จากกรณีภรรยาของนายโกสน ผู้สูญหาย ได้ยินเสียงปืนจากบ้านหลังหนึ่ง หลังจากที่สามีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังดังกล่าว จึงไปตามถึงบ้าน แต่เจ้าของบ้านยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายบอกว่าไม่ทราบว่าสามีไปไหนเพราะขณะนั้นกำลังนอนหลับ แต่ภรรยาผู้สูญหายสังเกตเห็นมีรอยเลือดเป็นทาง มีร่องรอยการล้างเลือดตามพื้นถนน มีรอยเลือดติดบนใบหญ้า แต่ไม่พบตัวสามี ซึ่งในวันดังกล่าวสามีได้สวมสร้อยคอทองคำและเลสข้อมือหนัก 10 บาทออกไปด้วย
ล่าสุด วันที่ 14 พ.ค. 64 ตำรวจออกหมายจับ 7 ผู้ต้องหาเกี่ยวกับคดีฆาตกรรม และออกหมายจับเพิ่มอีก 1 ราย คือนายนพดล หรือ เอ็ด เศวตศิลป์ อายุ 33 ปี
ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของนายทิวากร หรือ บี เลื่องสุนทร อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และยังเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีการจับกุม ชุดกองปราบปรามใช้เรือความเร็วบุกจับที่เกาะสมุย แต่เจ้าตัวก็หนีรอดไปได้
นางน้อง (นามสมมติ) อาของนายบี เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางบ้านไม่รู้ว่านายบีไปอยู่ที่ไหน แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าคนที่ถูกออกหมายจับรวมถึงนายบี เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มฆ่าคน แต่เกิดจากการชี้เป้าและโยงบุคคลเหล่านี้เข้าด้วยกัน เพราะนายบีเป็นคนขับรถส่งปลาและรับหอยไปขายให้กับนายสุรัตน์ อีกอย่างนายบีไม่มีเรือเป็นของตัวเอง ทำงานหาเช้ากินค่ำ รับจ้างขนส่งอาหารทะเลให้นายสุรัตน์เท่านั้น ส่วนนิสัยใจคอ นายบีเป็นคนขยันทำงาน และไม่มีพิษมีภัยกับใคร ทำงานเก็บเงินเลี้ยงดูลูกเมียและพ่อแม่ ยอมรับว่าตกใจที่มีภาพปรากฏว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี อีกทั้งยังปรากฏภาพปฏิบัติการบุกจับกลางทะเล การที่พวกเขายังหนี เพราะเขาเป็นคนบริสุทธิ์ จึงไม่อยากถูกจับ และตนเองก็มีความกังวลหรือห่วงเล็กน้อยว่าจะมีการวิสามัญ เพราะดูจากภาพข่าวค่อนข้างรุนแรง เจ้าหน้าที่มีอาวุธครบมือ
ขณะที่ นายนัด หนึ่งในพยานให้ปากคำเจ้าหน้าที่ แล้วพาครอบครัวเสี่ยโกสนไปชี้เป้ากลางทะเล ส่วนตัวไม่รู้ว่าคือพิกัดหมู่เกาะอ่างทองหรือไม่ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง ยังไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกับใคร จึงไม่รู้ว่ามีการก่อเหตุแบบไหน หรือเอาศพไฟทิ้งทะเลหรือไม่
ทีมข่าวยังได้ย้อนกลับไปยังหน้าวัดตะกรบ ในตำบลตะกรบ อำเภอไซยา ตามที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่าขับรถกระบะนำร่างของเสี่ยโกสนจากบ้านที่เกิดเหตุ ไปฝังที่บ่อทรายนั้น พบว่าจุดดังกล่าวมีร่องรอยของล้อรถ เสียหลังพุ่งชนเสาไฟฟ้า และเสากิโลเมตรที่หน้าวัด 1 ตันหักครึ่ง แต่ไม่ขาดจากกัด อีกต้นถูกขุดออกจากดินล้มลงอยู่ที่เกิดเหตุ มีสายไฟและกล่องสวิตช์ไฟของวัดที่ติดตั้งอยู่ริมทางได้รับความเสียหาย ส่วนเสาไฟฟ้าที่คาดว่าถูกชนหักได้รับความเสียหาย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มีการนำเสาต้นใหม่มาเปลี่ยนซ่อมแซมแล้ว
พยานรายหนึ่ง เปิดเผยว่า คืนวันเกิดเหตุมีเสียงดังคล้ายหม้อแปลงไฟระเบิดดังลั่นพื้นที่วัด แล้วไฟดับตั้งแต่กลางดึกถึงเช้า ตอนนั้นไม่ได้ออกไปดู คิดว่าไฟดับทั่วไป
จนกระทั่งช่วงสายมีคนมาซ่อมเสาไฟฟ้า พบว่าหักล้มไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร แต่ก่อนที่รถคันใหญ่ ของการไฟฟ้าจะมาถึง มีรถกระบะมาจอด แล้วมีผู้ชาย 2 คนลงมาบอกว่าอย่าเข้าใกล้ เดี๋ยวไฟซ็อต ตนเองจึงไม่เข้าไปยุ่ง ไม่นานรถของการไฟฟ้าก็มาเปลี่ยนเสาไฟฟ้าใหม่ มีรถกระบะมาย้ายรถที่โดนชนออกไป
Advertisement