บิ๊กโจ๊กให้ข้อมูล ป.ป.ช. ยัน'ไบโอเมททริกซ์' มีพิรุธหลายอย่าง มั่นใจเอาผิดได้

10 ม.ค. 63
"บิ๊กโจ๊ก" เข้าให้ปากคำอนุกรรมการ ป.ป.ช. กรณีจัดซื้อ "เครื่องไบโอเมททริกซ์" เผยอ่อนใจหลังได้ยินคลิปเสียง พร้อมเคลียร์ใจหากอีกฝั่งติดต่อมา เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 63 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าให้ปากคำกับอนุคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) กรณีการจัดซื้อเครื่องไบโอเมททริกซ์ และรถตรวจการไฟฟ้า ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) โดยมีเอกสารหลักฐานบางส่วนมาส่งให้ ป.ป.ช. ด้วย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันที่ทนรอคอยมากที่สุดเพื่อที่จะมาเข้าให้ปากคำกับอนุกรรมการ ป.ป.ช. ในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้าง เครื่องไบโอเมททริกซ์ ที่ตนได้ทำการยกเลิกสัญญาไปตั้งแต่สมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เนื่องจากพบพิรุธ เครื่องไม่สามารถส่งงานได้ และประสิทธิภาพในการใช้งานไม่เป็นไปตามที่ระบุไว้ในทีโออาร์ การที่หลายหน่วยพยายามออกมาชี้แจง ว่าเครื่องไบโอเมทริกซ์ สามารถจับคนร้ายได้เท่านั้นเท่านี้ หรือประเด็นที่ว่าหน่วยอื่นก็ใช้งานเครื่องนี้ เป็นคนละเรื่องกับที่ตนกำลังดำเนินการ ยกตัวอย่าง เช่นทีโออาร์ระบุว่า เครื่องไบโอเมททริกซ์สามารถทำงานได้ 30 อย่าง แต่ใช้งานจริงไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือเอาไปใช้งานแค่ความสามารถเดียว มันคุ้มกับภาษีประชาชนหรือไม่ อีกทั้งยังมาขอเพิ่มงบ จาก 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท ซึ่งตนยืนยันได้เลยว่าราคาเครื่องไบโอแมททริกซ์ จริง ๆ แล้วไม่ถึง 1,000 ล้านบาท "ก็ต้องไปคิดเอาว่างบประมาณที่ขอเพิ่มมาคืออะไร และงบประมาณก็เป็นของ สตม. แต่มีการให้ทำเรื่องโอนเป็นงบกลางคืออะไร ใครเป็นคนสั่งการตอนนั้น" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว ส่วนเรื่องความคืบหน้าของคดี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่อะไรแล้วหลังจากที่ได้ฟังคลิปเสียง ก็รู้สึกอ่อนใจ แต่ตนก็ยอมรับ ว่ามีปัญหากับผู้บัญชาการที่อยู่ในคลิปจริง แต่ปัญหาก็มาจากเรื่องของการยกเลิกโครงการการสั่งซื้อเครื่องไบโอแมททริกซ์ นอกจากนี้ตนยืนยัน ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเกมที่จะทำให้ตนกลับมาอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อีกแน่นอน เพราะการที่ตนจะกลับมานั้น อยู่ที่ผู้บังคับบัญชา ไม่ได้อยู่ที่เหตุการณ์นี้ ทั้งนี้ อยากจะให้เป็นบทเรียนกับหน่วยงาน ตนเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ใครที่หาผลประโยชน์กับเงินของแผ่นดิน หรือการฉ้อราษฎร์บังหลวง จะต้องมีอันเป็นไป ถ้าหาความยุติธรรมในองค์กรไม่ได้มันก็ต้องออกมาหานอกองค์กรแบบนี้ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า "การที่คุณมาทำแบบนี้ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ เขารู้กันหมด แต่คุณต่างหากที่ไม่รู้ว่าเขารู้" ภายหลังการสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ถ้าอีกฝั่งติดต่อผ่านผู้ใหญ่เพื่อที่จะขอเคลียร์ใจ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนก็พร้อมที่จะพูดคุย และเคลียร์ใจกัน แต่ถ้าจะให้ตนทำในเรื่องที่ผิดกฎหมาย ตนขอไม่ทำ หลังจากนี้จะมีพยาน 40-50 คนมาเข้าให้ปากคำกับ ป.ป.ช. และการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้จะเป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้ที่ให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช. ก็ถือว่าหมดหน้าที่ตนแล้ว

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ