วันที่ 5 พ.ค. 63 บรรยากาศที่กรมประชาสัมธ์ กรุงเทพฯ จุดรับเรื่องร้องเรียน ขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาท คึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า มีประชาชนเดินทางมามากว่า 2 วันแรกที่เปิดรับเรื่องร้องเรียน
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เคยจัดพื้นรับเรื่องร้องเรียนที่หน้าประตู 4 กระทรวงการคลัง แต่เกิดความวุ่นวานเนื่องจากพื้นที่มีจำกัด และอากาศค่อนข้างร้อน
เจ้าหน้าที่ได้มีการจัดโต๊ะรับเรื่องร้องเรียน 18 โต๊ะ ส่วนพื้นที่รับรองพี่น้องประชาชน ภายในลาดจอดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกมีการจัดเก้าอีกให้นั่ง เว้นระยะ 520 ตัว และด้านหลังที่ไม่มีเก้าอี้ จัดเป็นแถวเพื่อรอเข้าคิดประมาณ 300 คน ส่วนที่เหลือด้านนอก ต่อแถวรอคิวยาวตั้งแต่ในลานจอดยาวไปถึงหน้าประตู 4 กระทรวงการคลัง
ขณะที่นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางมาชูป้ายข้อความว่า "เปิดเมืองเถอะ จะอดตายแล้ว" พร้อมระบุทำนองว่า ขอให้รัฐบาลช่วยเปิดเมือง เนื่องจากทุกวันนี้ประชาชนทำงานและกินอยู่อย่างยากลำบาก จะอดตายกัน
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินเข้าไปเจรจา ชี้แจงว่ารัฐบาลกำลังเร่งช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกัน นางทองสา ดาหา อายุ 64 ปี ชาวบ้านที่เดินทางยื่นเรื่องร้องเรียน ยืนปล่อยโฮร้องให้ พร้อมกล่าวตัดพ้อว่า เราจะตายอยู่แล้ว ตายอย่างเดียว คนอื่นที่ใส่ทองเขาได้กันหมดแล้ว ป้ามาด้วยความสุจริตใจ ตอนให้ลงทะเบียน ป้าก็ลงทะเบียน แต่ระบบขึ้นว่าไม่ได้รับสิทธิ์ ส่วนของสามีระบบก็บอกว่าอยู่ระหว่างรอตรวจสอบ หลังจากนั้น มีการเปิดให้ลงทบทวนสิทธิ์ ป้าก็ไม่สามารถกดทบทวนสิทธิ์ได้ ของสามีก็ยังขึ้นเหมือนเดิม จึงเดินทางมายื่นเรื่องขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบ
นางทองสา กล่าวทั้งน้ำตาว่า "ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านประยุทธ์ จันทรโอชา ท่านดูโทรทัศน์หรือเปล่าคะ โปรดทราบนะคะ นางทองสา ดาหา มาร้องเรียน" ครั้งแรกในชีวิตนะคะที่ออกมา วันที่ 5 พ.ค. เขาประท้วงกันที่ไหน ป้าไม่เคยไป แต่ตอนนี้ป้าจะอดตาย ป้าก็เลยมา มันอยู่ไม่ได้อยู่ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ โปรดดูแลคนยากคนจนบ้าง อย่าไปดูแลแต่คนรวย
"ท่านประยุทธ์ ท่านได้ยินหรือเปล่า นางทองสา ดาหา มาร้องเรียน ท่านไปดูแล ไปดูบ้านฉัน อยู่ยังไง กินยังไง บ้านช่องเท่ารูหนู ข้าวจะกินก็ไม่มี หลานตัวเล็ก ๆ ไม่สบาย ต้องให้เลือด ยังไปหาหมอไม่ได้เลยค่ะท่าน ท่านโปรดทราบตรงนี้ด้วย" นางทองสา กล่าว
นางสมหมาย เหลืองแดง เดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ ตั้งตีเวลา 04.00 น. เพื่อยื่นร้องเรียนขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาท โดยนั่งรถเมล์โดยสารมา ใช้เงินกว่า 200 บาท เปิดใจว่า ตนเองมีอาชีพรับจ้างขนเหล็ก และรับจ้างซักผ้า แต่ช่วงนี้เจอวิกฤตการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่มีใครมาจ้าง เงินทองก็ไม่มี ตอนที่มีการเปิดให้ลงทะเบียน ตนก็ให้ลูกสาวลงทะเบียนให้ แต่ลูกสาวใช้บัตรประชาชนใบเก่าในการลงทะเบียน ในระบบบอกว่าเลขบัตรประชาชนไม่ถูกต้อง จึงต้องเดินทางมายื่นเรื่องวันนี้ แม้ว่าต้องตนเองจะป่วยมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดัน ลูกก็ไม่ให้มา แต่ตนก็ตัดสินใจมา เพราะเงินก็ไม่ค่อยมี ลูกก็มีส่งเงินให้บ้าง แต่บางครั้งก็ไม่พอใช้ จึงต้องดิ้นรนเอง
นางจินดา งามปัญญาพินิช พูดด้วยเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอว่า ตนเองมีอาชีพเย็บผ้า เป็นแม่เลี้ยงเดียว ลูกชายเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่อายุ 15 ปี จนตอนนี้อายุ 22 ปี ทำงานไม่ได้ นอนอย่างเดียว เดินก็ไม่ไหว เวลากินอะไรก็อาเจียนออกมาหมด ต้องดูแลใกล้ชิด ตอนนี้งานตนก็ไม่มี ห้องเช่าที่อยู่ก็ไม่มีเงินจ่าย กำลังจะถูกไล่ออก ส่วนอาหารการกินตอนนี้ อาศัยเพื่อนบ้านที่แบ่งอาหารมาให้ และขอข้าววัดกินประทังชีวิต บางวันที่วัดก็ไม่มีข้าวให้กิน "ตอนนี้เศร้าใจมาก ลูกชายรู้ว่าตนเป็นทุกข์ ถึงกับเอ่ยปากว่าอยากตาย เพราะอยู่ไปก็เป็นภาระให้แม่"
ก่อนหน้านี้ ที่เปิดให้ลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา ตนก็ลงในวันแรก แต่ระบบขึ้นว่าเลขบัญชีไม่ถูกต้อง ตนก็แก้ไข ต่อมาระบบขึ้นสถานะว่าอยู่ในช่วงตรวจสอบประมาณครึ่งเดือน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 63 ระบบบอกว่าตนได้รับสิทธิ์ ได้เงินเยียวยา แต่ไปเช็กกับธนาคารพบว่าเงินไม่เข้าบัญชี วันนี้ที่มายื่นเรื่อง ยังขอยืมเงินเพื่อนบ้านมา "ตนเสียใจ ทำไมไม่ช่วยคนจน คนที่ได้เงินเยียวยาบางคนก็รวยมีอันจะกิน แต่ทำไม่เราจนขนาดนี้ ถึงไม่ให้เรา"
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเปิดรับลงทะเบียนในโครงการเราไม่ทิ้งกันรอบ 2 หรือไม่ ต้องขอนำไปหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก่อน คาดว่าโครงการนี้น่าจะจบในวันที่ 8 พ.ค. 63 และยังไม่มีการขยายต่อจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ มีประชาชนลงทะเบียนอยู่ในข่าย 16 ล้านคนตามเป้า มีการช่วยเหลือภาคประกันสังคมอีก 10 ล้านคน ส่วนการที่พี่น้องประชาชนมายื่นเรื่องร้องเรียนวันนี้ ใช่ว่าทุกคนจะได้เงินทั้งหมด จะต้องนำเอกสารไปจำแนกแยกกลุ่มแบ่งประเภทความเดือดร้อนก่อน ส่วนเยียวยาเกษตรกรในวันที่ 15 พ.ค. 63 จะเริ่มทยอยจ่ายเงินเยียวยาให้กับเกษตรกร 1 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม มีการช่วยเหลือโอนเงิน 5,000 บาทให้ผู้ที่ผ่านเกณฑ์แล้ว 11 ล้านคน จ่ายแล้ว 8.7 ล้านคน และล่าสุดวันนี้ จะมีการโอนเงินให้ 1 ล้านคน รวม 2 เดือน (เม.ย.-พ.ค.) 10,000 บาท และในเดือนถัดไปจะได้ 5,000 บาท ซึ่งจะทยอยโอนให้หมดภายในวันที่ 8 พ.ค. 63
