เมื่อวันที่ 29 ม.ค.64 ร.ต.ท.ภัณณิพงศ์ จิตร์ตารานนท์ รองสว.(สอบสวน) สภ.คูคต จ.ปทุมธานี รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม แล้วถูกรถกระบะทับซ้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตที่ถนนลำลูกกาคลอง 4 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร รพ.ภูมิพลอดุลยเดช และมูลนิธิร่วมกตัญญู
โดยที่เกิดเหตุพบร่างนายหอม เจียมตน อายุ 74 ปี สภาพนอนคว่ำหน้ากับพื้นถนน มีบาดแผลที่ศีรษะจากการถูกทับ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 6 กจ-2232 กทม. ซึ่งเป็นรถของผู้เสียชีวิตพังเสียหาย ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร ชิดขอบทางพบรถกระบะ ทะเบียน ผอ-9261 ชลบุรี มีนายวัฒนะ ประมวลสุข อายุ 50 ปี คนขับ ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความตกใจ
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่ไปยังบริเวณจุดเกิดเหตุ บริเวณถนนฝั่งตรงข้ามบิ๊กซีลำลูกกา ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบว่า เป็นถนน 6 เลน ตรงบริเวณเลนกึ่งกลางระหว่างเลน 2 และเลน 3 ยังคงมีกองเลือดขนาดใหญ่ และบริเวณเกาะกลางยังคงหลงเหลือเศษสายเคเบิล
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปยังวัดคลองชัน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายหอม โดยน.ส.ปัญญา สารานพคุณ อายุ 45 ปี ลูกสาวคนโต กล่าวว่า ขณะนั้นตนได้เดินทางมาซื้ออาหารที่บริเวณห้างบิ๊กซี จากนั้นคนรู้จักได้ทักให้ตนขี่รถอย่าประมาท เพราะมีคนถูกรถชน
ขณะเดียวกันหลังจากที่ตนได้ทราบข่าว ก็ได้ตกใจ เพราะพ่อของตนยังไม่ได้กลับบ้าน ปกติแล้วพ่อจะกลับบ้านในเวลา 06.30 น. จึงได้สอบหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุ เพราะว่าเป็นป้ายทะเบียนรถของพ่อตน จึงได้โทรศัพท์สอบถามพ่อ แต่เสียงปลายทางเป็นเสียงของกู้ภัยแจ้งว่า พ่อของตนถูกรถชน วินาทีนั้นตนเข่าอ่อน หัวใจสลาย รีบวิ่งเข้าไปหาพ่อ โดยไม่เกรงกลัวว่าจะถูกรถชน
จากการสอบถามชาวบ้าน ระบุว่า เมื่อช่วงเวลา 04.00 น. ของวันนี้ได้มีรถเฉี่ยวชนสายดังกล่าว จึงทำให้สายเคเบิลห้อยลงมา ต่อมาบังเอิญว่าพ่อของตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา คาดว่าน่าจะไม่เห็น สายตาพ่อตนไม่ค่อยดี เพราะอายุมาก ประกอบกับมืดแสงไฟสลัว จึงทำให้เกี่ยวสายเคเบิล และถูกกรถระบะที่ขับมาตามจากด้านหลังทับร่างดับ
นอกจากนี้เมื่อตนไปถึง ก็เห็นว่าพ่อนอนแน่นิ่งแล้ว ส่วนคนขับรถก็ไม่ได้หนีไปไหน พร้อมเอ่ยปากบอกว่า จะขอรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบนี้ พ่อของตนใช้เส้นทางดังกล่าวสัญจรประจำ ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ ส่วนลักษณะนิสัยใจคอนั้นเป็นคนร่าเริง อารมณ์ดีมาก ชอบร้องเพลง พ่อถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ลูกหลาน เพราะแม่ของตนก็ได้จากไปนานแล้ว
น.ส.ปัญญา ยังเผยต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่ได้ติดใจเอาความอะไรกับทางคนขับรถกระบะ แต่ติดใจสายเคเบิลดังกล่าว ขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบช่วยเหลือ ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะว่าญาติพี่น้องใครใครก็รักใครก็ห่วง อย่างไรก็ตาม ก่อนเกิดเหตุตนได้มีลางสังหรณ์ เนื่องจากว่าตาขวากระตุกได้ประมาณ 2-3 วัน พยายามปลอบใจตัวเองว่าขวาดี ๆ ๆ และได้ไปเปิดหนังสือทำนายพบว่า จะสูญเสียคนรักซึ่งตนก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องกับพ่อของตน หากตนมีโอกาสได้พูดคุยกับพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ตนก็อยากจะบอกว่ารักพ่อ หากชาติหน้ามีจริง ก็ขอให้เกิดเป็นลูกพ่อลูกแม่เหมือนเดิม
น.ส.รัชนี เจียมตน อายุ 38 ปี ลูกสาวคนเล็กของผู้ตาย เปิดเผยว่า ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ เวลา 07.00 น. ทางพี่สาวของตนได้โทรศัพท์มาแจ้งข่าวว่า พ่อประสบอุบัติเหตุ กระทั่งเสียชีวิต โดยพ่อของตนนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์เกี่ยวกับสายเคเบิลที่มันห้อยลงมา เป็นเหตุทำให้รถล้ม รถกระบะที่ตามหลังมาทับร่าง ตนจึงรีบเดินทางมาจาก จ.ชลบุรี พอมาถึงโรงพยาบาล ตนเห็นสภาพหน้าร่างกายของพ่อแล้วรับไม่ได้ ตนคาดว่าคนขับกระบะน่าจะขับมาด้วยความเร็ว พร้อมทั้งลากร่างของพ่อตนไปด้วย
ทั้งนี้ตนยอมรับว่า ยังทำใจไม่ได้ หัวใจสลาย กินข้าวไม่ลง โดยตนเป็นครูอัตราจ้างมา 10 กว่าปี พยายามดิ้นรนต่อสู้จนกลายเป็นครูอย่างเต็มตัว เพื่อให้พ่อแม่สบาย แต่วันนี้ตนเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ทำหน้าที่ของลูก อยากถามคนขับกระบะว่าคุณเป็นใครมาพลากชีวิตของพ่อไป
ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่ กสทช.เข้ามาชี้แจง โดยระบุเพียงว่า สายไฟที่พ่อตนนั้นเกี่ยว เป็นสายเคเบิลเก่า ยังไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเร่งดำเนินการตามหาตัวเจ้าของของสายเคเบิลดังกล่าว ภายหลังเกิดเหตุ ตนยังไม่ได้พูดคุยกับคู่กรณี แต่พี่สาวตนได้มาเล่าให้ตัวฟังว่า คู่กรณีได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ พร้อมทั้งจะมาร่วมงาน ซึ่งตนก็รออยู่ว่าจะมาร่วมจริงหรือไม่
ทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถามทางคนขับรถกระคู่กรณี ระบุว่า ในวันพรุ่งนี้ (30 ม.ค.64) ช่วงบ่าย จะมาร่วมงานศพ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ตนก็ไม่อยากจะให้เกิด ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตนพยายามที่จะหักรถหลบแล้ว แต่ไม่สามารถหลบพ้นร่างของผู้ตายไปได้ ตนพร้อมที่จะชดใช้และช่วยเหลือครอบครัวผู้ตาย
Advertisement