"ต้อม ณหทัย" เล่านาทีเฉียดตายถึง 2 ครั้ง ต้องใช้ชีวิตเป็นผู้พิการนับปี!

8 ก.ย. 63

ย้อนไป 30 ปีก่อน "ต้อม ณหทัย" ถือเป็นนักแสดงสาวฮอตที่มีทั้งงานบันเทิงและหนุ่มๆ มารุมจีบเพียบ แต่ใครจะรู้ว่าเกือบไม่มีนางร้ายหน้าสวยคนนี้มาประดับวงการบันเทิงไทยแล้ว เพราะช่วงก่อนเข้าวงการบันเทิงเต็มตัว เธอเกือบฆ่าตัวตายเพราะความรัก และนั่นก็เป็นจุดที่ทำให้ "ต้อม" ได้รู้จักธรรมะ และพาเธอรอดตายจากอุบัติเหตุครั้งใหญ่ได้ด้วยสติ รวมถึงสร้างกำลังใจให้รอดจากความพิการได้สำเร็จ วันนี้ชีวิตเธอเป็นอย่างไรบ้าง รายการ ต้มยำอมรินทร์ ต้องขอเชิญมาคุยแบบเน้นๆ หนักๆ กันไปเลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "พรศักดิ์ ส่องแสง" เล่าชีวิตขาลง เป็นบทเรียนสอนใจ พร้อมเปิดตัวลูกชายที่เดินตามรอยพ่อ
- นักร้องแหบมหาเสน่ห์ "ศิริพร อำไพพงษ์" เผยเหตุผลที่ไม่รับงาน!
- "บิณฑ์-เอกพันธ์" เผยความเหมือนที่แตกต่างของคู่แฝดบรรลือฤทธิ์
- "นุ่น รมิดา" เผยหลังแต่งงาน "หลุยส์" เปลี่ยนไปมาก พร้อมรับเดินสายมู ไหว้ขอลูก
- "เบนซ์ ปุณยาพร" ประกาศลั่นปีหน้าแต่งแน่!! แม้ไร้วี่แววเจ้าบ่าวก็ตาม
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่ 

s__60743755

ถาม ต้องบอกว่าเป็นนางร้ายระดับหลักล้าน ค่าตัวหลักล้าน สมัยก่อนนางร้ายไม่ค่อยรับงานพรีเซนเตอร์หรอกใช่ไหม

ต้อม : ใช่ค่ะ งานโฆษณาอะไรก็จะน้อย ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ ถ้าเป็นยุคนี้นะ สงสัยได้เป็นกอบเป็นกำ


ถาม แต่ตอนนั้นก็ดังมาก ดังจากนางร้ายใช่ไหม

ต้อม : ตอนนั้นน่าจะเป็นกระแสจากวังน้ำวน เขาโทรมาบอกว่า คุณต้อม ณหทัย ได้ เหมือนแบบส้มหล่น เราดีใจมาก เพราะว่าสมัยเกือบ 30 ปีที่แล้ว เงินล้านนึงนี่ เรายังเป็นเด็กอยู่ประมาณ 20 เอง แล้วมันได้ขนาดนั้นเราก็ตกใจมาก ดังมาก คือเป็นละครที่ต้องเรียกว่าดังจนแบบ ทำให้พลิกชีวิตเรา จากเด็กธรรมดา กลายเป็นพอไปไหน ลงจากรถตู้ คนกรูเข้ามา เรียกชื่อเราในละคร จะไม่ได้เรียก ณหทัย จะเรียกระรินๆ แล้วคือมากอด มาทึ้ง มาอะไร มาแบบร้องให้ใส่เราอะไรอย่างนี้


ถาม ตอนนั้นแสดงกับซุปเปอร์สตาร์ มาช่า และ ใหม่ เจริญปุระ 

ต้อม ใหม่นี่เขาดังมากในชุดกลับดึก คุณมาช่าก็ดัง สวย มาจากเล่นหนัง แล้วเราแบบเป็นใครก็ไม่รู้ โนเนม พอไปเล่นผลปรากฎว่าก็ดัง เรื่องนี้ฉุดให้เราขึ้นมาเป็นที่รู้จักเลย ตอนนั้นเป็นนางเอกนั่นแหละ เป็นนางเอก 3 คน แต่เป็นนางเอกที่ชัดเจนตรงไปตรงมา คิดยังไงพูดอย่างนั้น ออกแนวกล้าได้กล้าเสีย


ถาม เคยเป็นนางเอกละครมาก่อน

ต้อม : นางเอกเรื่องแรกเลย เข้าวงการปั๊บ เล่นละครเป็นนางเอก เรียกไปเราก็แบบยิ้มๆ ติ๋มๆ พี่จิ๋มก็บอก "โห..เนี่ย คนนี้นางเอก" นางเอกเลย เราไม่ได้พูดอะไรไง เรานั่งยิ้มอย่างเดียว ก้มหน้าแล้วก็ยิ้มอยู่อย่างนี้ไงเขาบอก "นี่แหละนางเอก เดี๋ยวฉันจะปั้น" เรื่องแรกคือเรื่อง "เดือนดับที่สบทา"


ถาม เรื่องเดียวดับไปเลยเรื่องนั้น สำหรับบทนางเอก

ต้อม : ใช่ ดับไปเลย ดีที่มีพี่หง่าวนี่แหละ มาช่วยฉุดขึ้นมาเล่นวังน้ำวน ถึงได้กลับมาเกิด แต่มาเกิดในบทนางร้าย ต่อด้วย “เพลิงพระนาง” ทีนี้ภาพความร้ายก็ยิ่งชัดเจนมาก


ถาม ผู้ชายตามเยอะใช่ไหมตอนนั้น

ต้อม : เยอะ เยอะมาก ผู้ชายมาจีบเยอะมาก จะมีเพื่อนคนนึงที่เป็นเหมือนผู้ติดตาม นางก็จะแบบรำคาญผู้ชายที่มาจีบเรามาก นางก็จะทำบัตรคิวไว้ บัตรคิวจริงๆ เลยนะ คนจีบเยอะ คือมีทุกเพศ ทุกวัย ทุกแบบ พวกป๋า พวกเสี่ยก็มาเยอะ จะบุญทุ่ม จะเลี้ยงดูเรา เรารู้สึกว่าเราดูแลตัวเองได้ จะปฏิเสธเขาไป แล้วก็มีอย่างพวกเกย์ก็มีนะ นี่ขวัญใจเกย์มากนะสมัยสาวๆ ขอแต่งงานเลย เกย์ขอแต่งงาน เป็นเพื่อนกันนี่แหละ ไปเที่ยวบาร์เกย์ ไปอะไรกันสนุกสนาน พอเสร็จวันนึงก็หันมา “เฮ้ย กูรักมึงว่ะ” อะไรอย่างนี้ เราก็ตกใจ จนเรารู้สึกว่ามันรักเราจริงเหรอ สุดท้ายเราก็ไม่ได้คบ เลิกคบกันไป เราก็ไม่คบกับเขา ไม่คบเลย แหม...มองหน้ากันไม่ติดแล้ว จากเพื่อนรักไปไหนไปกัน ไปค้างด้วยกันทั้งหลายที ดีมันไม่เลื้อยเรานะ ไม่ได้กันไงเพราะว่าเราไม่เอา เราแค่มองเป็นเพื่อน


ถาม มีคนมาจีบเยอะๆ หลงรักเยอะๆ ทำไมเราถึงไม่ชอบ 

ต้อม : เราอยากให้เขามองงานเรา อยากให้โฟกัสตรงความเป็นเรา เราเป็นคนที่รักการแสดง ต้อมเป็นเด็กนาฏศิลป์ เรียนการแสดงมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นตรงนี้มันซึมซับมันอยู่ในดีเอ็นเอของเรา เราก็เลยอยากให้เขามองตรงเรา ที่เราเป็นเรา ที่งานของเรา ไม่ใช่มองเราในภาพที่แบบมันดูฉาบฉวย ความเซ็กซี่ ความอะไร ในบทบาทนั้นเราก็ทำได้ แต่อยากให้คุณมองให้มันลึกไปกว่านั้น ตรงงานของเรา

ถาม แล้วคนเข้ามาจีบเยอะแยะ สุดท้ายไม่มีใครชนะใจเลยเหรอ ?

ต้อม : ก็มีบ้าง ไม่ใช่ไม่มี ในช่วงชีวิตก็มีเลิกๆ อะไรกันไปอย่างนี้ แต่สมัยก่อนไม่มีโลกโซเชียล จะจีบมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เขียนจดหมาย ส่งข้อความโน่นนี่นั่นไป แต่เราไม่ได้เป็นคนบ้าผู้ชาย คือเป็นคนชอบสนุกสนาน ชอบอยู่กับเพื่อน ชอบปาร์ตี้ ไปเต้นรำ เข้าผับ ไปเพื่อเต้นรำ เหมือนออกกำลังกาย ชอบเต้น ชอบเต้นมาก


ถาม แล้วชีวิตที่ผ่านมา เราไม่เลือกที่จะมีชีวิตคู่เพราะอะไร ไม่เจอคนถูกใจหรือตั้งใจจะอยู่แบบนี้

ต้อม : จริงๆ มันเคยเจอ เคยเจอตั้งแต่อายุน้อยๆ เลย เคยมีความรัก แล้วเราก็รู้ว่าพอมีความรัก ความรักมันคือทุกข์ ทุกข์จริงๆ เราเลยค่อนข้างจะขยาด กลัวๆ กับความรัก ที่ผ่านมา พอผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ เราฟื้นตัวเองได้แล้ว เราก็เลยระวัง เป็นคนระวังในเรื่องความรัก แล้วก็ไม่รู้สึกอยากมีครอบครัว ไม่รู้สึกอยากมีความผูกพันกับใคร เหมือนรู้สึกเลยแบบว่าที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์

s__60743754

ถาม เคยฆ่าตัวตายเพราะความรัก 

ต้อม ความรักครั้งแรกเกิดขึ้นในตอนที่อายุ 19 ก่อนวังน้ำวน ช่วงนั้นเราเริ่มจะเข้าวงการแล้ว ได้ถ่ายโฆษณานู่นนี่นั่นแล้ว แล้วเราก็เจอความรักครั้งนี้ เป็นความรักครั้งแรกของเรา มันไม่ได้เรียกว่าอกหัก ต้องเรียกว่าเป็นความรักที่ไม่สมหวังดีกว่า เพราะว่าความต่างของอายุของเขาที่มากกว่าเราประมาณ 10 กว่าปี เขา 30 คือความคิดที่สวนทางกัน เราอยากเข้าวงการ นี่คือความใฝ่ฝันของเราที่อยากเป็นนักแสดง แต่ขณะเดียวกันเขาอยากมีครอบครัว เขาอยากเริ่มต้นครอบครัว หรือลึกๆ เขาก็คงน่าจะหวงเราแหละ เขาถึงวัยแล้ว แต่เรายังเด็ก ก็คุยกันเริ่มไม่เข้าใจ เขาก็ไม่ซัพพอร์ตงานของเรา ไม่อยากให้เราเข้าวงการนั่นแหละง่ายๆ เราก็เลยต้องหัก ต้องเลิก เราก็เป็นคนหักบอกเขาแหละว่า ถ้าอย่างนั้นหนูขอเลิก คบกันประมาณเกือบๆ ปีนะ


ถาม ขอเลิกกับเขา แต่ทำไมถึงอกหัก ทำไมถึงไปบวช คิดฆ่าตัวตาย

ต้อม : เราไม่ได้อกหักไง เราแค่ผิดหวังในความรัก และเรารู้สึกว่าพอเราไม่มีเขาเนี่ย เราไม่รู้เลยว่าความรักมันจะเป็นทุกข์ขนาดนี้ พอไม่มีใครจริงๆ เรารู้สึกทำไมโลกมันมืด โลกมันแบบแย่มาก ชีวิตคือทุกข์มาก ทุกข์จริงๆ


ถาม ซึ่งตอนนั้นเรามีงานในวงการหรือยัง 

ต้อม : เริ่มมีแล้ว แต่ยังไม่ได้โด่งดัง แต่โชคดีนะมีคนมาช่วยทัน ก็เลยไม่ได้กินยา ไม่งั้นก็คงไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะว่าอารมณ์ของวัยรุ่นที่อกหักเนี่ยน่ากลัว เตือนไว้เลย ควรจะมีใครที่ให้คำแนะนำเขา เพราะมันแค่ช่วงเสี้ยววินาที เราเป็นคนรักชีวิตนะปกติแล้ว แต่วินาทีนั้น มันคงแบบทุกข์ จนมันอยู่ไม่ได้แล้ว สุดท้ายก็เลยขับรถไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปเจอสถานปฏิบัติธรรมที่นึงที่วัดป่า เราก็รู้สึกว่าเออมองไปแล้วดูสงบจัง เราก็เลยขับรถเข้าไป แล้วก็ขอเขาบวชชีพราหมณ์ ก็คือบวชเลย


ถาม โกนหัวด้วยไหม ?

ต้อม : ไม่โกน เกือบโกนแล้วแหละ แต่ดีว่าห่วงๆ ความสวยนิดนึง ก็เลยไม่โกน พอเข้าไปปั๊บ เห็นแม่ชีแต่งชุดขาวแล้วเดินกวาดใบไม้ ดูมันสงบ ก็ไปช่วยงานท่าน แล้วท่านก็สอนให้เราเดินจงกรม แค่แบบกำหนดนะ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอเนี่ย เฮ้ย!! ทำไมความรู้สึกที่เราเป็นทุกข์มันหาย เออ...มันหายไปไหน จากการที่เรากำหนดจิตเนี่ย อยู่กับขวาซ้ายเท้าที่เราเดิน มันเลยมีทริกกี้ที่เรารู้สึกว่ามันเริ่มมีอะไรดีแล้วตรงนี้ มันไม่ธรรมดาแล้ว ธรรมะของพระพุทธองค์ไม่ธรรมดาแล้ว พอนั่งสมาธิ มันอาจจะมีฟุ้งบ้างช่วงแรก แต่พอนั่งๆ ไป จิตมันเริ่มสงบ ความทุกข์ที่เราแบกมาก่อนที่เราจะมาเข้าปฏิบัติธรรมเนี่ย มันมีเยอะแยะไปหมด มันไปไหน ทำไมมันวางได้


ถาม แสดงว่าเจอเร็วมากนะ เจอตั้งแต่ 19 เนี่ย มีบุญมาก

ต้อม : ใช่ แล้วได้เรียนธรรมะกับหลวงพ่อสนอง ซึ่งท่านดังมาก ท่านอยู่วัดสังฆทาน ท่านเป็นคนสอนธรรมะเรา เราเลยเหมือนกับว่าได้ครูดีด้วย และเราเป็นคนเรียนรู้อะไรเร็ว พอเราได้ทำธรรมะตรงนี้ปั๊บ เราก็เลยเริ่มติดใจ บอกแม่ว่าเราจะขอบวชตลอดชีวิต จะบวชไม่สึก จะโกนหัวเลย ไม่อยากออกมาทางโลกแล้ว เพราะว่าทางธรรมมันทำให้เราสงบมาก สงบคือเกิดความสุขจากภายใน ไม่มีทุกข์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เราก็เริ่มแบบติดใจไง คุณแม่ก็มานั่งแบบลูก “สึกเถอะ งานมารอเยอะแยะแล้ว”

ต้อม : บวชแล้วก็ไม่ยอมสึก แม่ก็ต้องมาขอร้อง มานั่งทุกวัน มานั่งน้ำตาซึม สึกเถอะลูก บิลค่าใช้จ่ายก็มาเยอะแยะแล้ว อันนี้ด้วย ก็เลยทำให้เราก็บวชไม่ได้ บวชต่อไม่ได้ แต่ก่อนที่จะออกจากวัดเนี่ย ไปนั่งกราบพระประธาน น้ำตาไหลพรากเลย บอกท่านว่าถ้าเรามีบุญพอเนี่ย ขอให้เราได้ปฏิบัติธรรมหรือบวชชีอยู่กับพุทธศาสนา ความสงบร่มเย็นนี้ แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งนะ ก็เอาธรรมะที่เราได้เนี่ยกลับมาใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยอิริยาบถย่อย แต่ก็กลับมาบันเทิงอยู่ในวงการบันเทิงแบบโลดแล่น


ถาม ไม่ใช่ว่าไม่ได้คุยกับใครเลยหรือไม่ได้คบกับใครเลยหลังจากคนนั้น แต่ว่าเราระมัดระวังใจ 

ต้อม : มีๆ แต่มันก็ยังมีพลาด มันก็ยังมีพลาดบ้าง จนมีลูกคนนึงก็มี แต่ก็พอมีลูกปั๊บเนี่ย มันมาพลาดตอนอายุ 30 ก็พลาดจากการที่แบบนี้แหละ เขาก็มาดูแลเรา ดูแลกันไปดูแลกันมา เราก็มีลูกมาคนนึง แต่ก็ด้วยความที่เราเป็นคนที่ไม่อยากมีห่วง ไม่อยากมีคู่ ไม่อยากมีอะไรอยู่แล้ว ก็เลยปฏิเสธขออยู่คนเดียวอีก แต่ลูกก็อยู่กับเรา เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไปตลอด


ถาม แล้วตอนนี้คุณลูกอายุเท่าไหร่ 

ต้อม : คุณลูกอายุจะ 21 แล้วค่ะ

s__60743757

ถาม ชื่ออะไร ?

ต้อม : ชื่อน้องโนอาร์ค่ะ หน้าตาละม้ายคล้ายคุณแม่มากค่ะ หวานๆ ตอนนี้เรียนอยู่ปี 3


ถาม มีอยู่ช่วงนึง ชีวิตก็ผกผันอีกครั้งหนึ่ง กลายเป็นคนพิการไม่ได้ทำอะไรไม่ได้เลย 1 ปี ?

ต้อม ชีวิตขึ้นสูง เวลาลงก็ต่ำดิ่งมากเลย ขับรถอยู่บนทางด่วนดีๆ เสี้ยววินาทีมีคนเมามาชนเรา ชีวิตเปลี่ยนเลย เขามาจากไหนไม่รู้มาชนท้ายเรา มันเมา ตอนหลังมันให้การรับสารภาพว่ามันเมา ด้วยความแรงของรถมันที่ไม่แตะเบรค หลับใน มันชนเราจนรถเราออกไปข้างทางด่วน เรามองไปเห็นวิวข้างล่างเป็นรถไฟ จะตก(ทางด่วน)แล้ว แล้วโชคดีที่มีรถมาชนท้ายเรา หมุนอยู่ในทางด่วน ไม่งั้นเราหล่นทางด่วนแล้ว ต้องบอกไอ้รถคันที่สอง สามเนี่ย มาช่วยชีวิตเรา ต้องขอบคุณ จำได้ประมาณ 5 รอบ โชคดีที่เราคาดเข็มขัดนิรภัย

ต้อม :  ลูกชายอยู่ด้วย ลูกชายอยู่ข้างๆ ลูกชายเนี่ยบุญรักษาของแกจริงๆ แกไม่เป็นไรเลยนะ จำได้ว่าโดนชนปั๊บ แกอยู่ท่าแบบนี้(ก้มหน้าไปกับต้นขา)เหมือนเก็บคอเก็บคองอเข่าอัตโนมัติ โชคดีมาก ก่อนหน้าที่จะรถชน แกชอบไปเล่น รถเป็น volvo Van อะมันมี 3 ตอน แกจะคลานไปอยู่ข้างหลังที่เล่นของเล่นแกอยู่ข้างหลัง ก่อนหน้าเกิดอุบัติเหตุไม่กี่วินาที แกคลานมาหาต้อมข้างๆ แล้วมานั่งบนกล่องคอนโซล แล้วพอรถชนตึ้งปั๊บเนี่ย สัญชาตญาณแม่ จับเสื้อเขา เพราะเขาไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่แล้ว  ดึงไว้จิกไว้แน่นมาก จนจะกี่ตึ้งเนี่ย เราก็ถือพวงมาลัยมือเดียว กรงเล็บเหล็กจริงๆ จับลูกไว้แน่น จนรถหยุดลูกก็ยังอยู่ในมือเรา ลูกไม่ได้ไปไหนแต่ท่าอย่างนี้(ก้มหน้า) และนางก็ค่อยๆ เงยขึ้นมา “เฮ้ย!!รถชนนี่หว่า”


ถาม พิการปีนึงทำอะไรไม่ได้เลย?

ต้อม : ทำอะไรไม่ได้เลย อยู่ในสภาพคนพิการเลย แต่ตอนนั้นที่คนไม่ค่อยรู้ข่าวเพราะว่าต้อมไม่ยอมออกสื่อ บอกตรงๆ ว่าไม่อยากให้สื่อเห็นเราในสภาพแบบนี้


ถาม มันไม่ลงหนังสือพิมพ์เหรอ ประสบอุบัติเหตุขนาดนั้น

ต้อม : มันอาจจะมีลงนิดๆ แต่มันเป็นปีที่เกิดสึนามิพอดี คนก็เลยไปโฟกัสเรื่องของสึนามิ ไม่เห็นตรงนี้ เราเชื่อมั่นว่าเราต้องกลับไปแข็งแรง กลับไปเดินได้ กลับไปลุกขึ้นเต้นได้เหมือนเดิม


ถาม ตอนนั้นกลัวไหมว่าจะไม่หาย มันมีความเสี่ยงไหม 

ต้อม ลึกๆ เรามีเซนส์ว่าเราจะต้องกลับมา หมอก็ไม่ฟันธง หมอบอกก็ต้องกายภาพบำบัด อยู่ที่เราว่าจะสร้างกระดูกไปประสานกันได้จะเชื่อมกันเมื่อไหร่ เพราะว่าตอนโดนชนก็อายุ 36 แล้ว อยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่อาหารการกินด้วย แต่เราเชื่อมั่นว่าเราจะต้องกลับไปได้ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ให้ใครเห็นภาพตอนนี้ ก็เลยใช้เวลาประมาณปีนึง ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิม ไปผ่าตัดเอาเหล็กออกได้

ต้อม เราก็ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส เราขาหักแต่ใจเราไม่ได้เป็นอะไร เราก็นั่งกำหนดสมาธิไปเรื่อยๆ ฝึกสมาธิไป คือถือศีล 5 เลย อันดับแรกถือศีล 5 ก่อน ถ้าคุณมี 5 ข้อคลุมใจนะ ชีวิตคุณจะมีความสุขเลย คุณไม่ไปเบียดเบียนใคร ไม่ไปลักทรัพย์ใคร ไม่ไปเอาของใคร ลูกผัวใครเราไม่ยุ่ง ไม่ดื่มสุรา ใน 5 ข้อนี้ ทุกวันนี้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น แล้วก็เลยเป็นคนที่ทำบุญทุกรูปแบบ

s__60743756

ถาม ความรักเป็นยังไงตอนนี้ 

ต้อม : ตอนนี้ก็มีคนที่คบกันมาเกือบ 18 ปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้เป็นข่าว เขาเป็นคนนอกวงการ ก็อยากมีความเป็นส่วนตัว ไม่แต่งงาน แต่เขาเป็นคนที่อยากแต่งงานมาก เป็นผู้ชายที่อยากแต่งงาน ความใฝ่ฝันของเขาคืออยากแต่งงาน พอเขาเจอเราปั๊บ 4 เดือน เขาขอแต่งงาน 4 เดือนขอ 6 เดือนขอ 8 เดือนขอ ขอเรื่อยๆ ขอเป็นระยะๆ จนสุดท้ายเราไม่รู้จะทำยังไง เราก็บอก เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวคบถึง 20 ปีแล้ว ฉันจะแต่งด้วย ก็พูดไป คิดว่าจะไม่ถึงไง


ถาม แล้วถ้าถึง 20 ปี แล้วเขาขอ

ต้อม : ก็เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที ถ้าเกิดว่าเขายังอยากแต่ง เขาอาจจะไม่อยากแต่งก็ได้ ตอนนั้นใส่สูทก็พุ้ยแล้วไหมพุง ไม่ไหวแล้วนะ


ถาม  อยู่กันมานานขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่แต่ง 

ต้อม ต้อมรู้สึกว่าไม่อยากให้มีอะไรมากำหนด ผูกมัด เห็นคนแต่งงาน จดทะเบียนสมรสก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะมีความสุขและอยู่ด้วยกันตลอดไป มันมีข้ออะไรมาเป็นการชี้วัด ถ้าคนปฏิบัติธรรมมากๆ จะรู้ว่าเขาจะไม่ยึดกับอะไร แม้แต่แฟนเขาก็จะไม่ยึด


ถาม บางทีเขาก็อาจรู้สึกว่าให้เกียรติเรา การแต่งงานก็คือการให้เกียรติ ?

ต้อม : เรามีเกียรติของเราอยู่แล้ว ชวนกันเอาเงินไปทำบุญดีกว่า บอกเขาว่าเงินที่จะแต่งงาน ก็ต้องใช้งบนะ เป็นหน้าเป็นตาก็ต้องมี สี่ห้าแสนเอาไปสร้างพระประธานดีกว่า เอาไปสร้างคน สร้างสถานปฏิบัติธรรม สร้างอะไรอย่างนี้ดีกว่า

 

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส