ผู้บัญชาการทหารเรือ แถลงผลการค้นหากำลังพล เรือหลวงสุโขทัยอับปาง พบเพิ่มอีก 6 ราย รอดชีวิต 1 ราย เสียชีวิต 5 ราย
จากกรณี เรือหลวงสุโขทัยอับปาง พร้อมกำลังพลของกองทัพเรือ ประสบอุบัติเหตุอัปปางจมใต้ทะเลเมื่อช่วงดึกวันที่ 18 ธ.ค. โดยมีสาเหตุจากคลื่นลมแรง น้ำเข้าเรือจนเครื่องจักรไฟฟ้าและเครื่องจักรใหญ่ดับ เรือเสียการควบคุม และเอียงมาก จนกระทั่งต้องมีการสละเรือก่อนที่จะอับปาง ส่งผลให้มีเรือลำอื่นๆที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงอับปางลงจำนวน 5 ลำ
วันนี้ (20 ธ.ค.65) ที่ ห้องชมวังอาคารราชนาวิกสภา พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์เสนาธิการทหารเรือ แถลงข่าวความคืบหน้าเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง โดยระบุข้อมูลว่า "วันนี้พบกำลังพลกรณีเรือหลวงสุโขทัยอัปปาง เพิ่มอีก 6 ราย รอดชีวิต 1 ราย เสียชีวิต 5 ราย"
พล.ร.อ.เชิงชาย ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดเผยว่าวันเกิดเหตุ (18 ธ.ค.) มีสภาพคลื่นลมแรง ระหว่างทางจากหาดทรายรี เรือหลวงสุโขทัยจะเข้าไปจอดเทียบท่าที่บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ข้อเท็จจริงเบื้องต้นคือน้ำเข้าเรือทางส่วนหัวเรือ ทำให้ส่วนเครื่องยนต์เสียหาย กำลังพลพยายามสูบน้ำออกแต่สูบไม่ทันทำให้น้ำเข้ามาในตัวเรือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สูญเสียเครื่องควบคุมใบจักรจนลอยเข้ามาเทียบท่าเรือบางสะพานไม่ได้ จนกระทั่งไฟฟ้าดับทั้งลำ เครื่องยนต์เสียหาย
ระหว่างนั้นได้มีการขอความช่วยเหลือไปยังทัพเรือภาคที่ 1 และประสานไปยังกองทัพเรือให้ส่งเรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงภูมิพล และเครื่องบินลาดตระเวนให้มาช่วย โดยมีเรือสินค้าที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามาร่วมช่วย ซึ่งเรือหลวงกระบุรีพยายามเข้ามาใกล้เพื่อช่วยเหลือ แต่เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะคลื่นลมแรงมาก ขณะนั้นมีรายงานว่าเรือหลวงสุโขทัยมีความเอียงคงที่ และประกอบกับว่ามีเรือที่ลอยอยู่ใกล้เคียงจึงยังไม่มีการย้ายกำลังพล
จากนั้นเรือหลวงสุโขทัยเกิดเริ่มเอียงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องปล่อยแพชูชีพอัตโนมัติลงมายังด้านล่างเพื่อให้กำลังพลที่ไม่มีชูชีพได้ขึ้นไป และบางส่วนได้กระโดดลงมาเพื่อว่ายไปยังเรือกระบุรี และเรือบรรทุกสินค้าที่อยู่ใกล้เคียง จนสามารถช่วยเหลือกำลังพลได้ 75 นาย สูญหาย 30 นาย ทางกองทัพจึงได้นำตัวผู้บาดเจ็บลำเลียงส่งโรงพยาบาล
ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าเสื้อชูชีพไม่พอนั้นจะต้องส่งเรื่องเพื่อทำการสอบสวนในเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งบางเรื่องก็สามารถเปิดเผยได้ แต่หากเรื่องไหนเป็นความลับทางราชการก็ต้องขอสงวนไว้ กองทัพเรือขอยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เต็มความสามารถ นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเพื่อช่วยเหลือญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตและสูญหาย ก่อนจะดำเนินการเยียวยาตามขั้นตอน
ด้าน พล.ร.อ.ชลธิศ เสนาธิการทหารเรือ เปิดเผยว่าคืนเกิดเหตุคลื่นลมแรงมาก คลื่นสูง 4 เมตร ซึ่งหลังเกิดเหตุมีเรือหลวงจากกองทัพเรือเข้ามาช่วยเหลือตามยุทธวิธี สำหรับการค้นหาผู้สูญหายมีการตีตารางเริ่มต้นจากจุดเรือจมเพื่อคำนวณทิศทางของกระแสน้ำ ซึ่งมีระดมการค้นหาทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนกองทัพอากาศก็ส่งอากาศยาน 2 ลำ มาร่วมปฏิบัติการด้วย โดยวันนี้เวลาประมาณ 15.00 น. พบผู้รอดชีวิตห่างจากจุดเรือจมราว 60 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ขอสรุปว่า พบกำลังพลแล้ว 81 นาย ยังสูญหาย 24 นาย เสียชีวิต 5 นาย ซึ่งอยู่ระหว่างการส่งร่างไปพิสูจน์อัตลักษณ์ กองทัพเรือยังคงมีความหวังในการพบผู้รอดชีวิตรายอื่นๆ และขอขอบคุณกองทัพเรือจากประเทศต่างๆ ที่ติดต่อเข้ามาเพื่อช่วยเหลือด้วย
พล.ร.อ.เชิงชาย ผู้บัญชาการทหารเรือ ตอบคำถามเพิ่มเติมว่า ในส่วนของกล่องดำนั้น เนื่องจากเรือหลวงสุโขทัยนั้นมีอายุในการใช้งานถึง 36 ปีแล้ว จึงไม่มีกล่องดำบันทึกเหตุการณ์ แต่ทางกองทัพจะมีการรวบรวมหลักฐาน ข้อมูล และรายละเอียดเพื่อทำการสอบสวนในเรื่องนี้
สำหรับในเรื่องของการกู้เรือนั้น กองทัพเรือมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาในเรื่องนี้ ซึ่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเพื่อมาดูสภาพก่อนว่าลักษณะการจมเป็นอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการหารือว่าจะกู้อย่างไร เบื้องต้นทราบว่าจุดที่เรือจมนั้นน้ำลึกราว 40 เมตร ซึ่งต้องดูอีกทีว่าจะกู้วิธีไหน และต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่
Advertisement