หนุ่มขับเก๋งเปิดเพลงดัง ไม่ได้ยินเสียงเตือนรถไฟชนดับ - จนท.ชี้ลอบข้ามเอง จ่อฟ้องค่าเสียหาย (คลิป)

จากกรณี นายนันทวัฒน์ แก้วใส อายุ 23 ปี พนักงานขับรถโชว์รูมรถฮอนด้า กาญจนบุรี ขับรถยนต์ไปรับลูกค้า และถูกรถไฟสายน้ำตก - ธนบุรี พุ่งชนขณะกำลังขับรถข้ามถนนจุดตัดทางรถไฟ บริเวณซอยวาสนา พื้นที่หมู่ 4 ตำบลปากแพรก ด้านหลังศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นายนันทวัฒน์ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทำให้รถไฟได้รับความเสียหาย ต้องจอดซ่อมแซมเป็นเวลากว่าสามสิบนาทีนั้น

ซึ่งนายนันทวัฒน์ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 03.00 นาฬิกา วันที่ 21 พ.ย. 61 โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องมาจากคอหัก และสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ซึ่งหลังจากนายนันทวัฒน์เสียชีวิต พ่อแม่และครอบครัวจึงเดินทางมารอรับศพนายนันทวัฒน์ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด โดยทันทีที่แม่ของนายนันทวัฒน์เห็นศพลูกชายที่ถูกเข็นออกมาจากห้องเก็บศพ ก็รีบโผเข้ากอดศพลูกชายทันที สร้างความเศร้าสลดใจแก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก  

นายสมคิด น้อยนรินทร์ สารวัตรแขวงบำรุงทางกาญจนบุรี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจบริเวณจุดตัดทางรถไฟที่เกิดเหตุแล้ว พบว่า จุดดังกล่าวเป็นจุดตัดทางรถไฟที่ชาวบ้านลักลอบทำขึ้นมาเพื่อใช้ในการสัญจร โดยที่การรถไฟไม่ได้อนุญาต ซึ่งหลังเกิดเหตุ การรถไฟก็ได้มีการติดตั้งสัญญาณไฟและสัญญาณเสียงในบริเวณจุดตัดดังกล่าวแล้ว ซึ่งสัญญาณนี้จะทำงานอัตโนมัติเมื่อมีรถไฟใกล้จะถึงจุดตัดดังกล่าว ขณะที่รถไฟขบวนที่เกิดเหตุก็มีการเปิดหวูดเตือนรถที่จะข้ามถนนบริเวณจุดตัดทางรถไฟอยู่แล้ว ต่อจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยจะได้ดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับขบวนรถไฟที่เกิดเหตุ ทั้งความเสียหายที่เกิดกับตัวรถ และความเสียหายที่ทำให้ขบวนรถไฟล่าช้า โดยเรียกเก็บกับทางบริษัทที่ผู้เสียชีวิตทำงาน

ทั้งนี้ ตนขอฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนที่จำเป็นต้องสัญจรผ่านถนนที่มีจุดตัดทางรถไฟ ทั้งที่มีเครื่องกั้นและไม่มีเครื่องกั้นว่า ควรสัญจรไปมาด้วยความระมัดระวังจอดรถดูให้แน่ใจก่อนที่จะข้ามจุดตัดทางรถไฟ รวมถึงไม่ควรเปิดเครื่องเสียงภายในรถดังจนเกินไป เพราะอาจทำให้ไม่ได้ยินเสียงหวูดรถไฟเตือน และอาจทำให้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าเหมือนในครั้งนี้ขึ้นอีก

ขณะที่ นายสายพิน สะอาดเอี่ยม อายุ 45 ปี น้าของนายนันทวัฒน์ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคือเมื่อวาน (20 พ.ย.) โดยหลานได้ทำการผ่าตัด โดยแพทย์แจ้งญาติว่า อาการคนเจ็บไม่ดีขึ้น ผ่าตัดเสร็จก็อาการไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเวลา 03.00 น. หลานจึงเสียชีวิต หลังพบว่ามีสมองได้รับแรงกระทบกระเทือน คอหัก ตับแตก สมองเละ ซึ่งวันนี้ก็นำเอกสารเตรียมมารับศพ จากนี้ตนกับครอบครัวก็จะนำร่างหลานไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป ที่ ต.รางสาลี่ อ.ท่าม่วง นายสายพิน กล่าวต่อว่า ถ้ามีไม้กั้น หรือมีระบบไฟที่ดีกว่านี้ เหตุการณ์ดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น ในฐานะตนเป็นน้าของผู้เสียชีวิต จึงอยากฝากถึงหน่วยงานว่าหากทำไม้กั้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนทางรถไฟ เพราะการทำไม้กั้นก็คงใช้งบประมาณไม่เยอะ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้คงเป็นอุทธาหรณ์เตือนสติ ตนก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีก