กรณีการเสียชีวิตของนายสมภาร สุรัญกุล หรือ เสี่ยเต้ย อายุ 40 ปี อดีตสามีของนางวรรณลี ปัญญาใส หรือ เจ๊อ๋อ อายุ 48 ปี ผู้โชคดีถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2561 หมายเลข 149840 จำนวน 15 ใบ มูลค่า 90 ล้านบาท ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดนั้น
ขณะที่ครอบครัวมีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ เนื่องจากไม่สามารถกดเงินออกจากบัญชีทั้ง 2 บัญชีของเสี่ยเต้ยได้ บัญชีแรกมีเงินประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนอีกบัญชีหนึ่งมีเงินหลักแสนบาท คล้ายบัญชีถูกอายัด ทำให้ทางครอบครัวต้องช่วยกันหาเงินมาจัดงานศพ ก่อนจะทำพิธีเผาในวันที่ 25 พ.ย.63 ที่วัดบ้านคำบอน ต.หนองแสง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "เจ๊อ๋อ" ส่งพวงหรีดอาลัย “เสี่ยเต้ย” ญาติแจงบัญชี 10 ล้านถูกอายัดรอเปิดพินัยกรรม
- อาลัย “เสี่ยเต้ย” ติดเชื้อดับญาติช็อกมีเงินแต่อมทุกข์ เจ๊อ๋อ 90 ล้านร่ำไห้อาลัยผัวเก่า (คลิป)
ล่าสุดวันที่ 22 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยังบ้านของเสี่ยเต้ย ต.หนองแสง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี ซึ่งบรรยากาศงานศพวันนี้เป็นไปอย่างครึกครื้น มีรถเครื่องเสียงมาเปิดเพลง และมีชาวบ้านมาเต้นอย่างสนุกสนาน ซึ่งญาติ ๆ นำรถเครื่องเสียงมาเปิด เพราะตอนเสี่ยเต้ยมีชีวิตอยู่นั้น เขาเป็นคนชอบความสนุกสนาน จึงไม่อยากให้งานศพของเสี่ยเต้ยมีความโศกเศร้า
ทั้งนี้พบว่าได้มีพวงหรีดของ เจ๊อ๋อ อดีตภรรยาของเสี่ยเต้ย โดยเขียนบนพวงหรีดว่า “อาลัยยิ่ง จาก เจ๊อ๋อ 90 ล้าน พร้อมครอบครัว และคณะ” และพวงหรีดอีกอันคือของคุณจินตรา พูลลาภ ที่ส่งมาแสดงความเสียใจ โดยในวันนี้ด้านเจ๊อ๋อ ก็ยังไม่มาร่วมงานศพ เพียงแต่ส่งน้ำดื่มและอาหารมาช่วยงานศพเท่านั้น
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสนอง สุรัญกุล อายุ 50 ปี พี่ชายของเสี่ยเต้ย เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันสวดคืนที่ 3 ซึ่งได้นำรถเครื่องเสียงมาเปิดที่หน้าบ้าน เพราะเสี่ยเต้ยเป็นคนชอบความสนุกสนาน และไม่ชอบให้ใครเครียด ถึงแม้เขาจะเครียดก็มักจะทำให้คนร่าเริงตลอด ซึ่งทางญาติ ๆ ก็เสียใจกับการตายของเสี่ยเต้ย แต่ก็อยากให้ไปอย่างสงบ
สำหรับเสี่ยเต้ยนั้น ได้พักรักษาตัวจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มาประมาณ 1 ปีแล้ว ซึ่งอาการก็เริ่มดีขึ้น แต่ช่วงที่เสี่ยเต้ยเลิกกับเจ๊อ๋อนั้น เขาก็มีอาการเครียด และดื่มเหล้ามาก จนสุดท้ายก็ป่วยและติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิต ยอมรับว่าช่วงที่เสี่ยเต้ยเลิกกับเจ๊อ๋อนั้น เขาเครียดมาก ๆ เพราะเขารักเจ๊อ๋อมาก
แม้ว่าเจ๊อ๋อจะไม่เดินทางมาร่วมงานศพ แต่เขาก็ยังส่งน้ำดื่มและอาหารมาช่วยงานศพอยู่ ซึ่งคนเชื่อว่าทั้งคู่ก็ยังมีความสงรู้สึกรักกันอยู่ แต่สิ่งที่มันผิดพลาดไปแล้วก็คงจะย้อนกลับคืนไม่ได้ ซึ่งตนก็อยากให้เจ๊อ๋อมาร่วมงานศพเพื่อจะได้อโหสิกรรมให้กัน เพื่อให้เสี่ยเต้ยได้จากไปอย่างสงบ
นายสนอง พูดทั้งน้ำตาว่า ทางญาติเองก็ยังคงรักใคร่เจ๊อ๋อกันดีอยู่ ตนก็คิดถึงวันเก่า ๆ ที่ญาติรักกัน ซึ่งเมื่อพูดถึงแล้วก็ยังรู้สึกสะเทือนใจ อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องเงินในบัญชีของเสี่ยเต้ยนั้น ทางญาติก็ยังไม่ได้ทำอะไร ซึ่งจะรอดำเนินการหลังเสร็จงานศพ
ทนายรัชพล ศิริสาคร เปิดเผยว่า ต้องย้อนกลับไปดูว่าในพินัยกรรมที่เสี่ยเต้ยทำเอาไว้ ระบุไว้ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับมรดกบ้าง ซึ่งการรับมรดกจะต้องเป็นไปตามพินัยกรรม แต่ถ้าเสี่ยเต้ยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ในหลักกฎหมายก็ได้ระบุเอาไว้ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับมรดกบ้าง
กลุ่มแรกที่ได้รับมรดก คือ พ่อ แม่ ลูก ลูกบุญธรรม ภรรยาที่จดทะเบียนสมรส ซึ่งที่กล่าวมาคือกลุ่มแรกที่จะได้รับมรดกของผู้เสียชีวิต ยกตัวอย่าง หากผู้เสียชีวิตมีเงิน 10 ล้านบาท ก็จะแบ่งให้ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสครึ่งหนึ่ง จำนวน 5 ล้านบาท เพราะเป็นสินสมรส ส่วนอีก 5 ล้านบาทก็จะนำไปแบ่งให้คนที่มีสิทธิ์รับมรดกคนอื่น ๆ ของกลุ่มแรก
ส่วนภรรยาที่เลิกราไปแล้วนั้นจะไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดก แต่หากลูกที่อยู่กับอดีตภรรยาเป็นลูกของเสี่ยเต้ย ก็จะมีสิทธิ์ได้รับมรดก ส่วนกรณีลูกบุญธรรมนั้น จะต้องเป็นลูกบุญธรรมที่มีการจดทะเบียนรับบุตรตามกฎหมายเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ได้รับมรดก
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้รับมรดกอีกกลุ่มก็คือ ญาติพี่น้องของเสี่ยเต้ย แต่หากมีผู้รับมรดกกลุ่มแรกแล้ว ญาติพี่น้องที่เป็นผู้รับมรดกกลุ่มที่ 2 ก็จะไม่สามารถรับมรดกได้
ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านของเจ๊อ๋อ ต.หนองหว้า อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งบ้านยังคงถูกปิดเงียบ ไม่พบตัวของเจ๊อ๋อ โดยญาติให้ข้อมูลว่า เจ๊อ๋อ ออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเช้าและยังไม่กลับมา ซึ่งปกติเจ๊อ๋อก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน และยอมรับว่าทางครอบครัวก็ไม่อยากให้สัมภาษณ์ออกสื่อ เพราะที่ผ่านมาครอบครัว ก็ได้รับผลกระทบหลายอย่างจากการออกสื่อ แต่จะไปงานเผาศพในวันที่ 25 พ.ย.63
Advertisement