จากกรณีนายลัทธพล ยุทธนา หรือ ไม้ อายุ 17 ปี และนายฉัฐบุตร กันทะสา หรือ ดรีม อายุ 19 ปี ถูกยิงเสียชีวิตกลางถนนรังสิต-นครนายก วันที่ 24 พ.ย. 60 จนคดีผ่านมา 1 ปี 6 เดือน แต่ไม่มีความคืบหน้า ญาติจึงร้องเรียนขอความเป็นธรรม และสงสัยว่ามีหญิงรายหนึ่งเป็นนางนกต่อ แชตมาหาผู้ตายก่อนจะเสียชีวิต
วันที่ 27 พ.ค. 62
“รายการต่างคนต่างคิด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.20 น. ได้เชิญ
น.ส.ออย ผู้ถูกกล่าวหา, นายเค แฟนของน.ส.ออย, น.ส.ครีม ผู้ถูกกล่าวหา, นายสุวิเชียร กันทะสา พ่อของดรีม ผู้เสียชีวิต และ
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ร่วมพูดคุยในรายการ
น.ส.ออย ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ 24 พ.ย. 60 ตนทำงานที่ร้านคาราโอเกะ จนถึงเวลาตี 2 ตนยืนยันว่าไม่ได้ทักแชตไปหานายดรีม และไม่ได้ยืมโทรศัพท์ของน.ส.ครีม เพราะตนไม่ได้อยู่กับน.ส.ครีม ในวันเกิดเหตุ ช่วงเวลานั้นตนทำงานที่ร้านและตนติดลูกค้าอยู่ ทั้งนี้ ตนก็ไม่เคยรู้จักกับผู้ตายทั้ง 2 คนมาก่อน และคิดว่าเป็นน.ส.ครีมเป็นคนที่แชตไปเอง โดยก่อนเกิดเหตุ 2 วัน น.ส.ครีมก็ทักแชตไปชวนผู้ตายทั้ง 2 คนมาที่ห้อง โดยน.ส.ครีมเคยบอกกับตนว่าตัวเองเป็นแฟนกับนายไม้ ผู้ตาย หลังเกิดเหตุ ตนก็งงว่าทำไมน.ส.ครีมถึงโยนความผิดมาให้ตน
นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุ น.ส.ครีมพาตำรวจมาที่ห้องเพื่อค้นห้องและอุ้มตัวตน พร้อมกันนายเค แฟนหนุ่มตน จากนั้นตำรวจพาพวกตนทั้ง 3 คนปิดตาไปสืบสวนที่บ้านหลังหนึ่ง ตนก็ยืนยันกับตำรวจไปแล้วว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจก็เช็กเฟซบุ๊กตน พร้อมแยกห้องสอบทุกคน ก่อนจะปล่อยตัวกลับ
อย่างไรก็ตาม ที่น.ส.ครีมอ้างว่าตนผ่านจุดเกิดเหตุ แล้วมาบอกข่าวให้น.ส.ครีมรู้ ไม่เป็นความจริง เพราะช่วงเวลานั้น ตนออกไปกับแฟน แล้วกลับเข้ามานอนที่ร้านคาราโอเกะ ไม่ได้เจอน.ส.ครีม และขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ
นายเค แฟนของ น.ส.ออย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ตนอยู่ที่วัดตะพัง ขับรถมาหาน.ส.ออย แฟนสาว ช่วงเวลาประมาณตี 2 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับช่วงเกิดเหตุ แต่ตนไม่ได้ไปในเส้นทางรังสิต-นครนายก ที่เกิดเหตุ และไม่ทราบว่าผู้ตายทั้ง 2 คนนั้นเป็นใครด้วย
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุแล้ว ก็มีตำรวจอุ้มตัวพวกตนไปสอบ ตนก็ถูกเค้นสอบและถูกซ้อมเตะต่อย ตั้งแต่เที่ยง จนถึงเวลา 21.00 น. จากนั้นตำรวจให้ดูกล้องวงจรปิด บอกให้ตนชี้ว่ามีตนผ่านกล้องหรือไม่ ตนก็บอกว่ามีเฉพาะที่แฟลตของแฟนสาวเท่านั้น ไม่ได้ไปในจุดที่เกิดเหตุ ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดชึ้น และพร้อมให้ความร่วมกับตำรวจอย่างเต็มที่
น.ส.ครีม ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ น.ส.ออย ยืมโทรศัพท์ของตนเพื่อทักแชตไปหาดรีม เพราะน.ส.ออยกลัวว่าแฟนของตัวเองจะรู้ โดยวันนั้นเป็นวันที่น.ส.ออยทำงานแค่ครึ่งวัน อีกทั้งก่อนช่วงเกิดเหตุ น.ส.ออยก็เคยบอกให้ตน เป็นคนช่วยทักนายดรีมด้วย เพราะทั้ง 2 คนแอบคบกันอยู่
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับนายไม้ ผู้ตาย ก็แค่ชอบกันเท่านั้น ไม่ถึงขั้นคบกัน ส่วนปมหึงหวงก็เป็นไปไม่ได้ได้ เพราะตอนที่ตนคุยกับไม้ ตนไม่ได้มีแฟน และเมื่อรู้ว่าเจ้าตัวมีแฟนแล้ว ตนก็เลิกคุยทันที
ส่วนที่เจ้าของร้านคาราโอเกะบอกว่าตนนั่งร้องไห้หลังเกิดเหตุนั้น เป็นความจริง เพราะตนทราบข่าวว่านายดรีมกับนายไม้ถูกยิงเสียชีวิต ตนทราบข่าวเวลาตี 4 เพราะน.ส.ออยเป็นคนมาบอก หลังจากที่น.ส.ออยไปกับแฟนที่คลอง 5 แล้วตนก็รอเวลาจน 6 โมงเช้า เพื่อขอเบิกเงินกับเจ้าของร้าน ส่วนที่เจ๊เจ้าของร้านบอกว่าตนหายออกจากร้านแล้วไม่กลับไปอีกนั้น เนื่องจากตนออกจากงาน แม่ตนก็ให้กลับมาอยู่ที่บ้าน ซึ่งเจ้าของร้านก็เป็นคนสั่งพักงานตน เพราะตนอายุไม่ถึงเกณฑ์ ประกอบกับร้านถูกสั่งปิดในช่วงนั้น
นอกจากนี้ ข้อความแชตที่ระบุว่ากลัว แล้วจะให้แม่ช่วยนั้น เป็นข้อความของตนจริง เพราะตนหนีออกจากบ้านก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 เดือนกว่า แล้วไปอยู่กับน.ส.ออยที่บ้าน แล้วแม่ก็เป็นห่วงตน
นายสุวิเชียร กันทะสา พ่อของดรีม ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ตนเห็นแชตที่ครีมทักมาหาลูกชายจริง แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งข้อความมา ทั้งนี้ ตนคิดว่าทั้ง 2 คน ทั้งน.ส.ครีม และน.ส.ออย ควรเปิดหน้ากากมาคุยกัน จากหนักจะได้เป็นเบา คนตายไปแล้วให้เอาคืนคงไม่ได้ จึงก็อยากให้ยอมรับ ให้เปิดอกคุยกันเพื่อแก้ปัญหา แล้วตนจะให้อภัย ไม่ติดใจเอาความ แค่อยากรู้ว่าทำลูกตนทำไม อีกทั้งตนยังสงสัยการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยเช่นกัน หลังจากทำคดีมากว่า 1 ปี 6 เดือน แต่ยังจับคนร้ายไม่ได้
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้ตนคิดว่าอาจมีคนโกหกเพื่อเติมแต่งเรื่องให้ตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งต้องตรวจสอบพิรุธว่าคนรอบข้างของทั้ง 2 คน ทั้งน.ส.ครีม และ น.ส.ออย มีปมหึงหวงด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คนที่หลบหนีหลังเกิดเหตุก็เป็นที่น่าสงสัยเช่นกัน ซึ่งตำรวจจะต้องไปสืบสวนคนรอบข้าง รวมถึงลูกค้าที่ร้านคาราโอเกะว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่