จากกรณี นายเอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หนีออกจากโรงพยาบาลกระบี่ ก่อนนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้าง มาซื้อตั๋วโดยสารบริเวณสถานี บขส.กระบี่ จากนั้น ซื้อไก่ทอด น้ำดื่ม แล้วนั่งรอขึ้นรถตู้โดยสารจะเดินทางกลับบ้านพักที่จังหวัดตรัง เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) แต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลติดตามเข้าควบคุมตัวไว้ได้ทันนั้น
ไล่เลียงไทม์ไลน์ป่วยติดโควิด-19 ของหนุ่มวัย 25 ปี พบว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ป่วยรายนี้เดินทางมาจากจังหวัดตรัง โดยรถตู้โดยสาร พร้อมผู้โดยสาร จำนวน 8 คน มาถึงสถานี บขส.กระบี่ จากนั้นขึ้นรถแท็กซี่เดินทางไปยังท่าเทียบเรือปากคลองจิหลาด เพื่อลงเรือไปยังเกาะพีพี
แต่เจ้าหน้าที่ตรวจอุณหภูมิร่างกายได้สูงถึง 39 องศา จึงแจ้งให้ทาง รพ.กระบี่ รับตัวไปตรวจดูอาการที่ รพ.กระบี่ พบว่าติดเชื้อโควิด-19 จึงทำการกักตัวไว้รักษาตามกระบวนการตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.
กระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 25 มี.ค.หนุ่มคนดังกล่าวได้หลบหนีออกมาจากโรงพยาบาล โดยนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปที่ บขส.กระบี่
เมื่อถึง บขส. นายเอ เดินเข้าไปในอาคารผู้โดยสารเพื่อซื้อตั๋วโดยสาร และซื้อไก่ทอด น้ำดื่ม จากร้านค้า กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกระบี่ เข้าควบคุมตัวไว้ได้ขณะนั่งรอรถขึ้นรถตู้โดยสารเพื่อเดินทางกลับบ้านพักที่จังหวัดตรัง
โดยขณะนี้ทีมสอบสวนโรค สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ออกติดตามบุคคลกลุ่มเสี่ยงทั้งหมดที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย ทั้งคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่รับผู้ป่วยมาจากหน้าโรงพยาบาลกระบี่ คนขับรถแท็กซี่ป้ายเขียว ที่รับผู้ป่วยจาก บขส.ไปส่งยังท่าเรือ คนขับรถตู้โดยสารสายตรัง-กระบี่ ที่รับผู้ป่วยมาจาก จ.ตรัง พ่อค้าแม่ค้าที่สถานี บขส.กระบี่
โดยเจ้าหน้าที่ประสานให้คนที่เกี่ยวข้องกักตัวดูอาการ 14 วัน และประชาสัมพันธ์แจ้งให้ผู้โดยสาร จำนวน 8 คน ที่เดินทางมากับรถตู้โดยสารคันดังกล่าว ซึ่งเดินทางออกจากจังหวัดตรัง เวลาประมาณ 08.30 น. เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา และผู้ใกล้ชิด ให้ติดต่อ จนท.สาธารณสุขใกล้บ้านทันที เพื่อกักตัวดูอาการต่อไป
ล่าสุด วันที่ 26 มี.ค. 63 นายโอภาส จุฑามาตย์ ผู้จัดการ บขส. จังหวัดกระบี่ บอกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ประชาชนที่มาใช้บริการ บขส.แตกตื่นพอสมควร สำหรับบุคคลที่ได้สัมผัสหรือใกล้ชิดกับชายคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ให้กักตัวดูอาการอยู่ที่บ้าน ซึ่งที่ บขส. จังหวัดกระบี่ มีบุคคลที่โดนกักตัวแล้ว 5 คน ได้แก่ พนักงานขายตั๋ว เป็นผู้หญิง 1 คน แม่ค้า 2 คน คนขับรถแท็กซี่ 1 คน คนขับรถตู้ เป็นชาย 1 คน
ส่วนผู้โดยสารที่มาพร้อมกับนายเอ 6 คน ในวันที่ 23 มี.ค.และผู้โดยสารที่รอขึ้นรถตู้เตรียมจะกลับจังหวัดตรัง พร้อมกับนายเอ อีก 6 คนนั้น อยู่ระหว่างประชาสัมพันธ์ให้ทั้งหมดมารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อย่างไรก็ตาม สำหรับการแต่งกายของนายเอ ในวันที่ 25 มี.ค.พบว่าเจ้าตัวสวมหน้ากากปิดแค่บริเวณปาก ซึ่งบริเวณจมูกหน้ากากอนามัยปิดไม่ถึง
ด้าน น.ส.พรณภัส บุตรชำนิ พนักงานขายตั๋ว สายกระบี่-ภูเก็ต บอกว่า นายเอ ผู้ป่วยโควิด-19 ได้มาซื้อตั๋วโดยสารกับนางสาวแดง (นามสมมติ) พนักงานขายตั๋วรถตู้โดยสารสายกระบี่ - ตรัง และเป็นเพื่อนร่วมงานที่นั่งข้าง ๆ ตน ทำให้รู้สึกตกใจและกลัว เพราะเพื่อนของตนที่ขายตั๋วให้กับ นายเอ ขณะนี้อยู่ระหว่างกักตัวอยู่ที่บ้านเช่นกัน
ตอนที่นายเอเข้ามาซื้อตั๋วได้จ่ายเงินธนบัตร 100 บาท เป็นค่าตั๋วให้กับ น.ส.แดง โดยเพื่อนของตนเอง เมื่อวานนี้ก็สวมใส่หน้ากากอนามัยแต่ไม่ได้ใส่ถุงมือ สำหรับตนก็อยู่ใกล้ชิดกับน.ส.แดงทุกวัน ถ้าหากมีไข้หรือมีอาการคิดว่าจะไปตรวจหาอาการเหมือนกัน
ขณะที่ พ.ต.ท.มล.กิติบดี ประวิตร ผวจ.กระบี่ บอกว่า สำหรับนายเอ ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่หนีจากรพ.กระบี่ มาตรการเบื้องต้นได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ทำไทม์ไลน์ของนายเอ ตั้งแต่วันที่ 23 - 25 มีนาคม เพื่อดูว่ามีใครบ้างที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะบุคคลที่นั่งรถตู้โดยสาร กับนายเอ และอยากฝากถึงบุคคลที่โดยสารรถคันเดียวกับนายเอ หากพบว่าตัวเองอยู่ในไทม์ไลน์ผู้ป่วยขอให้เข้าแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ทันที