เมื่อวันที่ 5 ก.พ.64 พนักงานสอบสวน กองปราบปรามได้ยื่นคำร้องขอฝากขังนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ กับพวกรวม 13 คนนั้น ต่อมานายเสี่ยโป้ อานนท์ ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาร่วมได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว เป็นเงินสดคนละ 100,000 บาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขัง แต่ศาลไม่อนุญาต เพราะหากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาไป มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงหรือทำลาย พยานหลักฐานหรือจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
ทั้งนี้ในระหว่างเจ้าหน้าที่คุมตัวนายเสี่ยโป้ ไปขึ้นรถคุมขังของกองปราบฯ นายเสี่ยโป้ กล่าวกับสื่อมวลชนที่ปักหลักรอทำข่าวว่า “คดีนี้มีเงื่อนงำ เอาคดีเก่ามาฟ้องใหม่ มีคนถามว่าผมจะอยู่หรือตาย อยากให้เปิดเผยสำนวนออกมา เพราะเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นว่าศาลจะให้ความเป็นธรรมอยู่ และก่อนหน้านี้ผมก็ยังเคยส่งข้อความหา ผบ.ตร.มาก่อนแล้วด้วย” จากนั้นตำรวจจึงคุมตัวนายเสี่ยโป้ เดินขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องหาทันที
ในเวลา 16.30 น. ศาลอาญาได้มีคำสั่งระบุว่า พิเคราะห์ ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีประกอบข้อคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้วเห็นว่า ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน ขอฝากขังผู้ต้องหากับพวก เป็นการแบ่งหน้าที่การกระทำความผิด เป็นกระบวนการมีผลกระทบต่อความสงบสุขของประชาชนและเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาไป มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงหรือทำลายพยานหลักฐานหรือจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
พลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราปราม เปิดเผยถึงคดีของนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ ว่า ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือในการสอบสวนเป็นอย่างดี ส่วนกรณีที่มีการตะโกนว่า เป็นการนำเรื่องเก่ากลับมาฟ้องใหม่นั้น ตนยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานน่าเชื่อถือที่ทำให้ศาลออกหมายจับเสี่ยโป้ และพวกได้ ซึ่งทุกอย่างตรวจสอบได้
ส่วนรายละเอียดการสอบสวนกลุ่มลูกน้องเสี่ยโป้ เบื้องต้นให้การเป็นประโยชน์ และรับว่าแต่ละคนทำหน้าที่อะไรในขบวนการนี้ ซึ่งพบว่าเป็นการดำเนินการที่ครบวงจร ตั้งแต่เปิดบัญชี ยักย้าย และโอนบัญชี ทรัพย์สิน
ทั้งนี้บุคคลอื่น ๆ ที่ถูกออกหมาย แต่ยังไม่ถูกจับกุม อีกเกือบ 20 คนนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากบุคคลใดว่า จะขอเข้ามอบตัว รวมถึงมารดาของเสี่ยโป้ด้วย ที่ถูกออกหมายจับในข้อหาเดียวกัน ซึ่งจากพยานหลักฐานเชื่อว่า มีความเชื่อมโยงกับขบวนการ ส่วนจะทำหน้าที่ใดนั้น อยู่ในสำนวน
สำหรับกรณีของนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล ที่ระบุว่า มีข้อมูลเว็บไซต์พนันออนไลน์ ที่มีลูกบุญธรรมของอดีตนายตำรวจเกี่ยวข้องนั้น ทางพนักงานสอบสวนยินดีรับข้อมูลทุกด้าน อย่างไรก็ตาม ตนไม่กังวลเพราะทุกขั้นตอนทำตามพยานหลักฐาน ไม่ได้ตั้งธง หรือทำตามกระแสสังคม ซึ่งหากข้อมูลไปถึงใครก็ดำเนินคดี
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการสันติบาล ระบุว่า ศาลได้คัดค้านประกันตัวนายเสี่ยโป้ ในความคิดเห็นของตนนั้น ความผิดในคดีเล่นการพนันเป็นเรื่องเล็กน้อย โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ยื่นทุนทรัพย์ในการประกันตัวนายเสี่ยโป้ จำนวนเงิน 100,000 บาท หากศาลเห็นว่านายเสี่ยโป้มีหลายคดี ก็พร้อมที่จะเพิ่มทุนทรัพย์ในการประกันตัวให้
ส่วนเหตุผลที่ศาล ไม่ให้ประกันตัวนั้น มีหลายปัจจัยใจ เช่น เกรงว่าเสี่ยโป้จะหลบหนี ตนมั่นใจว่าเสี่ยโป้จะไม่หลบหนีอย่างแน่นอน เพราะเสี่ยโป้ถูกดำเนินคดีมาหลายครั้งแล้ว หากจะหลบหนีก็คงไปอยู่ต่างประเทศนานแล้ว ซึ่งทางเสี่ยโป้พร้อมที่จะสู้อยู่เสมอ และคดีดังกล่าวทางผบ.ตร.ลงมาดูแลด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องที่อ้างว่า การกระทำของเสี่ยโป้ จะกระทบต่อเศรษฐกิจ ต้องดูว่าเสี่ยโป้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำแล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือไม่
โดยนายเสี่ยโป้ถูกดำเนินคดีดังกล่าว เจ้าพนักงานกองปราบปราม ระบุว่า เป็นเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา กระทั่งมาถึงปัจจุบัน ซึ่งตนถือว่าเป็นเวลานานนับปี ตนสงสัยว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ว่าเสี่ยโป้ได้กระทำผิด ทำไมไม่ดำเนินการจับกุมตัวตั้งแต่แรก และยอมรับที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่พยายามติดต่อ เจรจาพูดคุยให้เสี่ยโป้จ่ายเงินให้กับพวกเขา ถึงได้รวมหัวกันแกล้งเสี่ยโป้ เชื่อว่ากรรมจะย้อนไปสู่ตัวของพวกเขา
นายสันธนะ ระบุต่อว่า ตนขอต่อสู้ เพื่อเสี่ยโป้ต่อไป ถ้าแน่จริงก็มาจับตนอีกคน หากตนมีความผิด ซึ่งหากไม่มีความผิดตนขอเอาคืนทุกเม็ดทุกหน่วย นอกจากนี้ตนขอฝากถึงนายกฯ ว่า ช่วยรักน้องแอ็ดดี้ และน้องเป็นต่อด้วย หากไม่รักน้องโป้แล้ว ซึ่งน้อง 2 คนอาจจะเปิดเครื่องดื่มรอนายกฯ แล้วก็ได้ และตนก็ขอฝากความคิดถึงถึงน้อง 2 คนด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสันธนะ ยังได้ชี้แจงที่มาของเงินเสี่ยโป้ โดยยอมรับว่าเสี่ยโป้ร่ำรวยมาจากการเล่นพนัน ซึ่งเล่นการพนันมาตั้งแต่เด็กแล้ว กล้าได้กล้าเสีย จนทำให้มีชีวิตที่ร่ำรวย และขอยืนยันว่าตนและเสี่ยโป้นั้น ไม่ได้มีธุรกิจร่วมกันและมีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องอื่น ๆ ร่วมกัน ซึ่งในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ตนก็จะดำเนินการขอประกันตัวนายเสี่ยโป้ และจะสู้คดีให้ถึงที่สุด
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมเสี่ยโป้ และพวกรวม 13 คนไปฝากขังที่เรือนจำ โดยผู้ชาย 8 คน จะนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนผู้หญิง จำนวน 5 คนจะนำตัวฝากขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ 5 คน
โดยนายเสี่ยโป้ได้ระบุเพียงสั้น ๆ ว่า "ทำผมคนเดียว อย่าทำครอบครัวผม แกล้งผมคนเดียว อย่าแกล้งครอบครัวผม" นอกจากนี้ทางหนึ่งในผู้ต้องหา ได้ขอความเป็นธรรมให้กับเสี่ยโป้ อ้างว่าถูกสั่งให้ชี้ตัวเสี่ยโป้
สำหรับของกลางที่ตรวจยึดทรัพย์สินไว้ได้ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 39 เครื่อง
2.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 65 เล่ม
3.เครื่องบันทึกภาพกล้องวงจรปิด จำนวน 1 เครื่อง
4.โน๊ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง
5.บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 2 ใบ
6.อาวุธปืน 9 มม. 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 11 นัด
7.รถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า accord ทะเบียน 1 ขจ 8933 กทม. จำนวน 1 คัน
8.เงินสด รวมจำนวน 2,767,150 บาท
9.แหวนทองฝังเพชร 8 วง
10.กำไลเงินฝังเพชร จำนวน 1 วง
11.ปี่เซียะ สีทอง จำนวน 2 เส้น
12.ธนบัตรต่างประเทศ
13.พระเครื่อง 8 องค์
14.รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า เวลไฟร์ ทะเบียน ส 1637 กทม. (ป้ายเเดง)
15.กุญแจรถ BMW จำนวน 1 ดอก
16.รถยนต์ ยี่ห้อ BMW ทะเบียน 7กณ 77 กทม.
17.รถยนต์ ยี่ห้อ Porsche ทะเบียน 8 กจ 88 กทม. รวมมูลค่าทรัพย์กว่า 20 ล้านบาท
18.คอนโดแมคโนเรีย ชั้น 35 จำนวน 1 ห้อง
19.อาคารพาณิชย์ 7 คูหา ซอยเพชรเกษม 44
Advertisement