วันที่ 23 มกราคม 2561 รายการคลายทุกข์ชาวบ้าน ออกอากาศเวลา 14.15 -15.00 น. ได้เดินทางลงพื้นที่ไปที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อนำเสนอเรื่องราวของ พ.จ.อ.อภิชาติ ขำศรี ทหารในสังกัดกองพันทหารสารวัตรทหารอากาศ กรมทหารสารวัตรทหารอากาศ สำนักงานผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง และพวกอีก 3 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว ขณะมาทำบุญที่วัดใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยตำรวจตรวจค้นพบยาไอซ์ จำนวนกว่า 30 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ส่วนตัวของ พ.จ.อ.อภิชาติ ตรงเบาะรถด้านคนขับ เจ้าตัวยืนยันว่า ยาเสพติดไม่ใช่ของตน
โดยก่อนหน้านี้ พ.จ.อ.อภิชาติ ได้ทำงานเสริมเป็นการ์ดให้กับเสี่ยรายหนึ่ง ประมาณ 4-5 เดือน แล้วลาออก เพราะทราบว่า เสี่ยคนดังกล่าวทำธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย หลังจากนั้นในวันที่ 23 มี.ค. 60 เวลา 23.00 น. เสี่ยคนดังกล่าวพร้อมพวก ได้เดินทางมาตามหา พ.จ.อ.อภิชาติ ที่บ้านใน จ.สิงห์บุรี แต่ไม่พบ จึงข่มขู่ว่าจะทำให้ พ.จ.อ.อภิชาติ หมดอนาคต
หลังจากนั้น วันที่ 9 มิ.ย. ก็มีนายทหารท่านหนึ่งขับรถมาชนรถยนต์ของพ.จ.อ.อภิชาติ และนายทหารท่านนี้ อาสารับผิดชอบนำรถของ พ.จ.อ.อภิชาติ ไปซ่อมให้ที่อู่ซ่อมรถของคนที่สนิทกัน
ต่อมาวันที่ 17 มิ.ย. 60 พ.จ.อ.อภิชาติ และเพื่อน 3 คน ได้เดินทางมาทำบุญกันที่วัดใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยได้มีตำรวจขอเข้าตรวจค้นรถ ทำให้พบยาไอซ์จำนวนกว่า 30 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ส่วนตัวของ พ.จ.อ.อภิชาติ ด้านเบาะฝั่งคนขับ จึงทำให้ พ.จ.อ.อภิชาติ และเพื่อนอีก 3 คน ถูกจับกุมในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง ต้องถูกจำคุกนานถึง 7 เดือน
ทางครอบครัวเดินหน้าต่อสู้คดีมาตลอด โดยมี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เป็นทนายความในคดี ได้มีการสืบหาพยานหลักฐานมากมาย และพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่าง มีความเชื่อมโยงกับเสี่ยคนที่ พ.จ.อ.อภิชาติ เคยทำงานด้วย
จนกระทั่งช่วงเย็นวันนี้ (23 ม.ค. 61) พ.จ.อ.อภิชาติ พร้อมเพื่อนอีก 3 คน ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำกลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางญาติพี่น้อง กลุ่มเพื่อน และผู้บังคับบัญชา ที่มารอรับกันอย่างเนืองแน่น พ.จ.อ.อภิชาติ เดินออกมาจากเรือนจำด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่มีน้ำตาคลอ เมื่อ พ.จ.อ.อภิชาติ พบกับคุณพ่อ และพี่สาว ได้พร้อมกับก้มลงกราบเท้าทั้งน้ำตา อีกทั้งยังกอดทนายษิทรา ที่ช่วยให้เขารอดพ้นจากคดี
พ.จ.อ.อภิชาติ เผยว่า รู้สึกเสียใจที่ต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำ ทั้งที่ตนไม่ได้กระทำผิด ตลอด 7 เดือน กินไม่ได้นอนไม่หลับ เนื่องจากเครียดอยู่ตลอดเวลา จากที่ตนเคยเป็นทหาร มีหน้าที่ฝึกทหารรุ่นน้อง แต่ก็ต้องกลับมาถูกฝึกวินัยในเรือนจำ ตรงนี้เป็นสิ่งที่รับไม่ได้
สิ่งที่อยากทำหลังออกจากเรือนจำก็คือ อยากกลับบ้านไปกราบเท้าแม่ วันนี้แม่ไม่ได้มารับตนออกจากเรือนจำด้วย เนื่องจากแม่มีอาการป่วย หลังจากนี้ตั้งใจอยากจะกลับไปรับราชการทหาร เพื่อรับใช้ชาติเหมือนเดิม และจะขอบวชเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อและแม่
ทางด้าน นายประเสิรฐ ขำศรี คุณพ่อ และ น.ส.อรุโณทัย ขำศรี พี่สาว เปิดเผยว่า เมื่อเห็น พ.จ.อ.อภิชาติ เดินออกมาจากเรือนจำ รู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก เนื่องจากตลอด 7 เดือน ที่ พ.จ.อ.อภิชาติ ต้องอยู่ในเรือนจำ ครอบครัวทุกข์ใจ และเป็นห่วง แต่วันนี้เมื่อ พ.จ.อ.อภิชาติ ได้พ้นข้อกล่าวหา และออกจากเรือนจำแล้ว ทางครอบครัวต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เข้ามาช่วยเหลือ ต่อจากนี้ยังคงกังวลถึงความปลอดภัยของคนในครอบครัว ถึงอันตรายจากผู้ที่มีอิทธิพล
ด้าน ผู้บังคับบัญชาของพ.จ.อ.อภิชาติ เปิดใจว่า พ.จ.อ.อภิชาติ มีความประพฤติดีมาโดยตลอด และไม่เชื่อว่า จะไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หลังจากนี้การกลับเข้ารับราชการนั้น จะให้เจ้าตัวทำเรื่องขอกลับเข้ารับราชการตามเดิม
ด้าน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เปิดเผยว่า หลังจากศาลพิพากษา ยกฟ้อง พ.จ.อ.อภิชาติ แล้ว จนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำแล้ว ตนจะไม่ฟ้องร้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมตัว พ.จ.อ.อภิชาติ เนื่องจาก เข้าใจว่าตำรวจต้องทำตามหน้าที่
ส่วนเรื่องที่อัยการจะยื่นฟ้องต่อศาลอุทธรณ์ต่อไปอีกหรือไม่นั้น ตนมีความกังวลอยู่เหมือนกันว่า พ.จ.อ.อภิชาติ เป็นผู้บริสุทธิ์ และถูกกลั่นแกล้ง แต่การตัดสินใจทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับอัยการศาลสูงว่า จะวินิจฉัยอย่างไร หลังจากนี้จะขอคัดคำพิพากษา เพื่อทำหนังสือขอความเป็นธรรมจากท่านอัยการศาลสูง เพื่อให้ท่านมีดุลยพินิจไม่อุทธรณ์