สอบผัวพยาบาลผูกคอดับหลังญาติคาใจเจอพิรุธ เพื่อนบ้านงงเจอศพทำนิ่งไม่ร้องไห้ (คลิป)

31 ส.ค. 63

กรณีพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี รับแจ้งว่ามีคนผูกคอตายภายในบ้าน ถนนพหลโยธิน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี จากการตรวจสอบพบร่างของ น.ส.ธิดาเดือน รุ่งแสง อายุ 42 ปี อาชีพพยาบาล มีรอยเชือกรัดที่คอจนช้ำหน้าผากข้างซ้ายโน และแตกเลือดไหล

765748

โดยนายเอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ สามีผู้ตาย อ้างว่านอนอยู่ในบ้าน ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก่อนเกิดเหตุมีปากเสียงกัน จึงรับลูกสาววัย 3 ขวบมาอยู่ที่บ้านตัวเอง จนฝ่ายหญิงตามมาทวงลูก เกิดน้อยใจผูกคอตัวเอง แต่ทางญาติผู้เสียชีวิตไม่ปักใจเชื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

832032

วันที่ 31 ส.ค. 63 นายมนตรี มหิกุล อายุ 60 ปี พ่อเจ้าของเนอร์สเซอรี่ที่อยู่ติดกับบ้านที่เกิดเหตุ ระบุว่า ตนเป็นคนพบศพคนแรก โดยเช้าวันเสาร์ ที่ 29 ส.ค. 63 ตนขับรถกระบะออกจากบ้านที่อำเภอเสาไห้ เพื่อไปตัดหญ้าที่เนอร์สเซอรี่ของลูกสาว โดยไปถึงประมาณ 07.00 น. ก่อนเก็บกวาดใบไม้ และยกเครื่องตัดหญ้าลงไปตัดไล่ตั้งแต่ด้านหน้า ยาวไปจนด้านข้างติดกับบ้านที่เกิดเหตุ

titled

ระหว่างนั้นเศษหินกระเด็นใส่กระจกเนอร์สเซอรี่ ตนจึงเพ่งดูกลัวจะเสียหาย แต่ต้องผงะเมื่อเห็นเงาคล้ายตุ๊กตาห้อยจากหลังคาโรงรถที่เกิดเหตุ พบว่าลักษณะเหมือนคนผูกคอ ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งไปที่บ้านเพื่อนบ้านอีกหลัง พร้อมตะโนบอกว่า "ลุง ๆ ช่วยดูหน่อยตุ๊กตาหรือคนห้อยลงมาจากหลังคา"

451860

ระหว่างนั้นลูกชายเจ้าของบ้านได้ยินจากชั้น 2 จึงวิ่งลงมา พร้อมไปที่บ้านเกิดเหตุตะโกนเรียกชื่อนายเอกพัฒน์ จากนั้นตนกลับไปตัดหญ้าต่อ แต่เห็นนายเอกพัฒน์ออกมาจากบ้าน พร้อมปลดเชือกลง ซึ่งตนก็ไม่ได้หันไปมองต่อ ขณะนั้นไม่เห็นผู้หญิงที่เป็นภรรยาหลวงเดินออกมาจากบ้านแต่อย่างใด

cg-1cg-2

หลังจากนั้น 15 นาที มีรถกู้ชีพเข้ามา 2 คัน ตามมาด้วยรถตู้พยาบาล มีรถตำรวจเข้ามา โดยช่วงที่นายเอกพัฒน์ออกมาเจอศพ ตนไม่ได้ยินเสียงโวยวายหรือฟูมฟาย ได้ยินเสียงสะอื้นหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา คาดว่าเป็นเสียงญาติผู้ตายที่เข้ามาที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ตนไม่เห็นหน้าผู้เสียชีวิตเพราะศพหันหน้าเข้าทางในบ้าน จึงไม่ทราบว่าหญิงรายดังกล่าวคือใคร

709860902599

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผัวอดีตพยาบาลปัดฆ่าจับเมียแขวนคอ แฉพัวพันยา - แม่คนตายไล่กลางงานศพ
พยาบาลสาวแขวนคอคาขื่อบ้านผัว ญาติชี้พิรุธศพมีแผล-กล้องดับ-เชือกใหญ่เกินมัดปม

483357

ซึ่งขัดกับคำให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 63 ที่นายเอกพัฒน์ สามีผู้ตาย ยืนยันกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า นางธวัลรัตน์ ภรรยาหลวง เป็นคนเปิดประตูบ้านออกมาเห็นศพก่อนที่จะเรียกตัวเองออกมา ส่วนเพื่อนบ้านรอบข้างก็ระบุว่าไม่เห็นภรรยาหลวงเดินออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุ

849992

ด้านนางภัณฑิลา ทองพัฒน์ อายุ 60 ปี รุ่นพี่ของ น.ส.ธิดาเดือน ผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.ธิดาเดือนไปอยู่กับตนที่ อ.แก่งคอย ประมาณ 3 เดือน เนื่องจากมีปัญหากับสามี โดยระหว่างนั้นได้นำลูกสาววัย 3 ขวบไปอยู่ด้วย หลังจากนั้น ก็เห็นสามีตามมาง้อ และคืนดีกัน

703518

ส่วนวันเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้าน ช่วงเที่ยง น.ส.ธิดาเดือน เล่าให้ฟังว่า สามีมาเอาลูกสาวไปแล้ว เพราะทะเลาะกัน เจ้าตัวยังบอกอีกว่าจะไปตามลูกสาวคืน ตนก็ได้แต่ปลอบใจ จนช่วงดึกเวลาประมาณ 23.00 น. น.ส.ธิดาเดือนบอกว่านอนไม่หลบ จะไปตามลูกกลับมา ตนจึงบอกว่าเดี๋ยวค่อยไปพร้อมกันวันรุ่งขึ้นดีกว่า แต่เจ้าตัวไม่ยอม จัดเสื้อผ้าไป 2-3 ชุด บอกว่าหากสามีไม่ให้เข้าบ้านก็จะรอ และหากไม่ได้ลูกกลับมา ก็จะขอค้างที่บ้านสามีด้วย ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไป

286355

กระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น.เศษ ตนโทรศัพท์ไปถามว่าถึงบ้านนายเอกพัฒน์หรือยัง ซึ่ง น.ส.ธิดาเดือน บอกว่าถึงแล้ว แต่เข้าบ้านไม่ได้ ต้องยืนรออยู่หน้บ้าน ตนจึงบอกว่าให้ปีนเข้าไปในบ้าน ก่อนจะวางสายไป ซึ่งการพูดคุยก็เป็นปกติ

870965256203511903

หลังจากนั้นตนหลับไป ตื่นเช้ามาเห็น น.ส.ธิดาเดือน เงียบไป คิดว่าเพื่อนน่าจะคืนดีกับสามีแล้ว จนมาทราบข่าวว่าเพื่อนตายแล้วช่วงเที่ยงก็ตกใจมาก ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะฆ่าตัวตาย เพราะไม่ได้มีสัญญาณใดบ่งบอก ส่วนเรื่องที่นายเอกพัฒน์อ้างว่า น.ส.ธิดาเดือนติดยาเสพติดนั้นตนไม่ทราบ เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าว

978944

จากนั้น ทีมข่าวทดสอบตะโกนเรียกชื่อนายเอกพัฒน์ จากประตูรั้วหน้าบ้าน ให้ช่างภาพอยู่ภายในห้องกระจกเนอร์สเซอรี่ ซึ่งอยู่ติดกันกับบ้านเกิดเหตุ จุดที่ช่างภาพยืนห่างกับทีมข่าวประมาณ 20 เมตร เพื่อพิสูจน์ว่าข้างบ้านจะได้ยินเสียงเรียกจากผู้ตายหรือไม่ ในคืนเกิดเหตุ

488838

รอบแรกทีมข่าวเรียกชื่อของนายเอกพัฒน์ โดยใช้เสียงปกติ ปรากฎว่าได้ยินเสียงเรียก แต่ค่อนข้างเบา รอบที่ 2 ทีมข่าวตะโกนเรียกชื่อดังขึ้นปรากฏว่าเสียงชัดขึ้น จับคำได้

831314

ล่าสุด เจ้าหน้าที่คุมตัวนายเอกพัฒน์มาสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากข้อมูลจากพยานแวดล้อมยังขัดกับคำบอกเล่าในเบื้องต้น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลการโทรศัพท์ของ น.ส.ธิดาเดือน พบว่าวันที่ 29 ส.ค. 63 ก่อนเกิดเหตุ เวลา 01.44 น. มีการโทรหานายเอกพัฒน์ แต่ไม่ได้รับสาย

240838

ทีมข่าวเดินทางมาวัดอัมพวันวนาราม (วัดม่วงค่อม) อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ซึ่งมีการจัดงานศพ น.ส.ธิดาเดือน เป็นคืนที่ 2 น.ส.กฤตชญ รุ่งแสง พี่สาวคนโตผู้ตาย นำทีมข่าวไปดูกระเป๋าใส่เสื้อผ้า 1 ใบ และถุงใส่ของใช้อีก 2 ถุงของน้องสาวที่นำติดตัวไปที่บ้านนายเอกพัฒน์วันเกิดเหตุ

544476

ประกอบด้วย เสื้อยืด 3 ตัว กางเกงยีนส์ขายาว 1 ตัว กางเกงยีนส์ขาสั้น 1 ตัว เสื้อชั้นใน กางเกงชั้นใน 4-5 ตัว เครื่องหนีบผม เครื่องสำอางใส่กล่องพลาสติกจำนวนมาก และผ้ารัดเข่า 1 คู่

656841

พี่สาวผู้ตายมั่นใจว่าน้องสาวไม่ฆ่าตัวตายแน่นอน ระบุว่า น้องสาวเตรียมเสื้อผ้าไปจำนวนมาก ตั้งใจว่าหากไม่ได้ลูกคืนจะนอนค้างบ้านสามี ไม่มีทางคิดสั้น ส่วนการที่ฝ่ายชายอ้างว่าได้ยินแค่เสียงกุกกัก ไม่มีทางเป็นไปได้ ต้องได้ยินมากกว่านั้น แต่ไม่ยอมเปิดประตูให้น้องสาวตน

728164

การที่นายเอกพัฒน์ บอกว่าน้องสาวตนพูดคำสุดท้ายว่า "หนูขอโทษ" ตนก็ไม่เชื่อ เพราะน้องสาวไม่ได้ทำอะไรผิด และปกติน้องไม่ใช่คนที่จะพูดขอโทษกับคนอื่นง่าย ๆ การกล่าวอ้างดังกล่าวเหมือนน้องสาวตนกลายเป็นฝ่ายผิด โดยเมื่อวานนี้นายเอกพัฒน์มาร่วมงานศพ แต่ไม่ได้พูดคุยกับตน และไม่ได้จุดธูปไหว้หน้าศพ ตนก็แปลกใจว่าอีกฝ่ายกลัวอะไรหรือไม่ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะติดตามคดีให้ถึงที่สุด โดยยังไม่เผาร่าง น.ส.ธิดาเดือน จนกว่าคดีจะคลี่คลาย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส