เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวคนบันเทิงที่อบอุ่นที่สุดๆ สำหรับ "ลิฟท์ สุพจน์ จันทร์เจริญ" ล่าสุดรายการ ต้มยำอมรินทร์ ได้เชิญมานั่งพูดคุยให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง พร้อมทั้งขอถามประเด็นว่าเป็นพ่อบ้านใจกล้าแต่ไม่กล้ากับเมีย ยกธุรกิจครอบครัวให้ภรรยาคุม ทั้งหมดเพราะเคยทะเลาะกันเกือบบ้านแตกจริงไหม? รวมถึงอัปเดตชีวิตคุณพ่อลูกหนึ่ง หวงลูกสาว "น้องพราว" หนักจนถึงขั้นต้องส่งไปเรียนมวยไทย!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "เจี๊ยบ วรรธนา" วางไมค์! ผันตัวเป็นนักเขียนบทมือทอง
- "ซานิ-ตุ้ย" สนิทจนรู้ไส้รู้พุง ไม่มีวันขยับสถานะจากพี่น้องเป็นแฟน
- "ตั๊ก ศิริพร" เปิดใจ มีลูกแล้วทุกข์ เพราะรักมาก!
- "สงกรานต์" เจ้าพ่อเพลงดังร้อยล้านวิว!! เปิดอกยอมรับชีวิตอยู่ในช่วงขาลง
- "ดี้ ปัทมา" ขายหน้ากากอนามัย แต่ไม่ทิ้งงานวงการ!
ถาม ตอนนี้ชีวิตปัจจุบัน มีครอบครัว มีลูกสาวน่ารัก มีภรรยาสวย ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ลงตัวทุกอย่าง??
ลิฟท์ : ตอนนี้ถือว่าลงตัวสมบูรณ์แบบในความเป็นครอบครัวของเรา มีลูกน่ารัก ได้มีงานทำ ภรรยาเขามีอะไรทำเล็กๆ ที่เขาชอบ เขามีความสุข ไม่ต้องทะเลาะกัน เท่านี้เรารู้สึกว่าเราโอเคแล้ว
ถาม ครอบครัวไหนมีภรรยาเป็นผู้นำ บ้านนั้นได้ดีหมด อย่างมาออกรายการ ภรรยาสั่งให้มาขายของด้วย???
ลิฟท์ : เป็นแบรนด์ของภรรยาผมเอง ชื่อว่า แม่หญิง ผมก็เริ่มทำกับภรรยา เริ่มจากที่เราทานอะไรอร่อยๆ แต่กินแล้วมันอ้วน อย่างเช่น ครองแครง เมื่อก่อนเราทานมันจะเคลือบน้ำตาล เราก็คิดว่าทำไม ครองแครง ไม่เอา ชีส ปาปริก้า ใส่ครองแครง ทำไมทำไม่ได้ เราก็เลยลองทำใส่ แล้วราก็จะรีดน้ำมันให้มันแห้ง ให้มันกรอบ แล้วให้มันอยู่ได้นาน เราก็ลงทุนซื้อเครื่องรีดน้ำมันมาไว้ที่บ้านเลย เพื่อเอามารีด กากหมู หนังไก่ ครองแครง ไว้โดยเฉพาะเลย หนังไก่ทอดของเราจะพิเศษ สามารถเอาไปใส่แกงใส่อะไรได้เลย ของผมจะมีรสต้มยำด้วย หนังไก่ทอดจะมี 2 แบบ คือ แบบทานเล่น กับ ทานใส่กับแกงต่างๆ เพื่อปรุงอาหารด้วยครับ
ถาม ก่อนที่เราจะทำขาย เราไปเรียนหรืออะไรเพิ่มเติมไหม
ลิฟท์ : เราเป็นคนที่ชอบหาอะไรที่ทานกันเรื่อยๆ อยู่แล้ว อะไรที่เราชอบ เราก็อยากให้คนอื่นทานด้วย ตอนแรกเราก็ทำเล็กกันก่อน เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ทานกัน พอเริ่มสนุกก็ทำไปขายในออนไลน์ กลายเป็นกิจการเล็กๆ ของเราขึ้นมา แต่กิจการนี้เป็นของเขาเลย เพราะพอเรามาทำด้วยกันช่วงแรก กลายเป็นทะเลาะกัน เพราะว่าความคิดของเราไม่ตรงกัน ทะเลาะกันจนกลายเป็นปัญหาไปใหญ่โต เช่นเรื่องการตลาด การทำแบบนี้ แบบนั้น จะขายยังไงมันเป็นความคิดที่แตกต่างกัน แบบแทนที่จะทะเลาะกันบนโต๊ะจบ แต่พอแยกย้ายไปนอนเขาก็ยังงอนเราอยู่ เราก็เลยรู้สึกว่าเอางี้แล้วกัน เราให้ภรรยาเราทำคนเดียวไปเลย ส่วนเราก็เอามาช่วยโปรโมทออกรายการให้เขาแบบนั้นดีกว่า
ถาม เราออกมาขาย เราต้องให้เงินเขาหมดเลยไหม
ลิฟท์ : ให้หมด เราจะไปเก็บได้ยังไง เขาคำนวณมาหมดแล้วว่าอันนี้เท่าไหร่ๆ
ถาม ตอนนี้ขายออนไลน์อย่างเดียวไหม
ลิฟท์ : ขายมาสัก 4-5 ปี แล้ว เวลาไปออกบู๊ทที่ไหน เวลาไปคอนเสิร์ต ไปที่ไหนให้คนรู้จัก เราก็นำไป หรือไปโปรโมท ส่งต่อ บอกต่อให้ทุกคนได้รู้ ไม่ได้วางขายหรือผลิตออกมาเยอะ เวลาเราผลิตออกมา เราอยากให้มีคุณภาพ ทานของใหม่ๆ ไม่ทิ้งไว้นาน ใครสนใจอยากทานสามารถติดต่อมาได้ที่ ไลน์ maeying324
ถาม ในยุคนั้นถือว่าเราคือนักร้องที่แต่งงานเร็วใช่ไหม??
ลิฟท์ : 12 ปีที่แล้ว แต่งงานตอนอายุ 34 เป็นช่วงที่เรากำลังโด่งดัง แล้วก็ตัดสินใจแต่งงานมีครอบครัว ถามว่าเร็วไหม ด้วยอายุก็ไม่ได้เร็วแล้ว ตอนนั้นที่แต่งงานเร็วเพราะอยากมีลูกเร็ว มีความคิดแบบอายุ 60 ยังเที่ยวกับลูกได้ เราก็เลยบอกว่ารีบแต่งงาน รีบมีลูกดีกว่าเพราะเรายังอยากเที่ยวกับลูก ยังอยากใช้ชีวิตกับลูกได้อยู่ ยังทำกิจกรรมด้วยกันได้โดยที่เราไม่แก่จนเกินไป
ถาม กลัวไหมว่าเราแต่งงานไปแล้ว ความดังจะลดลง ไม่ฮอตแล้ว งานจะหาย ไม่มีใครตามกรี๊ด
ลิฟท์ : ช่วงนั้นเราปล่อยวางแล้ว ผมรู้สึกว่าการทำงานของเรา ไม่ได้เป็นดาราแต่เราเป็นนักแสดง ซึ่งการเป็นนักแสดงนั่นหมายถึง เป็นอาชีพที่โอเคสำหรับเราที่เราชอบ ที่เราชอบเล่นเป็นคนโน้น ชอบเล่นเป็นคนนี้ มีบทแปลกใหม่ๆ มามันสนุกเราเลยไม่คิดถึงเรื่องว่าใครจะต้องมาชื่นชอบในตัวเรา ดังเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย
ถาม พอแต่งงานเรียบร้อยแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปไหม สไตล์การใช้ชีวิตที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็นยังไง??
ลิฟท์ : โชคดีที่เราปรับตัวกันง่าย ก่อนแต่งงานกับหลังแต่งงานเหมือนกัน เลยรู้สึกว่าไม่ค่อยมีปัญหาในการปรับตัวกันมากเท่าไหร่ เพราะเราใช้ชีวิตไปในทิศทางที่เหมือนกัน คุยกันง่ายๆ แมนๆ ไม่ได้ปล่อยให้เราคิดเอง บางทีผู้หญิงชอบแบบคิดเองสิว่าฉันคิดอะไรอยู่ เราจะไปรู้ได้ยังไง ผู้หญิงมักจะไม่พูดในสิ่งที่ตัวเองคิด เราสองคนจะคุยกันว่าเราเป็นแบบนี้นะ เขาเป็นแบบนี้นะ จูนกันโอเค
ถาม มีหวานกันบ้างไหม มีเสียงสองบ้างหรือเปล่า??
ลิฟท์ : ถ้าเสียงแบบนี้มา ต้องมีแผนแน่นอน ไม่ใช่เขา ถามว่าเขาเป็นคนดุไหม ก็ไม่ดุนะ แต่เขาเป็นคนห้าวๆ ตรงๆ
ลิฟท์ : แต่ถ้าเขาไม่พอใจเขาจะนิ่งๆ เลยครับ เราอยู่ด้วยกันทุกวัน เราจะรู้ว่าเขาอาการอะไรยังไง เราจะรู้ เราจะดูออก คนทั่วๆ ไปเขาจะมองว่าดุจังเลย นั่งเฉยๆ มองตาก็กลัวแล้ว เพราะถ้าเขาไม่ยิ้มจะดูดุ
ถาม 12 ปี เคยทะเลาะกันแบบรุนแรงไหม ??
ลิฟท์ : ไม่ค่อยมีทะเลาะกัน มากที่สุดคืองอนกัน แต่กฎของบ้านเราคือ จะงอน จะโกรธ ห้ามออกจากบ้าน ยังนอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน ถ้างอนใครงอน โถ่ ก็ต้องผมสิครับ (หัวเราะ) ส่วนมากเขาบอกว่าถ้าผู้ชายง้อ จะไม่ค่อยเสียเชิงเท่าไหร่ แต่ถ้าผู้หญิงง้อเขาจะรู้สึกว่าทำไมฉันต้องง้อเธอ
ถาม การสวีทของคู่นี้คือพากันไปวิ่งมาราธอน
ลิฟท์ : การไปวิ่ง เราได้ไปออกกำลังกายด้วย แล้วก็ได้ไปเที่ยวด้วย แต่เวลาวิ่ง เราไม่ได้วิ่งพร้อมกัน เราวิ่งกันคนละระยะ ผมวิ่ง 21 กิโล เขาวิ่ง 10 กิโล ถ้าเราไม่ได้ไปวิ่งลงสนามแข่ง เราก็วิ่งปกติกันที่บ้านอยู่แล้ว เวลาเราไปวิ่งไปออกกำลังกาย เราก็จะมีกลุ่มเพื่อนๆ สนุกไปอีกแบบ
ถาม หญิงใช่สเปกไหม
ลิฟท์ : ไม่ใช่เลย ผมชอบผู้หญิงเหมือนแม่ของผม เป็นแม่บ้าน พูดเรียบร้อย คอยทำกับข้าวอยู่บ้าน เลี้ยงลูก เราชอบคนที่เอาใจเรา แต่จะบอกว่าก่อนแต่งงาน เขานวดผมนะ ผมนอนดูทีวีสบายเลย มีความสุข พอแต่งงานแล้วเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเลย คนๆ นั้นมันหายไปไหน เขาก็เป็นแบบของเขา เป็นตัวเขา แต่สุดท้ายรวมๆ แล้วมันก็คือครอบครัวของเรา แบบฉบับของพวกเรา
ถาม แต่งงานมา 12 ปี ไม่เคยนอกใจภรรยาเลย
ลิฟท์ : ผมเป็นคนไม่เจ้าชู้ แต่ผมเป็นคนชอบคนง่า ภรรยาจะรู้เลย ถ้านั่งอยู่แล้วมีผู้หญิงสาวๆ เดินผ่าน ภรรยาจะทักว่าเป็นไงล่ะ มีผู้หญิงสวยๆ เดินผ่าน
ถาม ถามเรื่องภรรยามาเยอะแล้ว ถามเรื่องลูกบ้างดีกว่า
ลิฟท์ : น้องพราว 10 ขวบแล้ว ตอนเด็กเขาจะหน้าเหมือนผมมาก แต่ตอนนี้เขาหน้าเหมือนแม่เขามาก มีแก้ม มีคาง ยิ่งโตขึ้นยิ่งเหมือนแม่ ส่วนนิสัยเหมือนผม ขี้เล่น เป็นเด็กอารมณ์ดี เอาตัวรอดได้ ส่วนการเลี้ยง เราก็ปล่อยให้เขาเรียนรู้ จะบอกว่าตอนเด็กๆ หญิง เขาไม่กล้าอุ้มลูกเพราะเขาเคยอุ้มลูกหมาตอนเด็กแล้วเขาทำลูกหมาตกพื้นตาย เขาเลยมีภาพจำ ทำให้การที่เขาอุ้มเด็ก เขากลัวมาก ตั้งแต่ที่ลูกคลอดมาจนปีนึง เราอุ้มตลอด หญิงเขาจะให้นมนั่งอย่างเดียว
ถาม คู่นี้เหมือนเห็นพ้องต้องกันทุกเรื่อง แต่ยกเว้นเรื่องโรงเรียน??
ลิฟท์ : เขาอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ แต่เราอยากให้เข้าโรงเรียนไทย เพราะอยากให้เขาแบบ สวัสดีค่ะ คุณพ่อ / สวัสดีค่ะ คุณแม่ ไม่อยากให้ลูกกลับบ้านมาแล้วยกมือทักทาย แต่ตัวหญิงเขามองว่าอยากให้ลูกได้เรียนรู้หลายภาษา ทะเลาะกันแต่ไม่ได้ถึงกับหนักนะ สุดท้ายเราก็ยอม ยอมให้ลูกเรียนอินเตอร์ก็ได้ แต่ถ้าลูกไม่ชอบ ขอออกมาเรียนแบบไทยๆ นะ โรงเรียนทางเลือกเลยก็ได้ แต่ตอนนี้ลูกชอบโรงเรียนนั้นมาก เลยอยู่มาตลอด
ถาม หวงลูกสาวไหม เห็นบอกว่าหวงมากถึงกับพาไปเรียนมวยเลย
ลิฟท์ : ไม่ใช่แค่พาไปเรียนต่อยมวย จากนี้จะพาไปเรียนยิงปืน จริงๆ ที่เราให้ลูกไปเรียนต่อยมวย เพราะเราเป็นคนชอบออกกำลังกายตั้งแต่เด็กเราก็พาเขาไปแล้ว เขาก็คุ้นอยู่แล้ว เราก็คิดว่าพอเราจะไปทำกิจกรรมแบบ 2-3 ชั่วโมง โดยที่ให้ลูกไปด้วยมันก็เหมือนทำกิจกรรมผ่านในครอบครัว ใช้คำว่าห่วงมากกว่า ไม่ได้หวง จนห้ามใครเข้ามาจีบ แต่มันคือเรื่องธรรมชาติ แต่ก็ต้องสแกนกันหน่อย เราผ่านอะไรมาเยอะ เราก็จะรู้ว่าใครเป็นยังไง
ถาม ถ้าคนพูดว่าเรากลัวเมีย ยอมรับไหม??
ลิฟท์ : ก็ยอม แต่จริงๆ ไม่ได้กลัวอะไรแบบนั้นนะ แต่กลัวปัญหาภายในครอบครัวจะเกิดมากกว่า สมมุติว่าเราไม่ยอมหรืออะไร ปัญหามันก็จะเกิดขึ้นมาในครอบครัว เราก็จะไม่มีความสุข แต่ถ้าอะไรที่มันแบบหยวนๆ ข้ามไปได้ มันโอเค ทำให้ครอบครัวเรามีความสุข เราก็ทำได้ ยอมได้ ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ มีแต่ว่าอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข
Advertisement