“ตุ๊ก ชนกวนันท์” ให้กำลังใจ “บ๊วย” หลังเจอมรสุมรายการช่องส่องผี

ช่วงนี้ถ้าจะพูดถึงกระแสที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ก็คงจะเป็นดราม่าของรายการที่เกี่ยวกับความเชื่อในสิ่งลี้ลับอย่าง “ช่องส่องผี” ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าพิธีกรหลักอย่าง “บ๊วย เชษฐวุฒิ” ก็โดนกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก ถึงขั้นที่ทางทีมงานต้องขอถอดรายการออกจาผังของช่องเลยทีเดียว เมื่อวันที่(10 กรกฎาคม 2563) ทีมข่าวบันเทิงอมรินทร์ทีวีก็มีโอกาสได้เจอกับอดีตภรรยาของคุณบ๊วย อย่าง “คุณตุ๊ก ชนกวนันท์” ที่แม้ว่าทั้งคู่จะเลิกรากันไปนานหลายปีแต่ก็ยังมีโมเมนต์พบปะถ่ายรูปฉบับครอบครัวออกมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ รวมถึงการให้กำลังใจอดีตสามีที่ต้องเจอมรสุมชีวิตในช่วงนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ขอรับผิดชอบ! บ๊วยประกาศถอน "ช่องส่องผี" ออกจากช่อง 8
- "บ๊วย เชษฐวุฒิ" แท็กทีมครอบครัวช่องส่องผี ทำบุญถวายเทียนพรรษา ยอด 242,049.25 บาท

ซึ่งคุณตุ๊กบอกว่าการพบปะกันแบบฉบับครอบครัวก็เป็นเรื่องปกติทุกปี ไม่ใช่แค่ช่วงวันเกิดของ “น้องภูมิ” ลูกชายของทั้งคู่ที่ผ่านมา แต่ปกติแล้วคุณบ๊วยมักจะมาหาลูกตลอดอยู่แล้ว ส่วนเรื่องราวดราม่าของอีกฝ่ายก็ยอมรับว่าไม่มีโอกาสได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะเดิมทีไม่ค่อยคุยเรื่องส่วนตัวกันอยู่แล้ว แต่ก็มีให้กำลังใจด้วยการบอกกับคุณบ๊วยว่าไม่ต้องกังวลก็เท่านั้น อยากปล่อยให้เขาจัดการปัญหาทั้งหมดให้จบโดยดี ส่วนตัวจะขอทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด

ทั้งนี้ก็เปิดใจว่าไม่ใช่กับแค่อดีตสามีที่ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น แต่รวมถึงทุกคนคนที่ตนรู้จักด้วยและไม่มีอะไรจากฝากบอกกับคุณบ๊วยทั้งนั้น เพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ก็ยอมรับว่าลูกๆจะไม่รับรู้ข่าวสารดราม่าของคุณพ่อแน่นอนเพราะตนเลือกที่จะไม่ให้ลูกดูทีวีและห้ามเล่นโซเชียลนั่นเอง พร้อมกับการยืนยันถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่จะกลับมาเป็นรีเทิร์นรักอีกรอบก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ตนเคยถามคุณบ๊วยแล้วและคำตอบก็คือไม่ จึงโอเคกับสถานะ ณ ตอนนี้ ไม่พยายามอยากได้อะไรที่เป็นไปได้ยาก เลือกที่จะมีความสุขกับชีวิตปัจจุบันก็พอ

สุดท้ายก็เล่าถึงทริปขอพรที่วัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) กับทีมงานให้ธุรกิจปัง งานพุ่ง พร้อมทิ้งท้ายด้วยเรื่องหนุ่มๆว่าไม่มีเข้าจีบเลย ส่วนจะเปิดใจหรือไม่ก็ต้องแล้วแต่คนๆนั้นมากกว่า เชื่อว่าการตัดสินจะมีความรักครั้งใหม่กับใครสักคน เงื่อนไขหลักคือลูกนั่นเอง

ล่าสุดบ๊วยมีข่าวเรื่องรายการ ช่องส่องผี เราให้กำลังใจเขายังไงบ้าง?
“จริงๆแล้วไม่ได้คุยเรื่องนี้กันเลย ไม่น่าเชื่อ เวลาเจอกันก็ไม่ค่อยได้คุยเรื่องส่วนตัวกันอยู่แล้ว แต่พอดีว่ามีพี่หนุ่ม กรรชัย โทร.มา ฝากบอกว่าเป็นห่วง ก็เลยแค่ฝากบอก ก็แค่บอกว่าโอเคมั้ย ไหวมั้ย ถ้าเครียดมากๆไม่ต้องกังวล เพราะว่าเราทำหน้าที่แม่ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ให้พี่เขาจัดการปัญหาเขาให้หมดรวมถึงการพูดคุยถึงด้วย ตุ๊กคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของตุ๊กที่จะคุยเรื่องนี้ ตุ๊กคิดว่าเป็นเรื่องของเขา”

ตกใจมั้ยตอนเห็นข่าวเขาครั้งแรก?
“ตกใจมั้ยหรอ ก็ไม่ได้ปกติใจค่ะ คนที่เรารู้จักไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรไม่ดีอยู่แล้วเลยแม้แต่นิดเดียว จริงๆแล้วยังไงพี่เขาก็กระทบกับลูกอยู่แล้ว ถ้าเขาสบายดีลูกก็จะสบายดี เพราะฉะนั้นถ้าทุกอย่างมันราบรื่นเขาก็จะมีความสุขในการเลี้ยงลูกพูดคุยกับลูก ไม่ได้อยากให้เครียด ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องราวของเขามันเป็นปัญหาของเขา ตุ๊กคิดว่าจะดูแลลูกให้ดีที่สุดแล้วยิ่งถ้าเขาเครียดหรือยุ่งเราก็ดูแลลูกให้รู้หน้าที่เรา”

อยากจะฝากเตือนอะไรถึงเขาไหม?
“ไม่มีค่ะ พี่เขาคงมีวิธีอะไรของเขา เขาก็เหนื่อยอยู่แล้ว”

ลูกได้ถามไถ่เรื่องนี้กับคุณพ่อมั้ย?
“ไม่มีค่ะ น้องไม่เห็นเพราะว่าน้องไม่ดูทีวีและไม่ได้เล่นโซเชียล เขาไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ตุ๊กเลยไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้และให้มันน้อยที่สุด หรืออย่างน้อยวันหนึ่งเขามาดูมันก็จะเป็นเรื่องราวของคุณพ่อเขา เรื่องราวมันจะได้ไม่ดูกระจายมากเพราะลูกเป็นคนที่แคร์ที่สุดในโลก”

บ๊วยบอกว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งผิดพลาดครั้งที่สอง ซึ่งความผิดพลาดครั้งแรกและรู้สึกผิดมากที่สุด คือการหย่ากับตุ๊ก?
“ตุ๊กคิดว่าน่าจะเรื่องของคำสร้อยแหละ ไม่น่ามีอะไร น่าจะแค่เปรียบเปรย หรือว่าอาจจะหมายถึงอย่างนั้นจริงๆก็ตามที่พี่บ๊วยบอก”

คิดว่าเขาอยากมีโอกาสกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิมมั้ย?
“มันน่าจะคนละความหมายกัน เคยถามให้แล้ว เขาไม่ได้คิดอยากจะกลับค่ะ ถามให้แล้ว เขาบอกโอเคแล้ว”

เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันให้กำลังใจกัน?
“ตุ๊กยอมรับความเป็นจริงมากกว่าค่ะ เป็นยังไงเราต้องใช้ชีวิตแบบนั้นให้ดีที่สุด เพราะว่าถ้าเรามีชีวิตอย่างหนึ่งแต่เราอยากอีกอย่างหนึ่งแม้ว่าเราจะอยากมันก็จะทุกข์ถ้ามันไม่ได้ คือเป็นยังไงก็ยอมรับแบบนั้นจะได้เอนจอยแบบนั้น”