รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanara จับตาการประชุม ครม. พิจารณาการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์สกัด โควิด-19 ชี้เป็นจุดวัดใจว่าอิทธิพลของนักการเมืองจะมีผลต่อการตัดสินใจของรัฐบาลหรือไม่
ลั่น! ต้องเปิดเมืองเมื่อพร้อม อย่าเปิดตามแรงกดดันทางการเมือง เพราะชีวิตประชาชนสำคัญกว่า
ฉะ! นักการเมืองบางกลุ่มเอาอะไรคิด หนุนเร่งเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแก้พิษเศรษฐกิจ
ก่อนแนะรัฐบาลถึงข้อปฏิบัติคลายล็อกอย่างชาญฉลาด
"26 เมษายน 2563 โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรศ.ดร.พญ.ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
วันนี้รัฐประกาศว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 15 คน ที่น่าสนใจคือ หนึ่งในสามมาจากต่างประเทศ หนึ่งในสามติดมาจากการไปคลุกคลีสัมผัสกับคนที่ติดเชื้อ และอีกเกือบหนึ่งในสามมาจากการไปตะลอนห้างตลาดและที่ท่องเที่ยว กับการทำงานพบปะผู้คน
ยอดรวมตอนนี้ใกล้ 3,000 แล้ว แถมใกล้วันประชุมครม. เพื่อพิจารณามาตรการผ่อนปรนการใช้ชีวิตแก่ประชาชนชาวไทย
เราจึงต้องตื่นเต้น รอวัดใจว่า อิทธิพลนักการเมืองตามค่ายตามมุ้งต่าง ๆ ที่พยายามหาทางทวงคะแนนเสียงประชานิยมท่ามกลางวิกฤติเช่นนี้ จะมีผลต่อการตัดสินใจของรัฐบาลและศบค.มากเพียงใด
เรามีบทเรียนมาแล้วตั้งแต่หลายเดือนก่อน ที่อิทธิพลการเมืองส่งผลให้เห็นปรากฏการณ์หน่วยงานรัฐที่ดูแลสุขภาพไปประกาศหนุนร่วมดูแลงานแข่งรถ ทั้งที่ประเทศมีการระบาดของโรคอยู่
แต่ทนกระแสกดดันไม่ไหวต้องมายกเลิกตอนหลัง แต่การยกเลิกก็คงไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ที่ติดตาตรึงใจเรา ๆ ท่าน ๆ หายไป...
อุปมาอุปมัยได้ว่า เหตุใดช่วงสองสามเดือนแรกของการระบาดจึงได้ยินแต่เรื่องทำนองว่า โรคนี้สบาย ๆ เราเอาอยู่ ๆ
เอาไปเอามา จากไม่ค่อยมีเคส กลายเป็นมีอยู่ทุกวัน และทวีคูณขึ้นจนเกาะใกล้เส้นการระบาด 33% แบบกลุ่มประเทศที่ระบาดหนักอย่างอเมริกา อิตาลี อิหร่าน จีน เยอรมัน เป็นต้น
เรายังโชคดี ที่ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลตัดสินใจถูกต้องที่จะดำเนินการตามมาตรการเข้มข้นตั้งแต่กลางมีนาคม หลังรับฟังการนำเสนอผลการวิเคราะห์ของโรงเรียนแพทย์ เราจึงดึงจาก 33% มามุ่งสู่ 5% ภายในกลางพฤษภาคมนี้ได้
เจ็บแล้วต้องจำนะครับ อย่าให้การเมืองมามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเรื่องชีวิต ความเป็นความตายของประชาชน
คราวนี้การเมืองหลายมุ้งพยายามปั่นป่วน อยากให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา เพื่อมุ่งหวังเม็ดเงิน
ถามจริงเหอะ เอาอะไรมาคิด ทั้งโลกตอนนี้จนกรอบกันหมด เพราะโดนโรคระบาดกันทั่วหน้า
ขืนเอาเข้ามา เงินที่ได้จะน้อยนิด แต่จะเจ็บตัวพินาศกันหมด เพราะจะได้โรคเข้ามาในประเทศ ไม่มีประเทศใดในโลกที่จะปลอดภัยครับ ณ เวลานี้
ดังนั้นรัฐจึงต้องกล้าตัดสินใจ ผ่อนคลายอย่างชาญฉลาด ให้ความสำคัญกับสุขภาพมาเป็นอันดับแรก รักษาชีวิตคนของเราไว้ให้ได้มาก ถ้ารอดได้ก็จะมีกำลังไปทำเงินได้ในอนาคต
ตอนนี้เป็นยุคที่ต้องอดทนฝ่าฟันความยากลำบาก ช่วยกันประหยัดอดออม ถึงเวลาที่เราต้องน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาช่วยกันปฏิบัติอย่างจริงจัง
อย่าเปิดศึกทั้งในบ้านและนอกบ้านพร้อมกันเด็ดขาด
ผ่อนปรนให้ทุกคนได้ใช้ชีวิต เพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพภายใต้กฎระเบียบมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการป้องกันทั้งต่อคนให้บริการและประชาชนผู้มาใช้บริการ
ผ่อนปรนให้ทุกคนได้ใช้ชีวิต เพื่อผ่อนคลายตามสมควร แต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ดี๊ด๊า แต่ต้องพร้อมเพรียงกันในการปฏิบัติตนแบบ New Normal = New Me...
สถานการณ์ที่ไทยควรเลือกที่จะทำคือ "คงการปิดการเดินทางจากต่างประเทศ...และรณรงค์ให้เกิดสังคม New Me"
ควรเริ่มพร้อม ๆ กันไปในกลางเดือนพฤษภาคมครับ เพราะตัวเลขคนติดเชื้อที่คงอยู่ในระบบจะลดลงเหลือน้อย พอดีกับการเตรียมระบบและแบบแผนปฏิบัติสำหรับแต่ละคนแต่ละกิจการอย่างละเอียด
ก้าวย่างอย่างมั่นคงรอบคอบ แล้วเราจะรอดไปด้วยกันครับ
เปิดเมื่อพร้อม...อย่าเปิดตามแรงกดดัน
#หากออกนอกบ้านให้ใส่หน้ากากเสมอล้างมือบ่อยๆอยู่ห่างจากคนอื่นๆ
ประเทศไทยต้องทำได้ครับ...
เป็นกำลังใจให้ทุกคน...
ข้อความจากเฟซบุ๊ก "หมอธีระ"