จากกรณีการหายตัวของ เด็กหญิงอรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก หมู่ 2 บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง โดยหายไปตั้งแต่ 11 พ.ค.63 ซึ่งครอบครัวเร่งออกค้นหาจนมึดค่ำ จนกระทั่งพบศพน้องอยู่กลางป่าในภูเหล็กไฟ วันที่ 14 พ.ค. 63 แต่ยังไม่สามารถจับคุมคนร้ายที่คาดว่าก่อเหตุได้
วันที่ 18 ก.ค. 63 ตั้งแต่เช้า มีชาวบ้านจากบ้านสวนโคก อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เดินทางมา 1 คันรถตู้ เพื่อให้กำลังใจครอบครัวนายไชย์พล วิภา และนางสมพร หลาบโพธิ์ ลุงกับป้าน้องชมพู่ โดยมีการพูดคุยให้กำลังใจ และมีการผูกข้อไม้ข้อมือลุงพลกับป้าแต๋นเพื่อให้กำลังใจ ให้คำอวยพรขอให้ผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้
กลุ่มที่มาให้กำลังใจ เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้ามืดจากกาฬสินธุ์ มุ่งหน้ามาบ้านลุงพล เนื่องจากติดตามข่าวแล้วเชื่อว่าลุงพลไม่ใช่คนก่อเหตุ และสงสารลุงพล ส่วนภูเหล็กไฟ ตนเองไม่รู้จัก แต่คิดว่าเด็กไม่สามารถขึ้นไปเองได้ หากเดินเองคงไปไม่ไกล อย่างไรก็ตาม "ขอให้กำลังใจลุงพล ป้าแต๋น ขอให้โชคดี สู้ ๆ"
ลุงพลกับป้าแต๋น ระบุว่า ตนเองก็ดีใจ กำลังใจเป็นสิ่งที่ตนเองต้องการ ซึ่งกำลังใจตอนนี้มาตลอด ไม่ขาดเลย พวกคนก็ปลื้ม ตนเองดีใจที่คนเชื่อมั่นว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกครั้งตนเองก็ยินดีต้อนรับเสมอ แต่บ้านตนอาจจะไม่สมบูรณ์ ยังสร้างไม่เสร็จ อาจจะต้อนรับไม่ได้ดีเท่าที่ควร อย่างกลุ่มนี้ ก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ลุงพลยกมือไหว้ บอกว่า “ขอบคุณทุกกำลังใจ” โดยมีน้ำเสียงที่สั่นเครือ และเริ่มน้ำตาคลอ ตาแดง ทุกครั้งที่มีคนมาให้กำลังใจก็จะตื้นตัน ซึ่งเป็นความรู้สึกใจที่คนได้เห็นความดีของตน เชื่อว่าผ่านเหตุการณ์นี้ไปตนเองจะมีมิตรเพิ่มขึ้น ส่วนที่เมื่อวานลุงพลกอดกับป้าแต๋นเนื่องจากเป็นการให้กำลังใจกัน ปกติจะกอดแต่ลูก เวลานอนจะกอดแม่ก็ต้องกอดผ่านลูก ตน 2 คน ก็ไม่ค่อยได้กอดกัน ลุงพลพูดหยอก ๆ ว่า “กอดบ่อยไม่ดี เดี๋ยวได้ใจ”
จากนั้นชาวบ้านจาก อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เดินทางมายังเยี่ยมและพูดคุยให้กำลังใจแม่น้องชมพู่ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ชาวบ้านต่างพูดคุยจนแม่ของน้องชมพู่เกิดรอยยิ้ม และมีสีหน้าสดใสขึ้น
ทีมข่าวได้รับการติดต่อจาก นายสุทัศน์ชัย กลมไธสง ตัวแทนร่างทรงเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งเคยได้รับการติดต่อจากญาติช่วยเหลือคดี ผอ.อ้อย ครั้งนั้นไปพบเสื้อสีขาว โดยนายสุทัศน์ชัยเดินขึ้นเขาภูเหล็กไฟกับทีมข่าวเพียงทีมเดียว จากนั้นเดินไปยังจุดพบรถของเล่น เพื่อบันทึกภาพ และเดินไปยังจุดพบกางเกง รองเท้า และจุดพบศพ เพื่อบันทึกภาพ โดยใช้เวลาเดินราว 2 ชั่วโมง
ระหว่างทางเดินมีการดูสถานที่ของภูเหล็กไฟไปด้วย เพื่อนำข้อมูลนี้ไปให้กับร่างทรงได้ประทับ เนื่องจากร่างจะประทับแค่วันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือนเท่านั้น
นายสุทัศน์ชัย เปิดเผยว่า ตนเองเคยช่วยคดี ผอ.อ้อย ซึ่งยืนยันว่า ผอ.อ้อย ถูกฆ่าตายและร่างอยู่ในป่าห้วยผึ้ง โดยเดินทางมาเพื่อที่จะบันทึกภาพจุดเกิดเหตุ และนำไปให้ร่างทรงดูเพื่อขอข้อมูลในวันที่ 1 ส.ค. ส่วนตัวได้นำเรื่องน้องชมพู่ มาให้ร่างทรงดู 2 ครั้ง ซึ่งร่างทรงได้ดูให้ และตอบสั้น ๆ ระบุว่า เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน แต่เสื้อถูกเผาไปแล้ว กรณีนี้อาจตีความได้ว่ามีคนร้ายที่ทำร้ายชมพู่ แต่ตนเองลืมถามว่า เสื้อที่ถูกเผา เผาในงานศพ หรือเผาที่ไหน กรณีนี้ต้องรอความชัดเจน
ส่วนตัวยืนยันว่าหากร่างทรงประทับให้และดูให้แล้ว ความชัดเจนค่อนข้าง 100% ตนเองเคยทำเรื่องแบบนี้ และเห็นมากับตา รวมทั้งยังเคยได้โชคจากหวยออกมาแล้ว กรณีเด็กเดินเอง ตนเองก็เพิ่งเคยมา ตนเองมองเป็น 2 มุม คือ สรีระร่างกาย กับ จิต หากสรีระเป็นเด็กและจิตของเด็กเอง เด็กจะมาเองไม่ได้ หากสรีระเป็นเด็ก แต่จิตเป็นจิตอย่างอื่น เด็กจะเดินมาเองได้ ซึ่งกรณีนี้เป็นความเชื่อคนเฒ่าคนแก่ และอีก 2 สัปดาห์อาจจะรู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ
นายไชย์พล วิภา ลุงน้องชมพู่ เปิดเผยว่า เรื่องตัวแทนร่างทรง ตนเองก็มองว่าดีหากเรื่องจะคลี่คลาย อีกทั้งคลี่คลายในเดือนเกิดตน ซึ่งอาจตรงกับใครหลายคนที่บอกว่าเมื่อเข้าเดือนเกิดจะดีขึ้น ซึ่งกรณีที่บอกว่ามีคนเผาเสื้อ ตนก็มองว่าหากมีคนเผา ก็ต้องมีคนทำ ต้องมีคนก่อเหตุ ส่วนเรื่องจิต ที่ระบุว่าอาจมีสิ่งลี้ลับพาไป ตนเองคิดว่าไม่ว่าจะจิตอะไร ยังไงชมพู่ก็ไม่น่าไปไกลเช่นนั้น
