ภรรยาของนายโกสน ผู้สูญหาย ได้ยินเสียงปืนจากบ้านหลังหนึ่ง หลังจากที่สามีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังดังกล่าว จึงไปตามถึงบ้าน แต่เจ้าของบ้านยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายบอกว่าไม่ทราบว่าสามีไปไหนเพราะขณะนั้นกำลังนอนหลับ แต่ภรรยาผู้สูญหายสังเกตเห็นมีรอยเลือดเป็นทาง มีร่องรอยการล้างเลือดตามพื้นถนน มีรอยเลือดติดบนใบหญ้า แต่ไม่พบตัวสามี ซึ่งในวันดังกล่าวสามีได้สวมสร้อยคอทองคำและเลสข้อมือหนัก 10 บาทออกไปด้วย และล่าสุดตำรวจออกหมายจับแล้ว 7 ผู้ต้องหาเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมนั้น
ล่าสุด ความเคลื่อนไหวเฟซบุ๊กของภรรยาผู้สูญหาย ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. 64 ระบุว่า "หมดหวัง", "วันนี้คงเป็นวันที่เราหมดทุกอย่าง แม้แต่ความหวัง", "มีใครบอกได้ไหมว่าเกวยังมีหวัง สงสารตัวเองกับเหตุการณ์นี้ พี่จ๋าอยู่ไหน มาจับมือกันแล้วบอกว่ามันยังเป็นไปได้" รวมถึงมีการโพสต์เรื่องการทำมาหากิน และยังตามหาสามีต่อเนื่อง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดรอยแค้น 2 ตระกูล ฝั่งเสี่ยสุรัตน์ถูกยิงก่อน อึ้งวงจรโหดฆ่าโกสนเป็นญาติสุรัตน์
- 2 นักฆ่าอุ้มเสี่ยโกสนทิ้งทะเล ประวัติสุดสะพรึงยิงคนตายคดีเงียบ ไร้คาวเลือดให้สืบ
- ตะลึงก๊วนอุ้มเสี่ยโกสนเปิดปากจับยิงฝังบ่อดิน บิ๊กตำรวจผงะบุกค้นศพหาย
- หมอปลาพิสูจน์จุดอุ้มฆ่าโกสน เชื่ออิทธิพลเฮี้ยนกว่าผี เมียเสนอเงินแสนแลกศพ
- เปิดปมเสี่ยโกสนถูกอุ้มโยง 2 ตระกูลตาย 6 ศพต้องสาบานสงบศึก เมียหวั่นซ้ำรอย
วันที่ 11 พ.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังบ้านตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี วันนี้ไม่มีปฏิบัติการในการค้นหาร่างของเสี่ยโสน โดยญาติได้มีการยุติการค้นหา 1 วัน
ทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ นักประดาน้ำและกู้ภัยสุราษฎร์ธานี ก็ได้มีการงดการค้นหา 1 วัน เพราะเนื่องจากการให้ปากคำของนายนัด ผู้ต้องหาร่วมกันอุ้มเสี่ยโกสน มีการให้ปากคำและยืนยันพิกัดที่ไม่ชัดเจน ทำให้การค้นหาตลอด 2 วันที่ผ่านมา บนพื้นที่รวมประมาณ 400 เมตร ยังไม่พบร่างหรือเบาะแสใด ๆ
นางจินดาหรา วสินทรัพย์ หรือ เกว ภรรยาของเสี่ยโกสน เปิดเผยว่า วันนี้ได้งดการออกค้นหาเพื่อปรับแผนใหม่ เพราะเนื่องจากการชี้เป้าของผู้ต้องหาไม่มีความแม่นยำหรือพิกัดที่ชัดเจน แม้ว่าตนเองจะออกค้นหาหลายครั้ง จุดที่มีการชี้เป้าก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะพบเจอเบาะแส เพราะทะเลค่อนข้างกว้าง ประกอบกับการชี้จุด 2 ครั้งไม่ตรง ครั้งแรก 9 พ.ค. ชี้เป้าใกล้หหลังหมู่เกาะอ่างทอง และยังมีการเปลี่ยนจุดถึง 3 ครั้ง เปลี่ยนไปมาชี้แบบสุ่ม ๆ จากนั้นก็เปลี่ยนคำให้การครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 พ.ค. อ้างว่าอยู่ห่างออกไปจากกลางทะเล ไม่ได้อยู่ใกล้เกาะ เปลี่ยนคำให้การถึง 4 จุด ทำให้การค้นหาไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
อีกทั้ง การค้นหานั้นจะต้องใช้ประสบการณ์เดิม จากเหตุการณ์ตายของนายเหม๋ ซึ่งเคยถูกคว้านไส้ออกถ่วงทะเล ตอนนั้นยอมรับว่าการค้นหาก็เป็นไปอย่างยากลำบากเช่นเดียวกัน แต่ชาวบ้านสังเกตจากมันหรือไขมันจากศพที่ลอยขึ้นมาผิวน้ำ ทำให้รู้พิกัดว่าศพจะอยู่บริเวณจุดไหน จากนั้นก็มีการดำและค้นหาลงไปตามพิกัดดังกล่าว ร่วมกับการใช้อุปกรณ์ประมง เช่น คาด หรืออุปกรณ์จับปลา ในพื้นที่เขตอนุรักษ์ทางทะเล ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อน
ส่วนกรณีการหายตัวไปของสามี ตนเองเชื่อว่ามีคนเกี่ยวข้องที่เป็นคนติดต่อให้สามีของตัวเองออกไปเจอ แต่ใครจะเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด ก็อยากให้ออกมาพูดคุยหรือให้ข้อมูลเพื่อความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะทุกวันนี้ทุกอย่างยังคงปิดเงียบ แต่ยืนยันว่าการหายตัวไปของสามี เกิดจากประเด็นเรื่องการแย่งที่ทำกินทางทะเล โดยมีนายแน็กเป็นต้นเหตุ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นอื่น โดยเฉพาะเรื่องประเด็นทางการเมือง หรือแม้แต่ประเด็นเรื่องความขัดแย้งกับตระกูล เพราะที่ผ่านมาแม้ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นมันผ่านไปนานพอสมควร ไม่ใช่ประเด็นที่จะกล่าวถึงว่าเป็นความขัดแย้งที่มีการแก้แค้นกันไปมา และก่อนที่สามีจะหายไปพูดเสมอว่ามีเรื่องอยู่กับเพียงแค่คน ๆ เดียว ดังนั้นตนเองก็คิดว่าไม่มีใครอื่นที่มาทำให้สามีต้องตาย
ส่วนกรณีที่ถูกโยงว่าเป็นประเด็นความขัดแย้งการแย่งชิงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนตัวยืนยันว่าเสี่ยโกสนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้ท้าชิง เพราะทำมาหากินทางทะเล หาเช้ากินค่ำ กลับมาบ้านก็เป็นคนปกติ ไม่เคยมีแนวโน้มหรือพฤติกรรมจะเกี่ยวข้องทางการเมือง ส่วนกรณีที่คนในครอบครัวตนมีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งท้องถิ่น และ อบต. ก็เป็นเรื่องของส่วนบุคคลไม่ได้เกี่ยวข้องกับสามี ขอให้ไม่นำมาโยงกัน
หลังจากทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มมีการดำเนินการเรียกตัวและจับกุมผู้เกี่ยวข้อง อาทิ นายแน็ก หลานชายของนายสุรัตน์ ตัวเองได้มีการพูดคุยส่วนตัวกับแฟนสาวของนายแนฌก ซึ่งมีการส่งข้อความพูดคุยกันในไลน์ แฟนสาวนายแน็กบอกว่า "เสียใจอย่างมากที่รู้ข่าว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ" ส่วนตัวก็เชื่อว่าแฟนสาวของนายแน็กไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็น เพราะยังมีการพูดคุยและติดตามข่าวด้วยกันในวันเกิดเหตุที่สามีหายไป
อย่างไรก็ตาม การค้นหาแต่ละครั้งที่มีการออกทะเลไป ตนไม่เคยทราบหรือได้ละเอียดจากเจ้าหน้าที่ เพราะการออกค้นหาแต่ละครั้งก็ติดตามไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่และช่วยค้นหาเท่าที่จะทำได้เท่านั้น ไม่เคยรับรู้เลยว่าเจ้าหน้าที่กำลังค้นหาอุปกรณ์อะไรบ้าง รู้แต่ว่ามีร่างของสามีถูกพันด้วยผ้าใบ ถ่วงไปพร้อมกับเสาปูน แต่ตนเองทราบว่าบริเวณจุดที่ร่างของสามีถูกนำไปทิ้งมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุ เช่น จอบ ไม้ มีด เป็นต้น
Advertisement