม สลับกับการเล่นดนตรี ของเดอะบอตทอมบลูส์ ส่วนการปราศัยของแกนนำคนสำคัญ ๆ อย่าง เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ รุ้ง - ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ไมค์ - ภาณุพงศ์ประธานกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย ยังไม่ได้ขึ้นเวที ซึ่งกำหนดการมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งทีมข่าวสอบถามกับ เพนกวิน ระบุว่า มีคิวขึ้นปราศรัยช่วงเที่ยงคืน
โดยตลอดการชุมนุมในพื้นที่มีฝนตกลงมาต่อเนื่อง แต่ผู้ชุมนุมก็ได้นำร่ม ชุดกันฝนมากาง และนั่งฟังการพูดคุยบนเวทีด้วยความสงบ ทีมข่าวสังเกตพบว่าการชุมนุมมีปัญหาเรื่องเครื่องขยายเสียง ที่ความดังของเครื่องเสียงบนเวทีกลาง ดังไม่เพียงพอ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมประสานติดตั้งลำโพงเพิ่มเติมในท้องสนามหลวง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นั่งฟังการแสดงบนเวทีอยู่ในท้องสนามหลวง ระบุว่า วันนี้ตนตั้งใจเดินทางมาเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย ซึ่งตนเเดินมาจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนมาถึงสนามหลวง มานั่งฟังกลุ่มผู้ชุมนุมได้ราว 4-5 ชั่วโมงแล้ว ส่วนตัวมาร่วมชุมนุมเพื่อที่จะรับฟังปัญหาพี่น้องประชาชน และจะนำข้อมูลไปอภิปรายในสภาที่จะมีขึ้นวันพุธที่จะถึงนี้ ตนอยากฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ขอให้ดูแลความเรียบร้อยให้กับผู้ชุมนุม เนื่องจากการชุมนุมเป็นการชุมนุมที่สงบ
เวลา 20.20 น. ที่กองบัญชาการตํารวจนครบาล พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ยังไม่มีการปิดการจราจรเพิ่มเติมจากเดิมที่ประกาศไว้ 8 เส้นทาง และในเวลา 06.00 น. ของวันที่ 20 ก.ย. 63 จะมีการเปิดการจราจรเปิดตามปกติ
ส่วนการที่ผู้ชุมนุมเข้าไปตั้งเวทีปราศรัยและทำกิจกรรมถือเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบธรรมตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และหากมีการปักหลักหลัง 22.00 น. ตามข้อบังคับที่สนามหลวงจะต้องปิด จำเป็นต้องให้เจ้าของพื้นที่ กทม. แจ้งความร้องทุกข์มายังตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ยังไม่ได้มีการคาดการณ์สถานการณ์ท่าทีของกลุ่มผู้ชุมนุมจะเป็นไปในทิศทางใด แต่ย้ำหากเกินเขต 150 เมตร ในเขตพระราชฐาน และรัศมี 50 เมตรเข้าศาลฎีกา หรือทำเนียบรัฐบาลจะมีการดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน
สำหรับดารานักแสดง คนในวงการบันเทิง เดินทางเข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนี้จำนวนมากเช่นกัน ตั้งแต่ช่วงสาย น.ส.อินทิรา เจริญปุระ หรือ ทราย เจริญปุระ เปิดโรงครัวเพื่อมาคอยให้บริการกลุ่มผู้ชุมนุม บริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม ติดกับสนามหลวง ซึ่งโรงครัวมีขนาดใหญ่ถึง 4 เต็นท์ ระบุว่า สำหรับตนก็ได้เตรียมอาหารมามากถึง 4 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น และเช้าพรุ่งนี้ มีทั้งอาหารกล่อง แกงตัก รวมถึงน้ำชา กาแฟ ไข่มุก ไอติม และมีน้อง ๆ นำขนมมาสมทบอีก ตนทำตรงนี้เพื่อให้คนได้เห็นว่าเงินที่โอนมาให้ตนนั้นไม่สูญเปล่า
ขณะที่วันนี้ นักร้องหนุ่ม "แอมมี่ The Bottom Blues" เดินทางมาร่วมชุมนุม และมีการผ่านแนวกั้นบริเวณสนามหลวงเข้ามา แอมมี่ เปิดเผยว่า ตนมาปักหลักอยู่ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ตนตั้งใจจะอยู่จนจบกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ หากแพนกวิน เดินไปที่ไหน ตนก็เดินตามไปที่นั่น
อย่างไรก็ตาม ตนคาดว่าไม่น่าจะยืดเยื้อเกินที่ได้กำหนดไว้ "นี่จะไม่ใช่การชุมนุมครั้งสุดท้าย ครั้งนี้คือการแสดงพลังของมวลชน ที่เป็นมวลชนจริง ๆ ไม่ได้มีสี ตนคิดว่ามันเป็นการสะท้อนให้เห็นว่ามันคือการชุมนุม และเรียกร้องเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของประเทศ ตอนนี้ยังออกมาได้ทัน ก็ขอให้ออกมากันได้"
นักแสดงหนุ่ม เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ เปิดเผยว่า ต้องการเดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งจะไม่มีการขึ้นเวที บอกว่า ตนอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิ่งที่ดีขึ้นให้กับประเทศ รู้สึกดีใจมาก เพราะคนมาเยอะ เนื่องจากตอนแรกตนก็กังวลว่าช่วงนี้มีพายุเข้า คนจะกล้าออกมาไหม เท่าที่มองด้วยตาเปล่าก็น่าจะเกิน 1 แสนคนไปแล้ว ที่สำคัญในวันนี้ทุกคนมาเพื่อแสดงออกจริง ๆ ไม่มีความรุนแรงใด ๆ ไม่มีการด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ตนอยากจะเป็นอีกคนที่ช่วยกระจายข่าวว่าการชุมนุมนี้ปลอดภัย "อย่ากลัวเลยครับ มาแสดงสิทธิเสรีภาพของคุณ เพื่อเรียกร้องสิ่งที่ดีขึ้นให้กับชีวิต และเพื่อให้ประเทศนี้มีสิ่งที่ถูกต้องสักที ไม่ใช่จมปลักอยู่กับอดีตที่ไม่ไปไหนนานขนาดนี้ น้อง ๆ รุ่นใหม่เขาลุกขึ้นมาแล้ว ถึงเวลาที่ทุกคนจะลุกขึ้นมาช่วยประเทศให้ดียิ่งขึ้นแล้วครับ"
อดีตนักแสดงสาวชื่อดัง ทราย วรรณพร เผยว่า ตนมาเปิดโรงแรมตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ตั้งใจจะอยู่จนถึงจบกิจกรรม เพราะอยากให้กำลังใจและสนับสนุน เนื่องจากเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตนก็เคยออกมาร่วมชุมนุมตั้งแต่ปี 48 สุดท้ายปัญหามันก็ยังมีเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งมาถึงครั้งนี้ ถึงเวลาของเด็กรุ่นใหม่ออกมาเคลื่อนไหว ตนไม่กังวลอะไรเลย เพราะเป็นพลังที่บริสุทธิ์จริง ๆ
สุดท้าย ตนหวังจากใจจริงว่าการชุมนุมวันนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลง ตอนนี้มีเทคโนโลยี เด็กรุ่นใหม่มีความคิด ไม่ได้โดนครอบงำเหมือนสมัยก่อน และสิ่งที่กังวลมากคือมือที่ 3 ขอร้องอย่าทำเลย พวกเราใกล้จะชนะแล้ว
เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช เดินทางมาร่วมการชุมนุมที่สนามหลวง โดยนายธนาธร ได้ชูสามนิ้วให้กับผู้ชุมนุม พร้อมระบุว่า รู้สึกภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งกับการต่อสู้ไปด้วยกัน และขณะนี้ประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง วันนี้มาสังเกตการณ์การชุมนุม เป็นไปด้วยดี และยังต้องใช้เวลาอีกยาวนานเพื่อที่จะบรรลุถึงจุดนั้น วันนี้เป็นการเปิดประตูบานเเรก ประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตย ด้วยอุดมการณ์เดียวกัน และจะสู้ไปด้วยกัน
เวลา 21.45 น. นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ เพนกวิน กล่าวว่าการเคลื่อนไปยังทำเนียบรัฐบาลยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยจะออกเดินทางในเวลา 08.00 น. พร้อมเผยว่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ เวลาตอน 06.00 น. และบิ๊กเซอร์ไพรส์ใหญ่ในเวลา 08.00 น. แน่นอน
Advertisement