คนจัดทัวร์เที่ยวกกกอกยอมพับโครงการ ลุง-แม่ชมพู่ค้านไม่ใช่เวลาสนุก (คลิป)

วันที่ 15 ส.ค. 63 เวลา 08.30 น. ที่หมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร มีการจัดงานตักบาตรถวายอาหารเช้าให้พระสงฆ์ 8 รูป ซึ่งมีชาวบ้านมาร่วมงาน 70-80 คน วันนี้ลุงพลได้สวมเสื้อสีขาวมาร่วมงาน และได้ช่วยเหลือยกสิ่งของต่าง ๆ ภายในงานด้วย นั่งร่วมงานในแถวหน้าสุด ที่เดิมที่นั่งเมื่อวาน

โดยอาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต เป็นประธานจุดธูปเทียน และพระได้เริ่มสวดบูชาพระรัตนตรัย หลังจากนั้นพ่อแม่ของน้องชมพู่ได้เดินมาร่วมงาน นั่งอยู่แถวที่ 3

ซึ่งวันนี้พ่อแม่ของน้องชมพู่ได้นั่งแยกกัน พ่อของน้องชมพู่นั่งตรงกลาง ส่วนแม่ของน้องชมพู่นั่งที่แถวริม ซึ่งระหว่างพิธีลุงพลได้พนมมือสวดมนต์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะเดียวกันพ่อแม่ของน้องชมพู่ก็นั่งพนมมือด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยเช่นกัน

หลังเสร็จพิธี ลุงพลและชาวบ้านได้ยกอาหารถวายพระ รวมถึงลุงพลได้ถวายลอตเตอรี่ให้พระทั้ง 8 รูป รูปละ 1 ใบ ต่อจากนั้น มีพิธีกรวดน้ำ ซึ่งพ่อแม่ของน้องชมพู่นั่งกรวดน้ำคนละที่ กรวดน้ำเสร็จพ่อแม่ของน้องชมพู่ก็แยกกันไปเทน้ำ แม่น้องชมพู่เทน้ำที่ใต้ต้นไม้ตรงข้ามศาลหลักบ้าน ส่วนพ่อของน้องชมพู่ได้ไปเทน้ำที่ลานหญ้าหลังเต็นท์พิธี หลังจากเสร็จพิธี ชาวบ้านก็ได้ร่วมกันทานอาหารและไอศกรีม

ขณะที่คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน ยายอุ่น ยายกรม ก็ได้ผูกฝ้ายเรียกขวัญให้กับคนในหมู่บ้าน รวมถึงพ่อแม่ของน้องชมพู่ก็ได้รับการผูกแขนเรียกขวัญจากคนเฒ่าคนแก่ และคนมาร่วมงานอีกด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ชาวบ้านและพ่อแม่ของน้องชมพู่ก็ได้ไปผูกแขนให้ยายตุนมา คนที่เจอรองเท้าน้องชมพู่ ที่มาร่วมงานบุญด้วย ซึ่งทำเพื่อขอบคุณที่ยายตุนมาช่วยให้เจอศพของน้องชมพู่

นางตุนมา พรหมงอย ชาวบ้านที่เจอรองเท้าน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องน้องชมพู่ ตนก็อยากเข้ามาในหมู่บ้านกกกอกแต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวคำถามมากมายที่ทุกคนจะถามตน และไม่รู้ว่าจะให้คำตอบอย่างไรดี รวมถึงกลัวว่าชาวบ้านกกกอกจะไม่เข้าใจตนเพราะตนเป็นคนที่เจอรองเท้า แต่วันนี้มีโอกาสมาร่วมงานบุญ ได้เจอชาวบ้านกกกอกต้อนรับและกอด ก็ทำให้ตนรู้สึกสบายใจมากขึ้น วันนี้ทำบุญก็ได้ส่งใจให้น้องชมพู่ ในใจลึก ๆ ก็มีอยู่แค่อย่างเดียวคืออยากให้จับคนร้ายให้ได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่ตนเดินไปเจอรองเท้าจนนำไปสู่การเจอศพนั้น ตนคิดว่าตัวเองคงมีอะไรบางอย่างที่ดวงสมพงศ์กับน้องชมพู่

นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ เปิดเผยว่า ตนเองไปร่วมพิธีตามปกติ แต่ตนไม่ได้อยู่ร่วมผูกข้อมือ เนื่องจากที่บ้านตนก็มีคนมาผูกข้อมือเยอะมาก มีกำลังใจเยอะมาก ตนเองได้สอบถามพระอาจารย์บุญมา พระอาจารย์สมบัติ ท่านก็บอกว่าพิธีเสร็จแล้วให้ไปรับแขกที่บ้าน ส่วนตัวไม่ได้ไม่มองหน้าใคร ตนเองก็ทักทายได้ทุกคน วันนี้ก็สบายใจ เพราะการทำบุญทำที่ไหนก็สบายใจ ส่วนป้าแต๋นก็ไปใส่บาตรแค่นั้น ตนเองตกลงเอาไว้แล้วและก็กลับมารับแขกที่บ้าน เพราะวันนี้เป็นวันหยุด มีคนมาหาเยอะ

สำหรับกระแสที่มีผู้ใช้เฟชบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเพื่อจัดทัวร์ไปเที่ยวที่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร และยังมีกิจกรรมให้เที่ยวชมอีกมากมาย ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีข้อความว่า "คอยพบกันเร็ว ๆ นี้! ทัวร์ท่องเที่ยวบ้าน 4 ก. ตามร่องรอยมือฆาตรกร บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร 3 วัน - 4 คืน 3,900 บาทต่อท่าน พร้อมกิจกรรมชมเจ้าปลาส้ม พักบ้านนายพลรีสอร์ต ผูกมือโดยสายสิญจน์ที่ยาวที่สุดในโลก ร่วมซดน้ำสาบานโดยพร้อมเพรียงกัน กระทบไหล่หมอตาวิเศษ ฝ่ามืออรหันต์ สำรองที่นั่งได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"

โดยโพสต์ดังกล่าวได้ลงไว้เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 63 ที่ผ่านมา และมีเพื่อนในเฟซบุ๊กของผู้โพสต์มาคอมเมนต์ว่า "ไปกันนะ ไปกินน้ำสาบานกัน" ซึ่งเจ้าของโพสต์ก็ตอบกลับว่า "โอนมัดจำมา 30 เปอร์เซ็นต์"

นายไข่ (นามสมมติ) ผู้โพสต์ ชาว จ.พังงา เป็นเจ้าของรถตู้รับเหมาที่ จ.พังงา เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ตนยอมรับว่าตนเป็นเจ้าของโพสต์ดังกล่าวจริง ที่มาที่ไปในการโพสต์หาลูกทัวร์จัดทริปไปบ้านกกกอกนั้น เพราะช่วงโควิด-19 ตนได้รับผลกระทบ ไม่มีลูกค้ามาจ้างงาน เนื่องตนติดตามข่าวน้องชมพู่มาตลอด ตนจึงคิดไอเดียขึ้นมาว่าจะจัดทัวร์ไปเที่ยวบ้านกกกอก เผื่อตนจะมีรายได้

หลังจากที่ตนโพสต์ทัวร์ดังกล่าวไป ก็มีเพื่อนที่รู้จักประมาณ 6-7 คน ทักมาสอบถามตนเพราะสนใจจะร่วมทริปกับตนด้วย แต่ก็ยังกำหนดวันที่จะจัดทัวร์ไม่ได้ ส่วนกรณีข้อความที่ตนเขียนในโพสต์ว่า "ตามร่องรอยมือฆาตกร บ้านกกกอก" นั้น ขอยืนยันว่าตนเป็นคนคิดประโยคดังกล่าวเอง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการติดตามข่าวน้องชมพู่ รวมถึงข้อความที่ว่า "ชมเจ้าปลาส้ม พักบ้านนายพลรีสอร์ต ผูกสายสิญจน์ที่ยาวที่สุดในโลก ร่วมซดน้ำสาบาน กระทบไหล่หมอตาวิเศษ" ข้อความเหล่านี้ก็เป็นข้อความที่ตนคิดเองเช่นกัน

ทั้งนี้ ตั้งแต่มีคนคัดลอกโพสต์ตนไปแชร์ในโลกออนไลน์ ตนก็ได้รับความเสียหาย และขอยืนยันว่าตอนนี้ทัวร์ไปบ้านกกกอกของตน ไม่มีเกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ตนโพสต์ไปเพราะตนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ส่วนกิจกรรมต่าง ๆ ที่ตนเขียนลงในโพสต์ เพราะตนอยากทำให้น่าสนใจดึงดูดลูกค้า เช่น การทำกิจกรรมดื่มน้ำมนต์ ซึ่งตนทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะตนนับถือศาสนาอิสลาม

นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ ให้ข้อมูลว่า "เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้จับคนร้าย อีกทั้งทางหมู่บ้านยังไม่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนตัวตนก็คิดว่าไม่เหมาะสม อยากให้ทุกคนมองที่ต้นเรื่องว่าทุกคนรู้จักหมู่บ้านด้วยสาเหตุอะไร"

นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ เปิดเผยว่า ตนเองได้ยินมา 1-2 วัน ซึ่งตนก็เห็นตามโซเชียล ตนคิดว่าเจตนาคนจัดทัวร์น่าจะมีอะไรบางอย่าง ส่วนตัวมองว่าอยากให้บ้านกกกอกคลี่คลายก่อน ตอนนี้มันยังไม่เหมาะสม หากคนสนใจจะจัดทัวร์ก็ควรเป็นหลังจากที่ตำรวจสรุปสำนวนคดีให้คดีคลี่คลายแล้ว แต่การจัดทัวร์มาก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน แต่ต้องดูช่วงเวลา และส่วนตัวยังไม่มีใครติดต่อมา ส่วนใหญ่เห็นตามเฟซบุ๊กที่แชร์กัน

นางกรม ปู่ฝ้าย ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านกกกอก กล่าวว่า กรณีที่มีคนจัดทัวร์ท่องเที่ยวหมู่บ้านกกกอก ตนไม่เห็นด้วย เพราะปัจจุบันมีคนเดินทางมาเป็นจำนวนมากอยู่เเล้ว รถก็วิ่งเต็มหมู่บ้าน หากจะมีคณะทัวร์มาท่องเที่ยวอีก ตนก็มองว่าไม่เหมาะสม อาจสร้างความรบกวนเเก่ชาวบ้านได้ เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านเคยอยู่กันอย่างสงบ ส่วนกรณีที่จะมีการขึ้นไปท่องเที่ยวบนภูเหล็กไฟ ซึ่งหากคนที่จะขึ้นมีจำนวนไม่มาก ก็คงไม่เป็นปัญหา เเต่หากจะมาท่องเที่ยวแบบคณะทัวร์ ซึ่งคนมีจำนวนมาก ก็เกรงว่าจะทำให้ธรรมชาติเสียหาย โดยเฉพาะเรื่องขยะ ตนอยากให้ยกเลิกแนวคิดดังกล่าว เพราะนอกจากจะรบกวนชาวบบ้าน ก็อาจเป็นการรบกวนครอบครัวผู้สูญเสียด้วย

นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าของชมพู่ เปิดเผยว่า ตนเองคิดว่าหากมีทัวร์มาจริง ๆ คงต้องถามหลาย ๆ คน เช่น ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และหลาย ๆ ส่วน เพราะมันเกี่ยวข้องกับหลายคน หากมาบ้านตนก็ต้อนรับ แต่หากจะมาเชิงไปเที่ยวแต่ละจุด คงต้องคิดก่อน อีกอย่างคดีก็ยังไม่จบ มันอาจกระทบจิตใจน้องสาว เพราะคงไม่เหมาะหากจะมาทำกิจกรรมตอนนี้ ตนเองคิดว่าควรผ่านเรื่องนี้ไปก่อน