เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาพร้อมกับญาติของนายสงบ ซึ่งเดินทางมาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร เพื่อทำเรื่องส่งตัวนายสงบ ไปรักษาตัวต่อที่โรงพญาบาลศรีธัญญา จ.อุบลราชธานี ซึ่งภายในโรงพยาบาลไม่อนุญาติให้ถ่ายทำ
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
ทีมข่าวได้พูดคุยหลังการเยี่ยม โดยนางทองพูน บุญศรี พี่สาวนายสงบ เปิดใจว่า ตนได้เข้าไปเยี่ยมน้องชายมาแล้ว โดยน้องอยู่ในห้องที่เป็นกรง มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ประมาณ 7-8 คน เมื่อเข้าไปถึงก็ถามว่าจำได้ไหม ซึ่งนายสงบก็ตอบทันที่ว่า “เอื้อย (แปลว่า พี่สาว)” ซึ่งก็สามารถจำได้เลย หลังจากพ่อแม่และน้องตายจากไปหลายคน
ขณะที่ตนนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ ตอนน้องวิ่งหนีนักข่าว ตนก็เรียกลูกหลานมาดู ยังยืนปรบมืออยู่หน้าทีวี ตั้งใจเดินทางมาตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ได้หลับได้นอน อยากจะมาดูหน้า ถึงแม้ว่าภาพจะเบลอไว้ ตนนั่งยัน ยืนยัน นอนยันว่าใช่น้องชายแน่นอน ที่ผ่านมาตนก็เป็นห่วง กลัวว่าพี่จะตาย เพราะที่บ้านมีคุณตา ก็เคยเป็นคนแบบนี้ สะพายถุงปุ๋ยเดินหายไปจากบ้าน จนถึงวันนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร ตายไปแล้วก็ไม่มีคนเห็นกระดูก ครอบครัวต้องมาตั้งโลงเปล่าสวดให้ เพื่อทำบุญทำกุศลไปให้ ตนเองก็กลัวน้องชายจะหายสาบสูญไปแบบนั้น
ทั้งนี้ตนยอมรับว่าดีใจมาก ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะได้เจอน้องชายอีก นั่งอยู่บ้านเกิดมา 66 ปี ไม่เคยดูช่อง 34 ซึ่งตนเพิ่งมาดู 4-5 วันก่อน เห็นน้องชายก็มาออกทีวี ตอนดูอยู่ก็พยายามดูให้ชัด ก็รู้ว่าน้องชายแน่ ๆ ไม่ได้หลับได้นอน เดินทางมาตั้งแต่ข่าวออกอากาศ น้องชายที่สติไม่ค่อยดี เพราะสมัยเด็ก ๆ ถูกพี่ชายคนหนึ่งตีจนไม้หัก น้องก็บาดเจ็บ สมองเลยไม่ปกติ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็หายห่วงแล้วที่ได้เจอน้องชาย ตนขอบคุณอมรินทร์ทีวีที่ทำให้ได้พบเจอน้องชาย ถึงแม้น้องจะเป็นประสาท อย่างน้อยจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น คนเราไม่รู้จะตายตอนไหน อย่างน้อยขอให้ได้อยู่ไปนาน ๆ ถึงแม้ 20 กว่าปีไม่ได้เจอกัน น้องจะเป็นอย่างไรก็พี่น้องกัน สายเลือดเดียวกัน ต่อจากนี้ก็จะส่งตัวไปรักษาต่อไป
สำหรับนายสงบ ช่วงอายุประมาณ 35 ปี เคยบวชได้ 1 พรรษา ก็ขอออกไปธุดงค์ จากนั้นก็หายไปตั้งแต่วันนั้น วึ่งตรงกับปี 2542 โดยหายไปจาก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ และในอดีตนายสงบ ก็เคยบวชสมัยยังเด็ก จนสามารถสอบนักธรรมเอก นักธรรมโท เมือโตมาก็มาเกณฑ์ทหาร หลังจากพ้นทหารก็เริ่มมีอาการทางสมอง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรง พี่ชายยังออกไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นก็ไม่ได้เจอกัน จนกระทั่งมาขอบวชและหายตัวไปดังกล่าว
อาการของพี่ชายจะมีอาการหูแว่ว คุยรู้เรื่อง แต่หากคุยนาน ๆ อาจจะมีลืมบ้าง ครั้งหนึ่งพี่ชายเคยบอกว่ามีพระอินทร์ให้ไปต่างจังหวัด ทราบว่าจะไปธุดงค์ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งไม่รู้ไปจริงหรือไม่
ครั้งล่าสุดที่ทราบข่าวว่าเจอพี่ชาายนั้น มีน้องชายอีกคนไปเจอนายสงบ เดินอยู่แถว ๆ สนามบินจังหวัดบุรีรัมย์ ตอนนั้นก็พยายามไปคุย เอาเสื้อผ้าไปให้ จะพาไปรักษา จะให้เงิน ยื่นเงิน 100 บาทให้ก็ไม่รับ แบงก์พันก็ไม่รับ รับเงินไปเพียง 20 บาท พร้อมเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น จากนั้นถือโอกาสวิ่งเข้าป่าข้างสนามบินบุรีรัมย์แล้วก็หายไปเลย
นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้สัมภาษณ์ พระสม จันทสาโร น้องชายของนายสงบ กล่าวว่า 20 กว่าปีที่ผ่านมาพี่ชายก็เปลี่ยนไปมาก ยอมรับว่าหากอมรินทร์ทีวีไม่ออกข่าว จะไม่มีทางพบเจอกันแน่นอน อาตมาเห็นยังคิดว่าคล้ายพี่ชาย และเอารูปไปให้เพื่อน ๆ ญาติโยมดู จึงมั่นใจมากกว่า 90% ว่าจะต้องใช่พี่ชาย และพูดได้ว่า “เจอพี่ชายได้เพราะเป็นข่าว”
เรื่องนี้ถึงแม้จะเห็นนักข่าวไปวิ่งตามจนพี่ขายถูกจับ อาตมาถือเป็นเรื่องดี เพราะอาตมาก็ดูข่าวชมพู่ ส่งกำลังใจให้ชมพู่ตลอด แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอพี่ชายอีกครั้ง ส่วนที่มุกดาหาร อาตมาไม่มีญาติที่นี่ ไม่มีคนรู้จัก ก็ไม่รู้พี่ชายเดินมาทำไม คงเดินมาตามสตินึกคิดตามประสาคนสติไม่ดี ครั้งก่อนที่จะมาเจอกันที่บุรีรัมย์ พี่ชายเคยบอกคนอื่น ๆ ว่า “พระอินทร์บอกให้กลับไปอยู่บ้านเดิม (บุรีรัมย์)” อาตมายังคิดว่าคงบ้าแล้ว หากพูดออกมาแบบนี้
ที่ผ่านมาอาตมาก็ไม่เคยได้อยู่กับพี่ชายเลย อาตมาก็บวชมานาน สมัยนั้นโทรศัพท์ก็ยังไม่มี ไม่คิดว่าจะไม่เจอกันอีก ขณะนี้อาตมาก็มีน้องชายอีกคนหนึ่ง หายไปกว่า 30 ปี ก็ยังไม่เจออีก อาตมามีพี่น้องรวม 10 คน ตาย 2 คน เหลือ 8 นายสงบเป็นคนที่ 6 อาตมาเป็นคนที่ 8
สาเหตุที่พี่ชายเริ่มสติไม่ค่อยจะดี เพราะสมัยบวชเณร ไม่รู้ไปทำอะไร คาดว่ากรรมฐานแตกจนสติเริ่มไม่ดี จนไปเป็นทหาร และก็เริ่มไม่ดีมาเรื่อย ๆ ไม่เคยรับการรักษา แต่พี่ชายไม่ใช่คนโวยวาย แต่จะเป็นคนขี่กลัว ส่วนเรื่องคาถา พี่ชายเป็นแบบนี้มานานแล้ว พี่ชายบวชเรียนมา ก็ชื่นชอบการเขียนคาถา แต่เขียนว่าอะไรอาตมาไม่ทราบ
ตามความคิดอาตมา ในกรณีน้องชมพู่ อาตมาคิดว่าพี่ชายไม่น่าเกี่ยวข้องด้วย แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าเกี่ยวก็ต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรมที่ก่อ “สัจจังเว อมตะวาจา” ความจริงคือสิ่งไม่ตาย แต่ปกติตั้งแต่พี่ชายเป็นแบบนี้มา ก็พบว่าจะกลัวคน ไม่ใช่คนที่ทำร้ายคน แม้ญาติพี่น้องยังจะหนี หากจะไปจับตัว
ทีมข่าวเดินทางไปหา นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า กรณีตำรวจสามารถควบคุมตัวคนสติไม่ดีและเจอเส้นผมส่วนหนึ่งนั้น ตนก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรและไม่รู้ว่าเขาเก็บเส้นผมไปเพราะอะไร ซึ่งตนก็แอบคิดว่าเป็นเส้นผมของน้องชมพู่หรือไม่ เพราะมีเส้นผมยาว แต่บางเส้นก็สั้น ซึ่งเส้นสั้นนั้นตนก็ไม่ติดใจ เพราะดูเหมือนเส้นผมของผู้ชาย เนื่องจากเส้นผมมีความหนา ซึ่งตนก็ไม่อยากปรักปรำคนจร แต่ก็ยอมรับว่าไม่รู้ว่าเขาจะมีพฤติกรรมอย่างไร
