"อยู่บ่ได้" มันเร่งเร้าโจ๋นครพนมตียับ หน้าเวทีคอนเสิร์ต "ครูเต้ย" แฟนเพลง 2 พันคนฮือหนีตาย

"โจ๋" ตีกันยับหน้าเวที!คอนเสิร์ตนักร้องดัง "ครูเต้ย อภิวัฒน์" งานไหลเรือไฟนครพนม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อกลางดึก วันที่ 27 กันยายน 2563 บริเวณด้านหลังศาลากลาง (หลังเก่า) ในงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 ก.ย.-4 ต.ค. รวม 10 วัน 10 คืน ซึ่งจัดแบบนิวนอร์มอลด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม

สำหรับในคืนดังกล่าวซึ่งเป็นวันที่สามของงาน มีคอนเสิร์ตนักร้อง-เน็ตไอดอลชื่อดัง “ครูเต้ย อภิวัฒน์” มาจัดแสดงท่ามกลางวัยรุ่นขาโจ๋แห่ซื้อตั๋วเข้าไปชมการแสดงร่วม 2,000 คนจนล้นออกไปด้านหลังเวที โดยมีการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารสห.อส.ฯลฯ กว่า 50 นายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ภ.จว.นครพนม นำกล้องวงจรปิดจำนวน 4 ตัวมาบันทึกภาพตั้งแต่คอนเสิร์ตเริ่มเปิดการแสดงไว้ทุกช็อต กระทั่งเวลา 22.40 น. ศิลปินชื่อดัง “ครูเต้ย อภิวัฒน์” ได้มาปรากฏตัวหน้าเวทีมีเสียงกรี๊ดสนั่นไปทั่วงาน

แต่นักร้องชื่อดังขวัญใจวัยโจ๋ได้ขึ้นร้องแล้ว 2 เพลงก็มาถึงเพลงฮิตชื่อ “อยู่บ่ได้” ซึ่งเป็นเพลงที่ 3 ขณะร้องเพลงดังกล่าวอยู่นั้นกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่หน้าเวทีร่วม 10 คนได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันหน้าเวทีการแสดงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสารวัตรทหาร (สห.)นรข.ตชด.ที่อยู่ใกล้พากันกรูเข้าล้อมผู้ก่อเหตุไว้ 4-5 คน

โดยเจ้าหน้าที่ได้จับผู้ก่อเหตุมัดเชือกไขว้หลังท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกลุ่มวัยรุ่นที่มุงดูการจับตัวไว้ได้ การก่อเหตุครั้งนี้ไม่มีอาวุธแต่อย่างใด ส่งผลให้คอนเสิร์ต “เต้ย อภิวัฒน์” หยุดการแสดงฉับพลันโดยไม่มีการแสดงต่อแต่อย่างใด

หลังก่อเหตุตีกันชุลมุนหน้าเวทีนักร้องวงแบ๊กอัพ “แอ็ดคาราบาวปลอม” ได้ขึ้นประกาศบนเวทีงดการแสดงโดยปริยายทำให้กลุ่มวัยรุ่นและขาโจ๋ที่มาชมและเต้นโห่ร้องแสดงความไม่พอใจต่อผู้ก่อเหตุหลังซื้อบัตรมาชมในราคา 100 บาท

อย่างไรก็ตามก่อนที่คอนเสิร์ตศิลปินวงดังกล่าวจะเริ่มทำการแสดงได้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าชุด ได้ขึ้นเวทีจับไมค์ประกาศให้วัยรุ่นที่มาร่วมงานห้ามลุกเต้นหน้าเวทีให้เต้นอยู่แต่ในกรงที่กั้นเป็นคอก แบ่งเป็นโซนไว้แต่วัยรุ่นไม่ฟังได้มาโยกเต้นหน้าเวทีกระทั่งเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันดังกล่าว
ส่วนกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาจาก ต.ท่าค้อและต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม โดยเฉพาะกลุ่มหลังแก๊งต.บ้านผึ้ง มีพฤติกรรมชอบก่อเหตุทะเลาะวิวาทในงานประเพณีต่างถือว่าเป็นขาประจำที่สร้างชื่อเสียแก่จังหวัดนครพนม ทั้งยังมีประวัติพัวพันกับยาเสพติดอีกด้วย