ผัวอดีตพยาบาลปัดฆ่าจับเมียแขวนคอ แฉพัวพันยา - แม่คนตายไล่กลางงานศพ (คลิป)

30 ส.ค. 63

กรณีพนักงานสอบสวนสภ.เมืองสระบุรี รับแจ้งว่ามีคนผูกคอตายภายในบ้าน ถนนพหลโยธิน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี จากการตรวจสอบพบร่างของ น.ส.ธิดาเดือน รุ่งแสง อายุ 42 ปี อาชีพพยาบาล มีรอยเชือกรัดที่คอจนช้ำหน้าผากข้างซ้ายโน และแตกเลือดไหล

998326

โดยนายเอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ สามีผู้ตาย อ้างว่านอนอยู่ในบ้าน ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก่อนเกิดเหตุมีปากเสียงกัน จึงรับลูกสาววัย 3 ขวบมาอยู่ที่บ้านตัวเอง จนฝ่ายหญิงตามมาทวงลูก จนเกิดน้อยใจผูกคอตัวเอง แต่ทางญาติผู้เสียชีวิตไม่ปักใจเชื่อ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

337371

นายเอกพัฒน์ สามีผู้ตาย ยืนยันว่าไม่ทราบเรื่อง และบ้านที่เกิดเหตุก็มีเพียงตนอยู่กับภรรยาหลวง และพ่อเท่านั้น ไม่ได้มีคนงานก่อสร้างอยู่ในบ้าน ส่วนภรรยาของตนก็ไม่ทราบเรื่อง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตายครั้งนี้ เพราะทั้ง 2 คนไม่เคยทะเลาะกัน ช่วงที่ผู้ตายคลอดลูก ภรรยาหลวงก็ไปเฝ้า ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าน.ส.ธิดาเดือน จะกล้าฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีสัญญาณมาก่อน

cg-2_5

แต่เหตุก็เกิดขึ้นแล้ว มั่นใจว่าไม่ใช่การฆาตกรรม ส่วนจุดที่เสียชีวิต น.ส.ธิดาเดือน สามารถปีนไปผูกเชือกได้ เพราะใช้เก้าอี้พลาสติก ประมาณ 50 เซนติเมตร ปีนขึ้นไป

313110

ทีมข่าวเดินทางไปยังอำเภอชัยบาดาล จ.ลพบุรี ได้พูดคุยกับนางสายบัว รุ่งแสง อายุ 72 ปี แม่ของผู้ตาย กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าลูกสาวฆ่าตัวตาย เพราะลูกไม่เคยบ่นน้อยใจ หรือพูดว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่

โดยคืนเกิดเหตุทราบว่า นายเอกพัฒน์ ลูกเขย เอาลูกสาววัย 3 ขวบมา ลูกสาวจึงขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านพักที่ อ.แก่งคอย มาตามที่บ้านของฝ่ายชายในเมืองสระบุรี ซึ่งเวลาประมาณ 02.00 น. เพื่อนลูกสาวยังโทรถามว่าถึงหรือยัง ลูกสาวบอกถึงแล้วอยู่หน้าบ้านจะขอพบลูก หากฝ่ายสามีไม่ให้พบก็จะนอนรออยู่หน้าบ้าน ส่วนตัวจึงคิดว่าลูกสาวไม่คิดสั้นแน่นอน โดยตนได้เจอลูกครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้ว ลูกกลับมาบ้าน พร้อมร้องไห้กับตนว่าอยากเอาลูกมาอยู่ด้วยกันที่บ้านในลพบุรี แต่สามีไม่ยอม ลูกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

589497

โดยลูกสาวตนเคยคบกับนายเอกพัฒน์ ตั้งแต่เป็นวัยรุ่น จากนั้นช่วงอายุประมาณ 25 ปี ลูกสาวถูกจับกุมเรื่องยาเสพติด เนื่องจากรับผิดแทนพี่สาว โดยติดคุกไป 5 ปี และได้เลิกรากับนายเอกพัฒน์ไป จากนั้นลูกออกมาก็เรียนต่อพยาบาล และได้เข้าทำงานเป็นพยาบาล จนได้พบกับนายเอกพัฒน์อีกครั้ง ซึ่งฝ่ายชายอ้างว่าแต่งงานแล้ว แต่เลิกกับเมียไป ลูกตนจึงตัดสินใจแต่งงานด้วยเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว สินสอด 200,000 บาท ญาติทุกคนรับรู้ หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี ภรรยาอีกคนก็กลับมาขอคืนดีกับลูกเขย ทั้งคู่จึงกลับไปอยู่ด้วยกัน ซึ่งก็ทราบว่าทางภรรยาหลวงไม่ค่อยชอบลูกสาว มีการพูดแขวะใส่กัน ลูกจึงบอกสามีว่า ให้แยกกัน ต่างคนต่างอยู่

800020

กระทั่ง 4-5 เดือนที่ผ่านมา สามีพาภรรยาหลวงไปหาลูกสาวที่ห้องเช่า ลูกสาวจึงไม่พอใจ เพราะไม่อยากให้ภรรยาหลวงรู้ที่อยู่ จึงย้ายไปอยู่กับเพื่อนที่อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และนำลูกไปด้วย ซึ่งลูกสาวไปค้าขายอยู่ที่สระบุรี เพราะประสบอุบัติเหตุรถชนขาขวาหักเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ต้องพักงานพยาบาล โดยลูกสาวโทรมาเล่าตลอดว่า ค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง

892562

ส่วนตัวคิดว่าลูกไม่น่าจะกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก จนทะเลาะกับสามี เป็นเหตุผลให้อีกฝ่ายต้องแย่งลูกมาดูแล ซึ่งเมื่อวานนี้ ลูกเขยนำรถจักรยานยนต์ ของน.ส.ธิดาเดือน มาส่งคืนที่บ้านตน ตนจึงสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่เปิดบ้านให้ลูกสาวตน ลูกเขยบอกไม่รู้เรื่อง เพราะนอนหลับไป ส่วนรอยแผลปูดที่ศีรษะ ก็อ้างว่าไม่รู้ ส่วนตัวคิดว่าลูกเขยไม่น่าจะเป็นคนลงมือ แต่สงสัยภรรยาหลวง ว่าอาจจะรำคาญจึงออกมาจัดการหรือให้ลูกน้อง ซึ่งเป็นคนงานก่อสร้างจัดการแล้วอำพรางว่าเป็นการผูกคอตาย

336825827599

ตนตั้งข้อสังเกตว่า สภาพศพของลูกสาวไม่ได้ตาเหลือก และลิ้นก็ไม่ได้จุกปากเหมือนคนผูกคอตายทั่วไป ประกอบกับหลังคาก็สูง ลูกตนสูงประมาณ 160 ซม. ไม่น่าจะปีนขึ้นไปได้

656557

สำหรับจุดตั้งกล้องวงจรปิด ติดบนโครงหลังคาบ้าน แต่สภาพขณะเกิดเหตุไม่สามารถใช้งานได้ 

424947

น.ส.ธิดาเดือน สูงเพียง 160 ซม. ประตูรั้วสูง 170 ซม. ส่วนกำแพงรั้วสูง 160 ซม. เท่ากับความสูงของผู้ตาย 

783780

ในเวลา 16.30 น. ที่วัดอัมพวันวนาราม (วัดม่วงค่อม) อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี มีพิธีรดน้ำศพ น.ส.ธิดาเดือน รุ่งแสง ญาติ ๆ นำโดยนางสายบัว รุ่งแสง แม่ของผู้เสียชีวิต จากนั้นนายเอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ สามีผู้ตาย เดินทางมาพร้อมภรรยาหลวง โดยนายเอกพัฒน์ ยืนนิ่งดูศพภรรยาด้วยอาการโศกเศร้า ก่อนเดินเข้าไปรดน้ำศพภรรยา

919284

ด้านนางสายบัว ร้องไห้พร้อมถามลูกเขยที่ยืนแน่นิ่งว่า ทำไมไม่เปิดบ้านให้ลูกสาวตนเข้าไป ลูกสาวตนแค่ไปเจอลูก ทำไมใจถึงเปลี่ยนเป็นสีดำ ทำไมไม่ให้แม่ลูกเจอกัน ซึ่งนายเอกพัฒน์ ยืนแน่นิ่งไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ

461424328506

โดยทีมข่าวได้รับไทม์ไลน์ที่ น.ส.ธิดาเดือน คุยกับสามีก่อนตายในวันศุกร์ที่ 28 ส.ค.63 เวลา 14.25 น. น.ส.ธิดาเดือนบอกว่า “พี่ก็เอารถไปเอาลูกหนูมา พี่ผิดคำพูดกับหนูก่อน หนูก็ต้องดิ้นรนเอง” “ถ้าติดต่อลูกไม่ได้ หนูจะไปรับลูกที่บ้านพี่” “ขอโทษที่ทำให้พี่ต้องเสียเวลา” ซึ่งนายเอกพัฒน์ ไม่ได้ตอบ

747456651077

น.ส.ธิดาเดือน จึงโทรไลน์ไป 3 ครั้ง ครั้งแรกคุยกัน 1.38 นาที ครั้งที่ 2 คุยกัยเพียง 53 วินาที และครั้งที่ 3 คุยกัน 4 วินาที จากนั้นเวลา 17.35 น. น.ส.ธิดาเดือนถามว่า จะมารับตอนไหน มารับหนูด้วย อยู่เสาไห้ ก่อนโทรไลน์ประมาณ 5 ครั้ง แต่สามีไม่รับ

772683

เวลา 18.10 น. น.ส.ธิดาเดือนพิมพ์ไปว่า ถ้าพี่ไม่รับเดี๋ยวหนูจะไปรับลูกเอง อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด คนอย่าหนูถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว

เวลา 18.27 น. สามีส่งรูปลูกมาให้ น.ส.ธิดาเดือนดู น.ส.ธิดาเดือน จึงถามว่า แล้วจะมารับหนูไหม ก่อนโทรไลน์หาสามี แต่อีกฝ่ายไม่รับ 19.33 น. น.ส.ธิดาเดือน บอกว่า ฝากดูแลลูก เดี๋ยวหนูหาที่อยู่ใหม่ได้ หนูจะกลับมารับลูกไม่คืนใดก็คืนหนึ่ง 19.39 น. พี่เป็นคนพรากลูกไปจากหนูเอง เมื่อไหร่ที่หนูจะไปรับลูกหนูต้องได้ แม่อย่างหนูจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกกลับมารับรอง

เวลา 21.55 น.ส.ธิดาเดือน ส่งภาพรองเท้าผ้าใบเด็กสีขาวให้สามี คาดว่าเป็นรองเท้าของลูกสาววัย 3 ขวบ พร้อมพิมพ์ว่า หนูจะจำไว้ว่าในวันที่แย่ พี่คือคนที่ซ้ำเติมหนู แตกต่างกับหนูที่ไม่มีวันทำแบบนั้นกับพี่ ซึ่งตลอดการสนทนาขึ้นว่าอ่าน แต่ไม่มีการตอบกลับ จากนั้นเวลา 01.44 น. น.ส.ธิดาเดือน โทรไลน์หาสามี 1 ครั้ง แต่ไม่มีการรับสาย

965626

การใช้เฟซบุ๊กของ น.ส.ธิดาเดือน ก่อเสียชีวิต วันที่ 15 เม.ย.63 อัปเดตรูปหน้าปกเป็นรูปที่ถ่ายคู่กับลูกสาว วัย 3 ขวบ และอัปเดตรูปโพรไฟล์ใหม่ 

420210

การใช้เฟซบุ๊กของ น.ส.ธิดาเดือน ก่อเสียชีวิต วันที่ 15 เม.ย.63 โพสต์ภาพครอบครัว พร้อมระบุข้อความว่า "ไม่มีไรค่ะ แค่เก็บรูปนี้ไว้ในเฟซบุ๊ก"

640292

การใช้เฟซบุ๊กของ น.ส.ธิดาเดือน ก่อเสียชีวิต วันที่ 16 มิ.ย.63 อัปเดตรูปโพรไฟล์ใหม่ เป็นรูปที่ถ่ายคู่กับลูกสาว 

291353

การใช้เฟซบุ๊กของ น.ส.ธิดาเดือน ก่อเสียชีวิต วันที่ 7 ก.ค.63 โพสต์ภาพลูกสาว เป็นความเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส