พี่สาวภรรยา “รองตี๋” ฝันดับวูบ เสี่ยเบนซ์เมาชน เผยวัยเด็กสละให้น้องเรียน เพื่อหลักอนาคต (คลิป)

19 เม.ย. 62
จากกรณีนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ เจ้าของโรงงานอะไหล่ยนต์ ขับรถเบนซ์พุ่งชนรถ ซูซูกิ สวิฟท์ เป็นเหตุให้ พ.ต.ต.จตุพร งามสุวิชชากุล หรือรองตี๋ อายุ 48 ปี และนางนุชนาฏ งามสุวิชชากุล อายุ 43 ปี สามีภรรยาเสียชีวิตทั้งคู่ ส่วนลูกสาวคนเล็ก อายุ 12 ปี ที่นั่งมาด้วย อาการบาดเจ็บอาการสาหัส กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยล่าสุดนายสมชาย เข้ามางานศพสองสามีภรรยา แล้วขอขมาต่อญาติ พร้อมสัญญาว่าจะดูแลลูก ๆ ของผู้ตาย  (อ่าน: เสี่ยเบนซ์เมาขับ ทรุดกราบญาติ “รองตี๋” ขมาศพขอเลิกเหล้า – ลูกสาวร่ำไห้ ฝืนใจสู้ชีวิตต่อ)
งานศพสองสามีภรรยาที่เสียชีวิต
ล่าสุด วันที่ 18 เม.ย. 62 นางสาวขนิษฐา เลิศวรจักรพงษ์ พี่สาวของนางนุชนาฏ ภรรยา พ.ต.ท.จตุพร ได้เปิดเผยความคืบหน้าอาการของหลานสาว ว่าขณะนี้ก็ดีขึ้นมาก เริ่มพูดได้แล้ว และถามหาพ่อกับแม่เพียงอย่างเดียว ซึ่งเวลาไปเยี่ยม ญาติทุกคนจะใส่เสื้อผ้าสีอื่นเข้าไป เพื่อไม่ให้หลานสงสัย เพราะยังไม่ได้บอกความจริงกับหลาน แล้วค่อยมาเปลี่ยนเป็นชุดดำที่งาน
นางสาวขนิษฐา เลิศวรจักรพงษ์ พี่สาวของนางนุชนาฏ
ส่วนผู้ก่อเหตุ หลังจากที่เมื่อวานได้มีการกราบขอขมา และบอกว่าจะบวชให้นั้น ตนและญาติ ๆ ก็เข้าใจว่ามันคืออุบัติเหตุ ส่วนเรื่องทางกฎหมายก็ต้องดำเนินไป และเข้าใจว่าเขารู้สึกผิด เขาก็พยายามที่จะแก้ไขให้ดีที่สุด ซึ่งเราก็ให้โอกาสเขา ที่เขาอยากจะไถ่โทษ ซึ่งก็ต้องดูต่อไปว่าในเมื่อเขาได้โอกาสจากเราแล้ว เขาจะใช้โอกาสที่ได้มาได้ดีแค่ไหน โดยเขารับปากว่าจะดูแลหลาน 2 คนให้ดีที่สุด ซึ่งเราก็มั่นใจในตัวเขา สำหรับนางนุชนาฏ น้องสาว เป็นคนจิตใจดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร และไม่เคยทะเลาะกับใคร แม้แต่กับสามีที่อยู่ด้วยกันมา 20 ปี ก็ยังไม่เคยทะเลาะกันเลย นอกจากนี้น้องสาวยังเป็นคนที่เรียนเก่ง และสอบได้ทุนเรียนดีมาโดยตลอด และยังเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 ถ้าหากย้อนไปอดีต ในเรื่องการเรียน ครอบครัวไม่มีกำลังส่งเสีย ตนจึงได้เสียสละหยุดเรียน เพื่อให้น้องสาวได้เรียนต่อ และได้บอกกับน้องสาวว่าได้มอบอนาคตให้น้องสาวแล้ว ซึ่งเขาก็ทำได้ดีที่สุด หลังจากที่น้องสาวเรียนจบก็ได้ทำงานทันที โดยเป็นพยาบาลและได้มอบเงินเดือนเดือนแรกให้แม่ ก่อนจะแต่งงานและลาออกมาทำงานที่บริษัทประกันชีวิต เพื่อจะมีเวลาดูแลลูก
พ.ต.ต.จตุพร และนางนุชนาฏ งามสุวิชชากุล ผู้เสียชีวิต
นางสาวขนิษฐาเล่าต่อว่า นอกจากน้องสาวจะดูแลลูกเขาทั้ง 2 คนแล้ว เขายังดูแลลูกสาวตนอีกด้วย เพราะฉะนั้น น้องสาวจึงเปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต และเป็นทุกอย่างของครอบครัว การสูญเสียน้องสาวไปจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ จึงเปรียบเหมือนการเสียเสาหลักของครอบครัวไป ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุเพียงไม่กี่วัน ทั้งครอบครัวก็ได้มีการวางแผนว่าจะไปเที่ยวพัทยา และได้จองที่พักไว้แล้ว แต่มาเกิดเหตุการณ์นี้เสียก่อน ซึ่งหลังจากนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป จากที่เมื่อก่อนเคยไปเที่ยวด้วยกันทุกวันหยุด เคยอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งภาพเหล่านั้นจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ถ้าน้องสาวรับรู้อยากบอกกับน้องสาวว่า ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร หลับให้สบาย พี่จะดูแลลูกทั้งสองคนให้เอง และจะดูแลพ่อกับแม่แทนน้องด้วย  

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ