จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ้ม๊อยv+" โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับชายรายหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ และพยายามคุกคามข่มขู่หญิงสาวรายหนึ่งที่เป็นพนักงานขาย ล่าสุดได้แจ้งความแล้ว
เบื้องต้นทราบชื่อชายคนดังกล่าวคือ นายพลพรรค อายุ 47 ปี อดีตอาสาตำรวจงานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียน และได้ถูกทางสถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียนมีหนังสือคำสั่งปลดออกจากอาสาตำรวจงานป้องกันปราบปรามไปแล้ว เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 63
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สาวแฉหนุ่มอ้างเป็นตำรวจขึ้นห้องขอมี Sex โวเป็นผู้กองถูกจับโป๊ะเป็น อส.โดนไล่ออก
จากนั้น คืนวันที่ 28 ก.ย. 63 เวลา 23.50 น. พบว่านายพลพรรค ได้ไปก่อกวนร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านถนนเพรชตระกูล ทำให้ถูกทำร้ายร่างกายจนสลบไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายพลพรรคได้ขับรถจักยยานยนต์ไปยังร้านอาหารในเวลา 23.45 น. จากนั้นได้เข้าไปในร้าน พร้อมกับสวมหมวกกันน็อก โดยมีพนักงานร้าน การ์ด และนักร้องชาย พยายามบอกให้ออกไป เนื่องจากที่ร้านไม่ได้ต้อนรับ
ที่ผ่านมานายพลพรรคมีพฤติกรรมชอบแย่งดื่มสุราของลูกค้าดื่ม เดินก่อกวนลูกค้า และชอบอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ต่อมานายพลพรรคได้ชกต่อยพนักงานของร้าน ก่อนถูกลากตัวออกมาที่หน้าร้าน ทางนักร้องได้เข้าไปห้ามปราบ นายพลพรรคได้กวักมือเรียกแล้วใช้มือชกต่อยบริเวณจมูก ทำให้นักร้องชายมีเลือดไหลออกมา ก่อนที่จะมีการรุมประชาทัณฑ์กันเกิดขึ้นจนนายพลพรรคสลบไป นายพลพรรคได้รับบาดเจ็บตรงบริเวณใบหน้าช้ำ ตาขวาบวม ศีรษะด้านข้างฝั่งขวาแตก
ล่าสุดวันที่ 29 ก.ย.63 นายพลพรรค อายุ 47 ปี อดีตอาสาตำรวจ อ้างว่า ก่อนหน้านี้ตนรู้จักกับหญิงที่เป็นข่าวทางแอปฯหาคู่ มีความสัมพันธ์สนิทกัน ผ่านมาสักพักหญิงรายดังกล่าว ไปมีแฟนใหม่เป็นนักมวย และได้ด่าทอตน ทำให้ตนโกรธแค้นเคียงใจ จึงได้กลับไปแก้แค้น จนทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามตนขอไปสู้ในชั้นศาล
ส่วนกรณีที่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจนั้น ตนไม่ได้เป็นตำรวจจริง ที่เรียกผู้กองเป็นการเรียกที่แต่งตั้งขึ้นมาเอง และปีหน้าตนจะเป็นสารวัตร นอกจากนี้ ตนเป็นตำรวจงานป้องกันปราบปราม โดยได้เข้าฝึกอบรม ปฏิบัติงานมาแล้วกว่า 20 รอบ แต่สาเหตุที่ถูกปลด เนื่องจากตนมีปัญหากับทางตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เพราะตนรู้จักกับผู้กำกับ สนิทสนมกัน แต่ทางพนักงานไม่ให้ตนเข้าไปเจอเลยเกิดเหตุการทะเลาะวิวาท จึงถูกปลดไป ตนได้เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานจริง แต่ทางหน่วยงานยังไม่ได้ออกบัตรให้ ตนเป็นสายสืบทาง น.2 ช่วยตำรวจสืบจับยาบ้า ตนรู้จักกับรองผู้การฯ จ.ร้อยเอ็ด
นอกจากนี้ เมื่อวานที่ผ่านมาตนได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับทางร้านอาหาร เนื่องจากพนักงานไม่ให้ตนเข้าไป ขณะนั้นจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนที่ตนจะสลบไป
สำหรับมุมกฎหมาย ทนายนิติธร แก้วโต หรือ เจมส์ ระบุว่า การกระทำที่หลอกตัวเองเป็นตำรวจ เจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นพนักงาน ถือว่ามีความผิด ส่วนที่มีการบุกรุกเคหะสถานของฝ่ายหญิงก็มีความผิด หากพยายามจะบังคับขืนใจ เข้าข่ายหมิ่นประมาท ผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีได้