แม่สลดทนฟังเพลงอาลัยชมพู่ไม่ไหว ลุกหนีนักร้องบุกบ้าน ขอจับมือพ่อทำบุญให้ (คลิป)

เมื่อวันที่ 9 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี รายงานที่บ้านลุงพลยังมีคนเดินทางมาให้กำลังใจไม่ขาย อย่าง นายไกรษร โพธิ์สุวรรณพร ชาวจังหวัดอุบลราชธานี มากับลูกชาย 2 คน เดินทางออกจากบ้านตั้งแต่ 15.00 น. ของวันที่ 8 ส.ค.63 มานอนกลางทาง เช้าก็เดินทางต่อ

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

โดยนายไกรษร เป็นอดีตศิลปินที่เคยออกเพลงที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว เปิดเผยว่า ตนก็อยากมาให้กำลังใจป้าแต๋น กับลุงพล รวมทั้งพ่อมแม่ชมพู่ด้วย อีกทั้งตนได้แต่งเพลงให้น้องชมพู่ 1 เพลง ชื่อเพลงว่า “อาลัยน้องชมพู่”

ส่วนตัวเดินทางมาก็อยากจะมาให้กำลังใจ เพราะตนดูข่าวมาก็สงสารน้องชมพู่ ผ่านมา 3 เดือนแล้วก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ ตนจึงมีแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง ซึ่งทำนองที่ใช้ก็เป็นทำนองจากเพลง “ชาวนาอาลัย” ตนขอให้ทุกฝ่ายสู้ ๆ เดี๋ยวสิ่งร้ายจะผ่านไป

นายไกรษร ได้ร้องเพลงที่ตัวเองแต่งให้ฟังสด ๆ โดยเนื้อหาของเพลงดังต่อไปนี้ 

-เสียงสวดคาถาภาษาบาลี
-ในงานน้องชมภู่คนดีที่โศกศัลย์
-สวดส่งวิญญาณน้องให้ไปสู่สวรรค์
-ท่ามกลางกลิ่นควันธูปเทียนคละคลุ้ง 

-พ่อแม่พี่น้องที่ช่วยตามหา
-ทุกคนต่างหลั่งน้ำตาคาท้องทุ่ง
-เกิดมาอาภัพนับวันคดียิ่งยุ่ง
-เพื่อนบ้านต่างมามุ้งเพื่อไว้อาลัย 

-แล้วคนทำน้องอยู่ไหน 
-ใครละนั้น เป็นคนทำน้องละนั้น ทำ ทำไม 
-ไม่คิดถึงใจของใครคนนั้น
-ต้องพรากจากกัน
-มันเป็นใคร 

-ปล่อยให้พ่อแม่อยู่กับท้องนา 
-ยามคิดถึงเจ้าขึ้นมา
-น้ำตาไหล 
-จะเหลือก็แต่เสื้อผ้าของนั้นไง
-ที่แม่เก็บไว้ให้ดูต่างหน้า

หลังจากนั้นนายไกรษร ได้นำแผ่นเพลงมอบให้กับลุงพล ใช้จ่ายแจกให้กับคนที่เดินทางมาให้กำลังใจจำนวนครึ่งลัง

ขณะที่บรรยากาศบ้านน้องชมพู่เป็นไปอย่างคึกคัก มีชาวบ้านมาเยี่ยมและผูกฝ่ายสู่ขวัญให้กำลังใจ และมีชาวบ้านจากจังหวัดสกลนคร มอบลอตเตอรี่เลข 789714 มอบให้แม่น้องชมพู่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ

นายไกรษร โพธิ์สุวรรณพร ผู้แต่งเพลงเกี่ยวกับน้องชมพู่ ได้เดินทางมาผูกแขนพ่อแม่ของน้องชมพู่ และได้ฝากแผ่นผลงานเพลงของตัวเองกว่า 100 แผ่นให้ครอบครัวน้องชมพู่ เพื่อให้นำไปขายหารายได้ ซึ่งก่อนกลับได้ร้องเพลง "อาลัยน้องชมพู่" ซึ่งเป็นเพลงที่แปลงจากเพลงชาวนาอาลัย ให้ครอบครัวน้องชมพู่ฟัง โดยได้ร้องไปเพียงครู่หนึ่ง เจ้าตัวก็หยุดร้องเพลงเพราะรู้สึกตื้นตันและน้ำตาจะไหล

ขณะเดียวกับแม่ของน้องชมพู่ก็พูดว่า "ไม่ค่อยอยากฟัง และให้นักข่าวฟังก็พอ" หลังจากนั้นขอตัวออกจากจุดที่นั่งร้องเพลง เพราะรู้สึกเศร้าจากการฟังเพลง

นางสาวิตรี ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า "ถ้าเรื่องมันเศร้า มันไม่ทำให้เข้มแข็ง ก็ไม่อยากฟัง เพราะไม่อยากจมปลักกับความเศร้า" แต่ตนไม่ปฏิเสธความหวังดีจากเขา ซึ่งชื่อเพลง "อาลัยน้องชมพู่" ก็คิดว่าเนื้อเพลงเศร้ามาก เมื่อได้ยินตนจึงรู้สึกไม่อยากฟัง

เมื่อวันที่ 9 ส.ค.63 ครอบครัวของน้องชมพู่ ได้แก่ นายอนามัย วงศ์ศรีชา (พ่อ), นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา (แม่) และ นางจุไรภรณ์ สุขพัน (น้าต่าย) ได้เดินทางไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลในน้องชมพู่ ที่วัดภูผาแอก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยได้มีการถวายอาหารให้แก่พระอธิการบุญมา เจ้าอาวาส และพระลูกวัดรวม 4 รูปพร้อมกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่มาทำบุญ และกรวดน้ำอุทิศบุญร่วมกัน หลังจากนั้นพ่อแม่ของน้องชมพู่ และน้าต่ายก็ได้นำน้ำที่กรวดไปเทอุทิศบุญกุศลที่ใต้ต้นไม้ใกล้กับศาลา

หลังจากเสร็จพิธีครอบครัวของน้องชมพู่ก็ได้นั่งกินข้าวร่วมกับชาวบ้านอื่น ๆ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างสงบ ใบหน้าทุกคนไร้ซึ้งความกังวล

นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา ให้ข้อมูลว่า วันนี้ไปทำบุญที่วัดภูผาแอกเพราะเป็นวันว่าง ซึ่งถ้ามีโอกาสดี ๆ ก็ไปทำบุญให้น้องชมพู่อยู่เรื่อย โดยตนก็ไม่ได้เน้นว่าวันไหนที่ต้องทำบุญ เพียงแต่จะทำบุญให้ลูกทุกครั้งที่มีโอกาส

น.ส.ลัดดา ช่อเหลี่ยม เพื่อนของแม่น้องชมพู่และครอบครัว ได้เดินทางมาเยี่ยมแม่ชมพู่ ซึ่งเมื่อมาถึงก็ได้เข้าไปกอดให้กำลังใจแม่ชมพู่ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความตื้นตันจนเพื่อนแม่ชมพู่กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

น.ส.ลัดดา เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาเยี่ยมแม่น้องชมพู่ ซึ่งตนรู้สึกเสียใจที่เพื่อนต้องเสียลูกสาววัย 3 ขวบไป ดูข่าวก็ได้แต่ร้องไห้ เพราะนึกถึงว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกของตัวเองก็คงจะทำใจไม่ได้ เพราะตนก็รู้จักกับแม่ของชมพู่มาเกือบ 20 ปีแล้ว และก็มีความสนิทสนมกันประมาณหนึ่ง

โดยตั้งแต่เกิดเรื่องก็ติดต่อพูดคุยกันมาตลอด ซึ่งตนก็อยากให้เพื่อนสู้ ๆ แม่ชมพู่เป็นคนเข้มแข็งมาก เห็นเขาแล้วก็รู้สึกเหนื่อยแทน ถ้าตนเจอด้วยตัวเองก็คงจะทำใจไม่ได้ ตนเห็นหน้าเขาก็แทบจะร้องไห้แล้ว สำหรับโซเชียลฯ ที่จับจ้องโจมตีนั้น ตนคิดว่าสักวันทุกอย่างคงจะดีขึ้น