แม่ “น้องเล็ก” นักมวยวัย 13 เผยลางก่อนตาย - คู่ชกโร่ขมาศพ - “สมรักษ์” เจอจุดตายคือหัว คาดพักน้อย (คลิป)

จากเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ 10 พ.ย. 61 มีการแข่งขันชกมวยการกุศลคู่ระหว่าง เพชรมงคล ส.วิไลทอง หรือ ด.ช.อนุชา ทาสะโก หรือ น้องเล็ก อายุ 13 ปี ขึ้นชกกับ ฟ้าใหม่ ว.สุดประเสริฐ (พุฒ ลูกร่มเกล้า) โดยน้องเล็กได้ชกมาถึงยกที่ 3 ก่อนจะถูกฝ่ายตรงข้ามชกจนล้มทั้งยืนกลางเวที

ขณะที่กรรมการตัดสินบนเวทีไม่ได้เข้ามาช้อนคอรับศีรษะ ทำให้น้องเล็กศีรษะกระแทกพื้นจนหมดสติคาเวที ก่อนจะถูกหามส่งโรงพยาบาลและพบว่าศีรษะของเด็กได้รับแรงกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา โดยการแข่งขันชกมวยรายการดังกล่าว เป็นการแข่งขันชกมวยการกุศลโครงการต้านภัยยาเสพติดครั้งที่ 1 ชิงถ้วยรางวัลของ พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีนั้น (อ่าน : ญาติเศร้า! รับศพนักมวยเด็กถูกน็อกกลางเวที ลุงเผยนาทีก่อนสิ้นใจ)

ภายหลังเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบกับ ฟ้าใหม่ ว.สุดประเสริฐ โดยต่อมาเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ใครจะด่าผมใครจะว่าผมเป็นยังไงก็แล้วแต่ ผมอยู่บนเวทีผมทำหน้าที่ของผม ผมทำตามสัญชาตญาณ​ของผม เรื่องแบบนี้ผมไม่อยากให้เกิดเลยครับ ผมรู้สึกเสียใจแต่ผมก็ทำตามหน้าที่ของผม ผมอยู่บนเวทีผมก็ต้องเพื่อเอาชัยชนะ เพื่อแลกกับเงินส่งตนเองเรียนผมอยู่บนเวที ผมก็ต้องสู้เขา ถ้าผมไม่ทำเขา เขาก็ทำผม คุณจะด่าผมก็เชิญ ผมยังจะเดินต่อทางนี้ ผมต้องไปให้สุดเพื่อครอบครัว เพื่อคนข้างหลังผม #ด่าผมก็เชิญด่าครับ #คนรักผมก็มีคนเกียดผมก็มี Rip.เพชรมงคล​ ส.วิไลทอง(ป.พีรพัทร)​ "

วันที่ 13 พ.ย.61 ที่วัดใหม่ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เป็นสถานที่จัดบำเพ็ญกุศลศพของด.ช.อนุชา ทาสะโก หรือ น้องเล็ก อายุ 13 ปี โดยนายดำรงค์ ทาสะโก ลุงของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุสภาพร่างกายหลานตนพร้อม ซึ่งตนก็อยู่ในเหตุการณ์เพราะเป็นพี่เลี้ยงให้กับหลาน รวมถึงเป็นคนคอยทาน้ำมันและพันมือ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลานบนเวทีนั้น ตนไม่ติดใจ เพราะอยากให้หลานไปสู่สุคติ และเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุบัติเหตุ และตนไม่ขอพาดพิงบุคคลใด แต่อยากให้มีมาตรฐานในการตัดสินมากกว่านี้ เนื่องจากกรณีนี้ถือว่าเป็นความประมาทและความสะเพร่า

เนื่องจากจังหวะหนึ่งในคลิปซึ่งหลานตนล้มลงไป แต่หลานก็ลุกขึ้นมาสู้เพราะสัญชาตญาณ จากนั้นก็จะเห็นว่าคู่ต่อสู้ของหลานชี้ไปให้กรรมการดูสภาพหลานเพื่อเป็นการบ่งบอกว่าหลานตนไม่สู้แล้ว รวมถึงเซียนมวยบางคนก็ตะโกนบอกให้กรรมการดูเช่นกัน แต่ไม่ทัน ก่อนที่ตนจะพาหลานไปโรงพยาบาล ตนคิดว่า หลานคงหมดสติตั้งแต่ตนอุ้มไป ส่วนตัวคิดว่า หากหลานสามารถพูดได้ คงบอกว่า “ผมไม่ไหวแล้วพ่อ” และก่อนที่หลานจะน็อกก็ยังบอกก่อนเข้าชกว่า สู้กับตนอยู่

ทั้งนี้ ตนคิดว่าผู้เป็นกรรมการต้องนับเพื่อยุติการชก และคิดว่ากรรมการไม่มีดุลยพินิจเพียงพอ ตนไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก จึงต้องการให้ในอนาคตมีการดูแลในเรื่องมาตรฐาน และความปลอดภัยให้กับนักมวยเยาวชน ในเรื่องอุปกรณ์เซฟตี้ รวมถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ รวมถึงอยากให้เคสนี้เป็นกรณีศึกษา นอกจากนี้ นายดำรงค์ บอกว่า หลังเกิดเหตุ คู่ชกและกรรมการก็ได้เดินทางมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล ซึ่งทั้งคู่ได้ให้กำลังใจตน ส่วนสภาพจิตใจของตนขณะนี้รู้สึกย่ำแย่ เพราะตนรักหลานชายคนนี้มาก เนื่องจาก ดูแลหลานคนนี้มาคนเดียวตั้งแต่เด็ก ถึงขั้นว่า หากชีวิตตนสามารถให้หลานได้ก็จะทำ หลานตนเป็นคนที่มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต อีกทั้งเป็นเด็กที่มีความกตัญญูต่อครอบครัว และแม้หลานจะจากไปแล้ว แต่ชื่อของหลานจะอยู่ในใจจนกว่าตนจะตายไปจากโลกนี้ ซึ่งตนต้องการบอกกับหลานว่า หลานทำหน้าที่บนเวทีได้ดีที่สุด อีกทั้งมีเลือดนักสู้เกิน 1 ล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะหลานตนแม้จะรู้ว่าจะตายแต่ก็ลุกขึ้นมาสู้ ตนเชื่อว่าคงไม่มีนักมวยคนไหนที่จะมีจิตใจเหมือนหลานตน

ด้าน นายณัฏฐนนท์ เพิ่มสันเทียะ ครูประจำวิชาสังคมศาสตร์ เผยว่า ก่อนที่ ด.ช.อนุชา ทาสะโก หรือน้องเล็ก จะเสียชีวิตตน ได้มีโอกาสไปเยี่ยมลูกศิษย์ที่โรงพยาบาล แพทย์แจ้งว่า น้องต้องได้รับการผ่าตัด และมีอาการมีเกล็ดเลือดต่ำ รวมถึงบอกให้ญาติทำใจ ตอนที่ตนเข้าไปเยี่ยมก็พบว่าน้องก็ไม่ตอบสนอง แต่สามารถหายใจได้ เนื่องจากใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ กระทั่งสุดท้ายน้องก็เสียชีวิตลง ตนรู้สึกเสียใจที่น้องอนุชาต้องมาเสียชีวิต เพราะน้องอนุชาถือว่าเป็นเด็กเรียนดีคนหนึ่ง ไม่เกเร และชอบเก็บตัว รวมไปถึงช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนที่น้องเรียนก็จะหน้าซีด จึงได้มีการสอบถามอาการจนทราบว่าน้องไม่ค่อยสบาย และญาติก็ได้โทรมาแจ้งลาหยุด

ด.ญ.ตรีรักษ์ ส่อนชัย หรือ ตันหยง เพื่อนร่วมชั้นของผู้เสียชีวิต พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนสนิทกับเพื่อนคนนี้พอสมควร เพื่อนตนเป็นคนแข็งแรง ใจดี ชอบสอนการบ้าน และไม่ค่อยพูดคุยกับใคร และทราบว่าหลังเลิกเรียนเพื่อนก็จะต้องรีบไปซ้อมมวย เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตก็รู้สึกเสียใจ วันนี้ขณะที่นั่งเรียนในห้องเรียนก็รู้สึกคิดถึงเพื่อน อีกทั้งบรรยากาศในห้องเรียนนั้นเงียบ และโศกเศร้าต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากพวกตนจะไม่ได้เจอเพื่อนอีกแล้ว

ด้าน น.ส.นิรัญญา ทาสะโก แม่ของด.ช.อนุชา เปิดเผยว่า ลูกชายอยู่กับตนตลอด แต่เพิ่งมาแยกกันช่วงที่ตนมาทำงานร้านอาหาร ที่ประเทศเกาหลีใต้ ประมาณ 5-6 เดือนที่ผ่านมา โดยลูกตนเป็นคนนิสัยดี และกตัญญู แต่ละครั้งหากได้เงินมาจากการชนะมวยก็จะนำมาให้ครอบครัว แต่ตนจะให้ลูกเก็บเงินไว้ใช้เอง น.ส.นิรัญญา เล่าว่า ลูกตนชอบการต่อยมวยมาตั้งแต่ช่วงป.4-5 แต่ส่วนตัวไม่ชอบให้ลูกทำอาชีพนี้ เนื่องจากทำให้ลูกเจ็บตัว แต่ก็ห้ามไม่ได้ เพราะลูกมีใจรักในอาชีพนี้ ซึ่งเมื่อทราบข่าวการเสียชีวิต ยอมรับว่าช็อก ในเฟซบุ๊กมีแต่คนไว้อาลัยลูกตน แต่ตนต้องทำใจให้ได้ เนื่องจากยังต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว และดีใจที่ได้มีโอกาสวิดีโอคอลกับลูกตลอดระยะทางทีได้เคลื่อนศพลูกจากโรงพยาบาลมาถึงวัด

นอกจากนี้ น.ส.นิรัญญา เผยถึงลางบอกเหตุให้ฟังว่า วันเสาร์ก่อนที่ลูกตนจะไปต่อยมวย นายดำรงค์ ลุงของผู้เสียชีวิต ได้ไลน์มาหาว่าแม่ตนลงมาหาน้องเล็ก ลูกตน ก่อนที่นายดำรงค์ จะส่งรูปลูกตัวเองนั่งกินข้าวกับแม่ตนมาให้ดู แต่รูปที่ถ่ายมาให้เป็นรูปลูกนั่งหันหลัง ตนก็แปลกในว่าทำไมถึงถ่ายภาพมาเช่นนี้ เพราะปกติจะถ่ายหน้าลูกมาให้ แต่ตนไม่ได้เอะใจอะไร และเมื่อตนเดินทางไปทำงานที่ร้านอาหาร ตนก็ไปทำจานที่ร้านอาหารแตกหลายใบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเช่นนี้ จนเจ้าของร้านบอกว่า ตั้งแต่ทำงานมา 5-6 เดือนก็ไม่เคยทำสิ่งของแตกสักชิ้น ทำไมวันนี้ทำแตกเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งถามว่าตนจะพักก่อนหรือไม่ ทั้งนี้ น.ส.นิรัญญา เผยว่า หากตนบอกลูกได้ก็อยากบอกว่า ตนภูมิใจในตัวลูกที่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดในอาชีพที่ลูกรัก และเป็นฮีโร่สำหรับตน เพราะลูกได้สู้จนขาดใจ

นายโอภาส เฉียบสันเที๊ยะ เจ้าของค่ายมวย ว.สุดประเสริฐ พร้อมฟ้าใหม่ ว.สุดประเสริฐ” (พุฒ ลูกร่มเกล้า) อายุ 15 ปี คู่ชกของ ด.ช.อนุชา ได้เดินทางมาเคารพศพ โดยนำพวงหรีดมาร่วมไว้อาลัย และขอขมาตากับยาย และพี่สาวผู้เสียชีวิตที่ วัดใหม่ บางปลากด ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ

โดย นายโอภาสเปิดเผยว่า การยุติการชกอยู่ที่ดุลยพินิจของกรรมการ ตนเองและทุกคนไม่มีสิทธิ์ยุติการชก เชื่อว่าไม่มีใครตั้งใจ หรืออยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กรณีนี้ตั้งแต่ชกมวยมาตนก็ยังไม่เคยเจอ รวมทั้งไม่เห็นด้วยกับลุงของเด็กที่เสียชีวิตที่ว่า ควรจะมีการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันในนักมวยที่เป็นเยาวชน ที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี

นายสมรักษ์ คำสิงห์ นักกีฬาชกมวยทีมชาติ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า น้องน่าจะพักผ่อนไม่เพียงพอก่อนขึ้นชก และอีกอย่างที่น่าสงสัยคือ ประวัติการชกของน้อง ที่มีมากถึง 170 ครั้ง ทั้งที่อายุเพียง 13 ปี เท่านั้น นับว่ามากกว่าปกติ เพราะการชกมวยตามกฎหมายต้องชก 1 ครั้ง พัก 21 วัน แล้วถึงจะขึ้นเวทีชกใหม่ได้ ดังนั้นถือว่าเป็นสถิติที่สูงมากผิดปกติสำหรับเด็กอายุ 13 ปี โดยเด็กอาจจะชกต่อเนื่อง และไม่ได้พัก 21 วันตามที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับจุดที่อันตรายที่สุดของการชกมวยคือ ศีรษะ เพราะการชกในแต่ละครั้งก็จะได้รับการกระทบกระเทือนไม่น้อย และยิ่งไม่พัก การชกก็จะอันตรายมากขึ้น ซึ่งตั้งแต่ตนต่อยมวยมา จนได้เป็นนักมวยทีมชาติก็ไม่เคยเจอเหตุแบบนี้มาก่อน จึงต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้อง และค่ายมวยที่ดูแลด้วย