"บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ลั่นเลิกเถอะทุจริตเงินบริจาค หากินกับความสงสารของคน

21 ก.ค. 63

"บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" เชื่อมิจฉาชีพหากินกับเงินบริจาค สักวันกรรมตามทัน ลั่นส่วนตัวไม่หวั่นแม้มีดราม่าปมเงินบริจาค เหตุทุกอย่างชี้แจงได้ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ช่วยเหลือสังคมไม่เคยมีนอกมีใน

ยังเป็นกระเเสที่หลายคนต่างพูดถึงในตอนนี้ สำหรับเรื่องราวดราม่าเกี่ยวกับการเปิดรับบริจาคช่วยเหลือสังคมของเหล่าคนดังที่ผ่านมา จนทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจของสังคม ซึ่งวันนี้เอง (21 กรกฎาคม 2563) ทีมข่าวได้มีโอกาสเจอกับทาง "ท็อป หรือ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" หนึ่งในศิลปินนักแสดงที่ริเริ่มเดินสายช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมที่อุบลราชธานี ตลอดจนเดินสายแจกเงินส่วนตัวช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด

โดย "ท็อป" เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมาตนเองก็เดินสายช่วยเหลือประชาชนมาตั้งแต่ตอนน้ำท่วมที่จังหวัดอุบลราชธานี ตลอดช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในเขตพื้นที่กรุงเทพ และตอนนี้ก็กำลังดำเนินการช่วยเหลือปางช้างทั่วประเทศ โดยเน้นในพื้นที่หลัก ๆ ทั้งหมดที่ลงไปช่วยเหลือนั้น ส่วนตัวจะแยกเงินออกเป็น 2 ส่วนคือ เงินส่วนที่รับบริจาค และเงินที่เป็นบัญชีส่วนตัว หรือเงินส่วนตัวของตัวเอง ซึ่งทั้ง 2 บัญชีนั้นนั้นส่วนตัวได้ทำถูกต้องตามกฎหมาย และมีการปรึกษาทางสรรพากรด้วย

ลั่นส่วนตัวพร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ทุกหน่วยงานที่ต้องการตรวจสอบสามารถเข้ามาตรวจสอบได้
เพราะตนมีเอกสารพร้อมชี้แจง ทุกเคสที่เปิดรับบริจาค ย้ำตลอดระยะเวลาที่ช่วยเหลือคนมา 30 กว่าปี ไม่เคยมีนอกมีใน อีกทั้งที่ผ่านมาหากส่วนตัวต้องการช่วยเหลือสังคมแล้วเงินส่วนตัวไม่พอ ถึงจะเปิดรับบริจาค และตลอดระยะเวลาที่เปิดบัญชีรับบริจาคส่วนตัวได้ชี้เเจงรายละเอียดทุกอย่าง อย่ามาคิดอะไรไม่ดีกับตนเลย

ก่อนหน้านี้มีดราม่าเกี่ยวกับเรื่องเงินรับบริจาคเยอะ คิดเห็นอย่างไร?
“ผมก็ค่อนข้างที่จะเสียใจเหมือนกันนะครับ ที่มีสิ่งนั้นเกิดขึ้น ผมว่าสิ่งหนึ่งมันอาจจะไม่ได้ระมัดระวังตัวเองว่าคงไม่มีใครมาคิดอย่างอย่างนี้หรอก เพราะทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมคิดเสมอว่าถ้าทำอะไรแล้วด้วยความบริสุทธ์ใจจริงๆ เราก็จะมั่นใจตัวเองว่าเราจะปลอดภัยในสิ่งที่เราทำ แต่ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับสังคมแล้วมันมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเงินบริจาค อันนั้นผมไม่รู้จริงๆ ก็อยากให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังและสำรวจตรวจสอบนิดหนึ่งว่าสิ่งที่ทำไปแล้วเราสบายใจมั้ย แล้วคนที่รับบริจาคนั้นเขาทำจริงมั้ย”

รู้สึกยังไงที่บางคนมองว่าเปิดรับบริจาคบังหน้า ลับหลังคือเอาเข้ากระเป๋าส่วนตัว?
“ถ้าใครทำอย่างนั้นจริงๆ ผมว่ามันก็เป็นการที่คุณแอบแฝงบางอย่าง ผมรู้ว่าคนไทยเป็นคนขี้สงสาร ใครเดือดร้อนอะไรก็อยากจะช่วยเหลือ แล้วคนไทยเป็นพลังที่มหาศาลมาก บางคนได้เงินช่วยเหลือเป็น 10 ล้าน เงินก็เหมือนเป็นแผ่นกระดาษที่สามารถตัดได้ทุกสิ่งอย่าง ตัดความซื่อสัตย์ ตัดความเป็นคนดี ตัดพี่ตัดน้อง เพราะฉะนั้นทุกอย่างอยู่ที่ใจเรา เงินช่วยน้ำท่วม 422 ล้านบาท ถามจริงๆ ถ้าผมใจไม่นิ่ง ถ้าคิดจะเอามันซิกแซกได้ สิบยี่สิบล้านถ้าผมจะเอา ผมเอาได้สบาย แต่ใจเราอ่ะมันทำไม่ได้ แล้วเงินจากพี่น้องประชาชนที่เขาไว้ใจเรา รวมถึงสิ่งที่เราตั้งในจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน มันทำไม่ได้จริงๆ แต่คนที่แอบแฝงและทำได้ ผมอยากรู้ว่าใจเขาทำด้วยอะไร”

ตอนนี้วงการรับบริจาคเริ่มสั่นสะเทือนบ้างไหม?
“ใช่ครับ มันสั่นสะเทือนมาก แต่ไม่ได้สั่นสะเทือนมาถึงผม ผมรู้สึกว่าใจตัวเองนิ่งมาก ใครจะบริจาคก็บริจาค ไม่บริจาคก็ไม่เป็นไร ผมพร้อมที่จะตรวจสอบทุกอย่างเพราะใจเราบริสุทธิ์มากเลย แต่คนอื่นผมไม่รู้ บางคนเขาอาจจะใจบริสุทธิ์จริงๆ แต่อาจจะพลาดไปเรื่องอื่น อันนั้นผมก็ไม่อยากจะเข้าไปก้าวล่วงหรืออะไรนะครับ เอาเป็นว่าถ้าสบายใจก็ทำ แต่ถ้าไม่สบายใจก็อย่าไปทำเลยครับ

กรมสรรพากรแนะนำยังไงบ้างในการเปิดบัญชีรับบริจาค?
ทุกอย่างเป็นความผิดกฎหมายหมด ถ้าคุณไม่ไปขออนุญาตในการเปิดรับบริจาค แต่อย่างเรื่องเงินบริจาคน้ำท่วมอันนั้นผมไม่ได้คิดถึงอะไรเลย คิดแค่ว่าเดี๋ยวจะกลับมากรุงเทพฯ อยากจะเบิกเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินส่วนตัวของผมให้กับพี่น้องที่จ.อุบลฯ ครอบครัวละ 1,000 บาท ก็น่าจะได้ประมาณ 1,000 ครอบครัว แต่ผมเห็นว่าตอนนั้นที่เห็นคือคนเดือดร้อนไม่ใช่แค่ 1,000 ครอบครัว ใครอยากจะร่วมทำบุญกับผมก็ได้ ผมขอแค่นั้นจริงๆ ปรากฏว่ามันเกินไปมากมาย ผมเองก็ตกใจว่าจะบริหารเงินยังไง จนได้คุยกับทางสรรพากรเขาก็บอกว่า สิ่งหนึ่งก็คือผมรู้ว่าเงินเข้ามาหาคุณ ไม่ได้เก็บกอดไว้ เข้ามาเท่าไหร่ออกหมด และออกไปเพื่ออะไร เพราะฉะนั้นเขาบอกว่า ถ้าจะเปิดรับบริจาคจริงๆ ถ้าใจเราบริสุทธิ์จริง สลิปทั้งหมดให้เก็บเอาไว้เพราะมันสามารถตรวจสอบได้ ของผมอีก 10 ปีจะกลับมาตรวจสอบก็ตรวจสอบได้ เพราะผมมีหลักฐานทั้งหมด ฉะนั้นการที่ใครจะเปิดรับบริจาคอะไรก็แล้วแต่มันอยู่ที่ความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง”

อยากฝากบอกอะไรถึงคนที่หากินกับเงินบริจาค คิดว่าเวรกรรมจะตามทันไหม?
“ทันแน่นอน สิ่งที่คุณทำคุณก็นอนไม่หลับหรอกครับ คุณคิดเอาเงินบริจาคไปทำโน่นนี่ หรือปิดบัญชีแล้วก็หนีไป ผมว่าคุณใช้เงินได้ไม่เกินปีสองปีหมด แล้วคุณก็จะได้รับกับสิ่งที่คุณทำ ใครไม่รู้ใครไม่เห็นแต่คุณรู้อยู่แกใจว่าคุณไม่บริสุทธิ์ใจ หากินกับอย่างนี้จิตใจมันต้องแย่มากนะครับ มาหากินเอาจากความที่สงสารคนไทยด้วยกัน มันทำให้รู้สึกไม่ดี แต่ถ้าใครมาว่าผม ผมไม่โกรธ เพราะใจเรานิ่งและบริสุทธิ์ ผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า ฉะนั้นก็ฝากด้วยถึงคนที่หากินมิจฉาชีพแบบนี้ เลิกเถอะครับ สงสารคนที่เขาตั้งใจทำจริงๆ จะทำให้เขาเสียไปด้วย

1595325450563

ตอนนี้ยังเดินหน้าช่วยเหลือผู้เดือดร้อนอย่างต่อเนื่องใช่ไหม?
“เดินหน้าครับ ตอนนี้เราก็หันมาช่วยสัตว์แล้ว คือเรื่องช้างเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ณ ตอนนี้หลายๆ จังหวัดที่เราไปมาก็เห็นความเดือดร้อนของคนที่เลี้ยงช้าง จังหวัดไหนขอให้เราไปช่วยก็จะไป เพราะยังมีเงินอยู่ในกองกลางประมาณเกือบ 2 ล้านบาท”

“การทำต่อเนื่องอย่างนี้ ผมถือว่าปัจจุบันนี้มันยังไม่ได้เข้าสู่สถานการณ์ปกติเท่าไหร่ ยังมีการรักษาระยะห่างบ้างในสังคม แต่ในชุมชนที่ผมบอกว่าทุกเสาร์-อาทิตย์ผมก็อาจจะไปช่วยเหลือเด็ก คืออาจจะเป็นการแบ่งเบาภาระของครอบครัว อย่างบ้านที่มีลูก 5 คน ผมก็จะเข้าเอาเงินไปให้คนละ 200 บาท รวมถึงขนมอะไรต่าง ๆ รวมแล้วเด็กต่อคนก็จะได้ประมาณ 400 บาท ซึ่งอันนี้เป็นเงินส่วนตัวของผมเอง ไม่ได้เกี่ยวกับเงินบริจาคอะไรทั้งนั้น ตอนที่ผมทำโควิดมาเดินมอบให้พี่น้องประชาชนตามชุมชนต่างๆ มันก็เป็นเงินส่วนตัวของผมทั้งหมด ซึ่งได้มาจากค่าตัวจากการทำงานต่างๆ ประมาณ 10 กว่าล้านบาทที่เป็นเงินสดตัวจริงๆ”

“บางคนสงสัยว่าผมไปเอาเงินน้ำท่วมที่เหลือมาช่วยหรือเปล่า ไม่เกี่ยวเลยนะครับ เพื่อนช่วยน้ำท่วมหมดไปตั้งแต่ปีที่แล้วเพราะว่าผมต้องเคลียร์ตัวเองให้กับสรรพากรว่าเพื่อนไม่มีแล้ว ทุกอย่างมันเคลียร์หมดแล้ว สรรพากรตรวจสอบแล้วก็คือจบแล้ว เพราะก็จะมีบางคนที่พูดว่าใครจะบ้าเอาเงินส่วนตัวมาเดินมอบให้กับพี่น้องประชาชนเป็น 10 กว่าล้าน ผมทำครับ”

มีวิธีการยืนยันความบริสุทธิ์ใจและความโปร่งใสของตัวเองยังไง?
“ผมบอกเลยว่าขอให้ทุกหน่วยงานสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ ผมมีเอกสารเป็นสิบยี่สิบลังเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วมที่อุบลฯ ทุกอย่างมันปิดลงแล้ว ไม่มีแล้ว ทางสรรพากรก็ตรวจสอบแล้วว่าโอเค อย่างผมเขาไม่ได้อะไรมากเพราะเชื่อใจอยู่แล้วในสิ่งที่เราทำมา 30 กว่าปี ไม่เคยมีนอกในเกี่ยวกับเรื่องเงินพวกนี้อยู่แล้ว”

“แล้วสิ่งที่เราทำก็ไม่ใช่ว่าจะต้องขอรับบริจาคตลอด อะไรที่มันจำเป็นจริงๆ เพื่อส่วนรวมถ้าผมมีไม่พอก็จะบอกว่ามาช่วยกันดีกว่า ในสิ่งที่ผมทำมาตลอดเขาเห็นเลยว่าผมน่าช่วยจริงๆ แล้วเงินส่วนตัวของผมมันก็หมดไปหลายสิบล้าน”

1595325352352

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส