กรณีพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) พร้อมด้วยพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8, รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และชุดคลี่คลายคดีคนร้ายในครดีฆาตกรรม นางนิโคล ซาเว่น ไวครอป์ (MRS.NICOLE SAUVAIN WEISSKOPF) อายุ 57 ปี สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นหัวหน้าพิธีการทูตสหพันธรัฐสาธารณรัฐเยอรมนี ที่เดินทางมาท่องเที่ยวโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ได้แถลงการจับกุมตัว นายธีรวัฒน์ ท่อทิพย์ อายุ 27 ปี หรือ บังหลี ผู้ต้องหา ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 8 ส.ค.64 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร กล่าวแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิต ว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นคงไม่สามารถมีอะไรทดแทนได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายพยายามอย่างเต็มที่ในการจับกุมคนร้ายจนสำเร็จโดยเร็ว แต่ก็ยังรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียดังกล่าวเสมอ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าได้เน้นย้ำเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย และจะทำหน้าที่รักษา ปกป้องพิทักษ์ความเป็นอยู่ประชาชน และนักท่องเที่ยวต่อไป เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา
“บังหลี” ขอโทษ สังคม-ครอบครัวผู้เสียชีวิต ยันพลั้งมือไม่หวังฆ่า แค่จะชิงทรัพย์ และไม่ได้ข่มขืน เปิดปากได้เงินแค่ 300 ไปซื้อน้ำส้ม-บุหรี่และกัญชา ก่อนใช้ชีวิตปกติ แบบหวาดกลัว แต่ไม่คิดมอบตัว เพราะเชื่อว่าเดี๋ยวตำรวจก็ตามเจอเอง
ขณะเดียวกันมีการโฟนอินให้ นายธีรวัฒน์ ท่อทิพย์ อายุ 27 ปี หรือ บังหลี ผู้ต้องหา เปิดคำรับสารภาพว่า ขณะนี้ตนได้นั่งอยู่กับภรรยา, คุณอา และทนายความ โดยในวันที่ 3 ส.ค.64 เวลา 10.00-11.00 น. ตนได้เดินทางออกจากบ้านเพื่อไปน้ำตกโตนอ่าวยน เพื่อจะไปหาพันธ์ุไม้แปลก ๆ เพราะตกงานเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่มีเงินและไม่กล้าขอเงินภรรยา
โดยได้ขึ้นไปถึงน้ำตกชั้นบนสุด แต่ไม่พบพันธุ์ไม้ที่ต้องการ จึงเดินลงมาแต่เห็นฝรั่งสาวนั่งเปือยกาย และกระเป๋าวางไว้ จึงหวังจะขโมยทรัพย์สิน ขณะนั้นตนได้เข้าไปล็อกคอ แต่ผู้ตายดิ้นจึงตกลงไปในน้ำพร้อมกัน ตนพยายามรัดคอจนผู้ตายหมดสติ และนำผ้าใบ หินทับเอาไว้ ก่อนจะรื้อค้นกระเป๋า พบเงิน 300 บาท จึงหยิบเงินใส่กระเป๋า และเดินลงมาหยิบร้องเท้าผู้ตายไปโยนทิ้งข้างป่า และเดินลงน้ำตก
หลังจากนั้น ตนได้นำเงินที่ได้มาไปซื้อน้ำส้มราคา 30 บาท จากนั้นไปเจอเพื่อน จึงนำเงิน 260 บาท ไปซื้อกัญชาและบุหรี่มาเสพและใช้ชีวิตที่บ้านตามปกติ แม้ยังรู้สึกกลัว และตกใจที่ทำอะไรลงไป แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรกับใคร จนตำรวจตามจับตัวได้ขณะตนกำลังนอนเล่นอยู่ที่บ้าน
จากนั้นในวันที่ 5 ส.ค.64 ตนทราบจากภรรยาว่า มีสาวฝรั่งเสียชีวิต ตอนนั้นตกใจมาก แต่ก็นิ่งเฉยใช่ชีวิตตามปกติ และขายของที่บ้าน โดยในช่วง 2 วันนั้นตนก็ยังรู้สึกกลัว แต่ก็ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่รู้จะบอกใครอย่างไร และไม่กล้า แต่เชื่อว่าตำรวจตามจับตัวตนได้อย่างแน่นอน ส่วนตอนเจอฝรั่งตนไม่ได้มีอาการเมายา หรือหวังข่มขืน ตนหวังแค่ชิงทรัพย์ ยอมรับว่า 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ได้เสพยา
"เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบครับ พลั้งมือ ผมไม่มีเจตนาฆ่า อยากบอกครอบครัวผู้เสียชีวิต กับการที่ผมได้กระทำไป อยากขอโอกาส ขอให้ยกโทษ ผมสำนึกได้ และรับสารภาพไปหมดแล้ว และขอโทษสังคม ขอโทษผู้เสียชีวิต สำหรับบาดแผลนั้น ก่อนหน้านี้มีรอยแผลอยู่แล้ว และได้ให้แฟนดู แต่ก็ไปโดนซ้ำอีกหลังจากเหงี่ยงกับผู้ตาย ผมยืนยันว่าหลังจากนั้นเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่ได้บอกใคร" ผู้ต้องหา กล่าว
นายยัน แคธเนอร์ ผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจสวิสเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ตนต้องขอขอบคุณ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่พยายามทุ่มเทกำลังสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดจนคลี่คลายคดีได้สำเร็จ ทั้งนี้ ตนเชื่อมั่นว่าการทุ่มเทจัดการทำงานหนักของชุดสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้ ผบ.ตร.บรรลุความสำเร็จผ่านไปได้อย่างงดงาม ตนจึงอยากขอบคุณหน่วยงานราชการไทย สำหรับการทุ่มเททำให้จ.ภูเก็ต กลับมาเป็นจังหวัดพื้นที่ปลอดภัยอีกครั้ง
ภายหลังการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว นายธีรวัฒน์ ท่อทิพย์ อายุ 27 ปี หรือ บังหลี ผู้ต้องหาไปทำแผนที่น้ำตกโตนอ่าวยนอย่างเงียบ ๆ โดยปิดกั้นพื้นที่ด้านหน้าก่อนถึงหน้าน้ำตกฯมาประมาณ 100 เมตร ติดป้ายกันเป็นพื้นที่ปฏิบัติงาน พร้อมตรึงกำลังตำรวจ สภ.วิชิต ห้ามสื่อมวลชนเข้าพื้นที่ โดยตำรวจใช้เวลาคุมตัวผู้ต้องหาทำแผนกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนคุมตัวผู้ต้องขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่ด้านในน้ำตก ซึ่งสื่อมวลชนไม่เห็นแม้แต่เงาผู้ต้องหา
ทั้งนี้ ระหว่างที่ชุดตำรวจที่คุมตัวผู้ต้องหาทำแผนเดินออกจากพื้นที่มา พบเจ้าหน้าที่ถือผ้าใบออกมาด้วย 1 ผืน คาดว่าใช้ในการประกอบการทำแผนในครั้งนี้ เบื้องทราบเพียงว่าทำแผนทั้งหมด 3 จุดหลัก ๆ ได้แก่ จุดจอดรถจักรยานยนต์หน้าน้ำตก, จุดด้านบนสุดที่เป็นหน้าผาน้ำตกที่ผู้ต้องหาไปหาพันธุ์ไม้ป่า และจุดที่ฆาตกรรมนักท่องเที่ยว ตามที่ผู้ต้องหาให้การไว้
จากนั้นทีมข่าวติดตามรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่คุมตัวผู้ต้องหาออกจากน้ำตกฯ พบว่าระหว่างทางไม่ได้แวะทำแผนจุดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นจุดที่ซื้อน้ำส้ม, จุดที่ซื้อบุหรี่และกัญชา รวมถึงขนำที่ผู้ต้องหาอ้างว่าไปพักผ่อนเสพยาเสพติด โดยตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องมาที่ สภ.วิชิต ซึ่งผู้ต้องหาสวมเสื้อสีเหลือง กางเกงกีฬาขาสั้นที่กรม เป็นชุดเดียวกับที่สวมใส่มาตั้งแต่วันที่ตำรวจบุกเข้าไปคุมตัวที่บ้าน แต่วันนี้จะให้ผู้ต้องหาสวมหมวกกันน็อก สวมเสื้อเกราะ เพื่อป้องกันมือที่สามและเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
ทั้งนี้ ก่อนเข้าห้องขัง ทีมข่าวมีโอกาสสัมภาษณ์ผู้ต้องหา กรณีที่ชุดสืบสวนพบความผิดปกติบางอย่าง เนื่องจากผู้ต้องหาโกนจนเพชรที่หัวหน่าว ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่างโกนมาก่อนหน้าวันเกิดเหตุ 2 วันแล้ว โดยผู้ต้องบอกกับทีมข่าวเพียงว่า “ได้ให้การไปทั้งหมดแล้ว ขอโทษด้วยนะครับ”
พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง รอง ผกก.สส.สภ.วิชิต ให้ข้อมูลว่า เรื่องโกนขนเพชร มีการสอบสวนผู้ต้องหาโดยละเอียดแล้ว ผู้ต้องหายอมรับว่าโกนตามความเชื่อของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม และภรรยาก็โกนด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ บังหลี จะต้องนอนห้องขังที่ สภ.วิชิต จำนวน 1 คือ ก่อนที่จะขออำนาจศาลจังหวัดภูเก็ต ฝากขังผัดแรกในวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.64) โดยแจ้งข้อกล่าวหาวฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ซึ่งนายธีรวัฒน์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และจากการสอบสวนเพิ่มเติม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รื้อค้นกระเป๋าเป้เอาทรัพย์สินไปด้วย เป็นเงินสดของผู้เสียชีวิต จำนวน 300 บาท จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมว่า "ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" ผู้ต้องหา ก็ได้รับสารภาพ
ทีมข่าวได้แกะรอยบังหลี ที่ให้การว่าแวะนำเงินที่ขโมยจากผู้เสียชีวิตไปซื้อน้ำส้ม และน้ำแข็งรวม 40 บาท ทีมข่าวพบร้านค้าดังกล่าว ตั้งอยู่เป็นเชิงเขา ก่อนถึงสวนภาวนาพุทธธรรมเขาขาม อยู่ห่างจากน้ำตกโตนอ่างยน ประมาณ 4 กม.
ทีมข่าวพบกับนายนฤพล สุขหิ้น อายุ 33 ปี เจ้าของร้านของชำ หรือพ่อค้าขายน้ำส้มกับน้ำแข็งให้ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวมีลูกค้าหลายรายมาซื้อของ แต่บังหลีมาซื้อเวลาประมาณ 14.00 น. ขณะนั้นไม่ได้คุยอะไรกัน นอกจากถามว่า "เอาอะไร" ฝ่ายบังหลีก็ตอบว่าซื้อน้ำส้ม และน้ำแข็ง
จากนั้นก็จ่ายเงินเป็นแบงก์ 100 บาท ตนก็ทอนให้ 60 บาท เพราะค่าน้ำและน้ำแข็งรวม 40 บาท ซึ่งเป็นการซื้อขายของปกติ และฝ่ายบังหลีก็ดูท่าทางปกติดี จากนั้นเขาก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์คันสีแดงออกไป โดยที่ตนไม่ได้สังเกตว่าสวมเสื้อสีอะไร ตัวเปียกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง เพราะตนเป็นเพียงพ่อค้าก็ขายของปกติ ไม่รู้ด้วยว่าเงินนั้นเป็นของใครมาก่อน มารู้วันนี้ก็ตกใจ ทั้งนี้ ในพื้นที่ซึ่งเป็นคนภูเก็ต จะนิสัยดีกันทุกคน แม้แต่ชาวบ้านแถวนี้ บางวันเจอฝรั่งหลงทางมา ก็ยังดูแลและพาไปส่งถึงที่พัก จึงทำให้ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า คนก่อเหตุจะเป็นคนไทยด้วยกัน เพราะก่อนหน้าตนยังคิดเลยว่าน่าเป็นต่างด้าวด้วยซ้ำที่ลงมือก่อเหตุ
น.ส.ปราณี อินทร์สังข์ อายุ 34 ปี ภรรยาเจ้าของร้านชำ เปิดเผยว่า ตนจำบังหลีได้แม่นมาก เพราะบังหลีไม่ใช่คนในโซนนี้ วันที่บังหลีมาในช่วงแรก ๆ ได้มาเป็นคนงานตัดหญ้าในส่วนยาง ตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.64 ตนก็สังเกตหน้าตา และทะเบียนรถที่ขี่มา เพื่อจดจำเอาไว้เฉย ๆ
โดยในทุก ๆ เช้าเวลา 07.00-08.00 น. ตนจะเห็นบังหลีแวะซื้อน้าอัดลม และขนมเป็นประจำทุกวัน ลักษณะบังหลีจะเป็นคนไม่ค่อยพูด เงียบ ๆ นิ่ง ๆ ถามคำตอบคำ ตนจึงไม่ค่อยได้พูดคุยกัน แต่หลังจากวันที่ 3 ส.ค.64 เป็นต้นไป ตนก็ไม่เจอบังอีกเลย
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปที่สวนยาง พบกับนายสุทิน (นามสมมติ) นายจ้างบังหลี อายุ 54 ปี กล่าวว่า ในวันที่ 3 ส.ค.64 ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. บังหลีขี่รถจักรยานยนต์มาหาตน และบอกว่าจะไปส่งลูกชายที่ป่าคลอก ซึ่งตนก็ไม่ได้ว่าอะไร สภาพบังหลีก็ดูปกติ เสื้อผ้าไม่ได้เปียกน้ำ ไม่มีพิรุธอะไร
สำหรับตนได้ว่างจ้างบังหลี หลังจากที่เพื่อนบ้านจ้างบังหลีก่อนหน้านี้ ตนเห็นบังหลีท่าทางแข็งแรง สู้งาน จึงได้สอบถามบังหลี ตอนนั้นบังหลีก็ตอบรับ เพิ่งจะมาตัดหญ้าในสวนยางได้ประมาณ 5 วัน ในวันที่ 2 ส.ค.64 ก็ได้ให้ค่าแรงไป 2,000 บาท ให้ไปแบ่งกับลูกน้องอีกคน ก็เท่ากับว่าให้คนละ 1,000 บาท และตนตั้งใจว่า "เดี๋ยวบังหลีมาทำต่อก็จะให้อีก" เพราะโดยปกติก็จะเลี้ยงข้าวเที่ยง เลี้ยงขนมทุก ๆ วันอยู่แล้ว
"ผมเป็นนายจ้างก็ช่วยทำด้วย ช่วงเช้าจะทำประมาณ 2 ชม. และเที่ยงก็จะกินข้าวกันที่ขนำในส่วนยาง จากนั้นก็ลงงานต่ออีก 2 ชม. ก็จะแยกกันกลับบ้าน เพราะเคยช่วนบังหลีกินข้าวที่บ้าน แต่บังหลีก็ปฏิเสธว่าเมียไม่ให้เข้าออกบ้านตอนมืด ตอนนั้นฟังดูแล้วก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้รักลูกรักเมียจัง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนร้าย" นายจ้างของบังหลี กล่าวทิ้งท้าย
ทีมข่าวเดินมายังบ้านภรรยาของบังหลี ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นบ้านที่พักผู้ต้องหาพักอาศัยและค้าขาย เช่น น้ำมันแบบขวดลิตร และน้ำแข็งใสอยู่กับภรรยา ซึ่งปรากฏว่าบ้านปิดประตูเงียบ ไม่มีใครอยู่ภายในบ้านแม้แต่คนเดียว
นางสาวลีเย๊อ (นามสมมติ) ลูกพี่ลูกน้องภรรยาของบังหลี เปิดเผยว่า เดิมทีบังหลีทำงานติดตั้งจานดาวน์เทียม ซึ่งจะมีผู้รับเหมาเป็นบริษัทหางานมาให้ และบังหลีก็จะไปติดตั้งให้ตามบ้านต่าง ๆ ที่ได้รับงานมา ส่วนรายได้เท่าไรตนก็ไม่รู้ แต่ช่วงหลังที่มีโควิด-19 ก็ไม่เห็นมีงาน เพราะขนาดตนขายเสื้อผ้าฝรั่ง แฟนก็วิ่งแท็กซี่ยังไม่มีลูกค้า ซึ่งความจริงเหตุการณ์เป็นอย่างไร บังหลี ไปทำอะไรมา ตนไม่รู้เรื่อง แต่ที่เห็นบังหลีเป็นคนขยัน เป็นเด็กดีจริง ๆ คนในครอบครัวก็ยังช็อกกันหมด
สำนักข่าวรอยเตอร์ และเดลี่เมลของอังกฤษ รวมถึงสำนักข่าวดีพีเอ ของเยอรมนี รายงานข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย โชว์ผลงานจับกุมชายวัย 27 ปี หลังจากก่อเหตุฆาตกรรม นางนิโคล นักท่องเที่ยวชาวสวิส วัย 57 ปี โดยถือเป็นการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว
รายงานของรอยเตอร์และดีพีเอ ระบุว่า ผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนไทย ให้การรับสารภาพหลังจากถูกตำรวจควบคุมตัวไปสอบสวน โดยเขาถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมและปล้นทรัพย์ โดยสื่อต่างประเทศทั้ง 3 สำนัก ระบุว่า คนร้ายกำลังเข้าไปเก็บสมุนไพรและของป่าอยู่ในพื้นที่ แต่ได้ไปพบกับเหยื่อชาวสวิต ขณะที่เธอกำลังว่ายน้ำอยู่ในน้ำตก และเขาพยายามขโมยทรัพย์สินของเธอ ก่อนจะลงมือสังหาร พร้อมขโมยเงินของผู้ตายไปประมาณ 300 บาท
อย่างไรก็ดี สาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง ยังต้องรอผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ด้านเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ได้ขอบคุณการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย ที่สามารถคลี่คลายคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญคดีนี้ได้อย่างรวดเร็ว
สื่อต่างประเทศ ระบุด้วยว่า โครงการภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ถือเป็นความหวังของรัฐบาลไทย ที่จะช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวและทำรายได้เข้าประเทศ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เลวร้ายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ดำเนินมานานมากกว่า 1 ปี ทั้งนี้ เดลี่เมล์ ระบุว่า นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ เมื่อ 1 ก.ค.64 ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากกว่า 16,000 คนแล้ว ที่เข้ามาท่องเที่ยวในโครงการนี้
นอกจากนี้ ในการแถลงข่าว มีนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมการแถลงข่าวด้วย โดยนายยุทธศักดิ์ เปิดเผยว่า ในนามกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตนรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม ตนต้องขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่สามรถคลี่คลายคดีและจับกุมผู้ก่อเหตุได้โดยเร็ว ซึ่งเป็นการเรียกความเชื่อมั่น ทั้งด้านความปลอดภัยและการท่องเที่ยวในประเทศให้กลับคืนมา
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว จะกระทบกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์หรือไม่ ททท.จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวที่เกิดขึ้น ว่า มีผลกระทบต่อจิตใจของนักท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่หรือไม่ เพื่อจะได้มีการดำเนินการในส่วนของการสร้างความเชื่อมั่นต่อไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลตัวเลขการจองห้องพักในช่วง 2 - 3 วันที่ผ่าน พบว่ายังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
Advertisement