ปิดคดี! โจรชิงทองวังหินโคตรแสบ ซ่อนของกลางในพัดลมก่อนเผ่น ร้านทองแห่อายัดคดีเก่า (คลิป)

เมื่อวันที่ 30 ก.ย.63 ที่สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุวัฒน์ เเจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. เเถลงจับกุม นายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมภ์ ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทอง 216 บาท จากร้านทองห้างดังย่านลาดพร้าว-วังหิน ได้ที่ อ.ปากชม จ.เลย ขณะกำลังจะหนีออกประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติย้อนหลัง พบเคยก่อเหตุชิงทองมาเเล้วหลายครั้ง

โดยนำของกลางมาร่วมเเถลง ประกอบด้วย ทองคำรูปพรรณ 22 เส้น น้ำหนักรวม 104 บาท จากที่ถูกขโมยไป 216 บาท หมวกกันน็อก วิกผม เสื้อผ้าที่ใส่วันก่อเหตุ พัดลม เเละตู้ลำโพงขนาดกว้าง ครึ่งฟุต ยาว 1 ฟุต

โดยผู้ต้องหา ให้การรับสาภาพถึงมูลเหตุจูงใจ ว่าเคยได้รับเงินจากการปล้นร้านทองที่ จ.ขอนเเก่น จำนวน 7 เเสนกว่าบาท เมื่อปีก่อน จากนั้นได้ใช้สอยจนเงินหมด ไม่มีเงินใช้ จึงวางเเผนมาก่อเหตุที่ห้างโลตัส-วังหิน

ก่อนก่อเหตุมีการดูลาดเลาร้านทองหลาย ๆ ร้าน ประมาณ 1 เดือน จึงเลือกห้างโลตัส-วังหิน เพราะมองว่าระบบรักษาความปลอดภัยหละหลวม จากนั้นมีการเตรียมรถจักรยานยนต์ โดยพ่นสีทับเลขเครื่อง ตัวถัง เเล้วปลอมเเปลงการเเต่งกาย ใส่วิกผม ใส่หมวกกันน็อก สวมเสื้อทับ 2 ชั้น ก่อนลงมือชิงทรัพย์ นำทองใส่กระเป๋าเป้สีดำ

หลังจากก่อเหตุเสร็จได้ถอดเสื้อ ถอดเป้ใส่ถุงดำ พร้อมกับทิ้งรถไว้ที่อะพาร์ตเมนต์ ภายในซอยเสนานิคม 1 เเล้วออกมาเรียกรถเเท็กซี่คันที่ 1 ไปลงที่หน้าห้างฯ ย่านลาดพร้าว

จากนั้นเดินหลบกล้องวงจรปิด ต่อรถเเท็กซี่คันที่ 2 ที่สวนจตุจักร เเละต่อรถเเท็กซี่คันที่ 3 มาลงที่สถานีขนส่งหมอชิต พร้อมได้นัดหมายเเฟนสาวชาวลาว ชื่อ น.ส.จันดา หรือน้อย จันทร์โศก อายุ 24 ปี โดยเเฟนได้นำพัดลมมาให้ จึงนำทองเเละอาวุธปืน ซุกซ่อนในฐานของพัดลม เเล้วให้เเฟนนำพัดลมไปให้ นายสุริยันต์ นิลบรรพต หรือนายมอส อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นญาติลูกพี่ลูกน้อง ที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม เเละยังเเบ่งทอง 3 เส้นให้เเฟนเก็บไว้

ส่วนตนนำทองติดตัวมา 1 เส้น เเล้วต่อรถทัวร์มาลงที่ จ.เลย ก่อนต่อรถกระบะเหมาจ้าง มาส่งที่อำเภอปากชม กระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว ด้านเเฟนสาว หลังจากส่งพัดลมให้นายมอส ก็หนีไป จ.หนองคาย ก่อนถูกตำรวจจับได้ พร้อมทองคำ 3 เส้น ส่วนนายมอส หลังจากได้รับพัดลม ก็นำทองออกมาใส่ไว้ในตู้ลำโพง ก่อนถูกจับได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยนายชัยมงคล รับว่า เคยก่อเหตุชิงทอง ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เมื่อปี 53 ได้ทองไปน้ำหนักกว่า 60 บาท ก่อนถูกจำคุกและพ้นโทษออกมาเมื่อปี 62 ซึ่งในปีเดียวกัน ได้ก่อเหตุอีกครั้งที่ จ.ขอนแก่น ได้ทองไปน้ำหนักกว่า 400 บาท จากนั้นหลบหนีไปที่ สปป.ลาว ซึ่งจากนี้ ตำรวจจะขยายผลถึงทองคำของกลางที่เหลือต่อไป

สำหรับข้อหา นายชัยมงคล เเละ น.ส.จันดา ความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งของ โดยมอบหน้าที่ หรือทำด้วยประการอื่น เพื่อไม่ให้เห็นหน้าหรือจำหน้าได้ ใช้อาวุธปืน ใช้ยานพาหนะ กระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และมีอาวุธหรือโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนายสุริยันต์ หรือมอส นิลบรรพต อายุ 37 ปี ความผิดฐาน รับของโจร

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จากการทำงานตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่แผนประทุษกรรมของผู้กระทำผิด มีรูปแบบเดิม ๆ แต่บางอย่างอาจเปลี่ยนไป แต่มั่นใจว่า ตำรวจมีความสามารถมากกว่า แต่อาจไม่ทันผู้ก่อเหตุที่ชิงลงมือก่อน ซึ่งจากนี้จะต้องเน้นเรื่องการป้องกันเหตุ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนด้วย เช่น คดีนี้ที่พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะเลือกร้านทองที่สามารถเข้าถึงเคาน์เตอร์ได้ง่าย ที่ผ่านมาตำรวจพยายามประสานให้เจ้าของร้านทอง มีการติดตั้งลูกกรง หรือแผงกั้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการประทุษร้ายต่อทรัพย์

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจ สน.โชคชัย คุมตัวนายชัยมงคล ใจบุญอุปถัมภ์ อายุ 38 ปี ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ สาขาเทสโก้โลตัสวังหิน แขวงและเขตลาดพร้าว ได้ทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณจำนวน 216.5 บาท รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท มาทำแผนชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ 2 จุด โดยจุดแรกบริเวณร้านทองเยาวราชกรุงเทพ สาขาเทสโก้โลตัสวังหิน ซึ่งเป็นจุดที่นายชัยมงคล ได้ใช้อาวุธปืนก่อเหตุชิงทรัพย์

โดยนายชัยมงคล รับสารภาพว่า ก่อเหตุชิงทรัพย์เพียง 3 ครั้ง ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น จ.ปทุมธานี และกรุงเทพฯ ส่วนกรณีการชิงทองย่านพระราม 4 ตนขอปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่มีส่วนรู้เห็นทั้งสิ้น แม้จะมีแผนประทุษกรรมที่คล้ายกัน ส่วนที่ก่อเหตุเพราะต้องการนำเงินไปช่วยเหลือญาติที่กำลังมีคดีอยู่ เเละช่วยเหลือญาติพี่น้อง

"ผมเคยก่อเเค่ 3 ครั้ง ไม่ใช่ 4 ครั้ง เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งผมเป็นเเพะรับบาป ต้องติดคุก 5 ปี ญาติได้นำเงินมาช่วยเรื่องคดีที่ผมไม่ได้ทำ ผมเลยมาก่อเหตุเพื่อนำเงินไปให้ญาติ ส่วนทองที่เหลือเอาไปให้เพื่อนหมดเเล้ว"

จากนั้นตำรวจได้นำตัวไปทำเเผนจุดที่ 2 บริเวณข้างคลองลาดพร้าว หลัง วัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนานิคม) เขตจตุจักร ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ระหว่างทางได้ถอดเสื้อทิ้งโยนทิ้งลงในคลองลาดพร้าว ก่อนนำรถไปทิ้งไว้ที่อะพาร์ตเมนต์ ซอยเสนานิคม 1

พ.ต.อ.พรทวี สมวงศ์ ผกก.สน.โชคชัย เปิดเผยว่า ผู้ต้องหามีอาการเครียด เจ้าหน้าที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นผู้ต้องหายินยอมมาชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ 2 จุด คือบริเวณร้านทองที่เกิดเหตุ และจุดทิ้งเสื้อ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ น.ส.จันดา เเฟนสาวชาวลาวของผู้ต้องหา เข้าเมืองมาโดยถูกกฎหมาย แต่ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาไม่สามารถกลับประเทศได้ ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า นำเงินไปช่วยคดีให้ญาติและจะนำเงินอีกส่วนหนึ่งไปใช้ตั้งตัวในประเทศลาวกับภรรยา ส่วนที่ผู้ต้องหาบอกกับสื่อว่าเคยเป็นเเพะรับบาปในคดีที่ไม่ได้ก่อนั้น ผู้ต้องหาจะอ้างอย่างไรก็ได้ เเต่ตำรวจยึดหลักฐานเป็นหลัก ส่วนนายสุริยันต์ วันนี้ได้นำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาในข้อหารับของโจรเรียบร้อยแล้ว

ด้านนายชัยมงคล กล่าวสั้น ๆ ก่อนถูกนำตัวขึ้นรถ ว่า "คดีที่ขอนเเก่นผมทำ เเต่ญาติผมไม่ได้ทำ เเละต้องมารับโทษเป็นเเพะเเทนผม จึงอยากขอความเป็นธรรมให้ญาติผมพ้นคดี"

โดยหลังจากทำแผน 2 จุดแล้วเสร็จ ใช้เวลารวม 30 นาที ตำรวจได้คุมตัวนายชัยมงคลกลับไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมที่ สน.โชคชัย ก่อนที่ในวันที่ 1 ต.ค.63 จะนำตัวนายชัยมงคลและน.ส.จันดา ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา ต่อไป

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ร้านทองแม่ทองพูล สาขาบิ๊กซีขอนแก่น นางสุกัญญา ศรีคงเพ็ชร อายุ 30 ปี ผู้จัดการร้าน กล่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่พอทราบข่าวว่ามีการชิงทองที่ร้าน ทางเจ้าของร้านก็รีบโทรแจ้งให้ตนเข้ามาตรวจสอบทองที่ร้านทันที และคอยติดตามข่าวมาตลอด จนกระทั่งวันนี้ดูข่าวทราบว่าตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายได้แล้ว ก็รู้สึกดีใจมาก ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ทางเจ้าของร้านก็ได้ติดตั้งลูกกรงที่มีความแข็งแรง รวมถึงจัดให้มีเจ้าหน้าที่อส.ตร.มาช่วยดูแลหน้าร้าน

นอกจากนี้ยังมีการอบรมให้ความรู้พนักงาน เกี่ยวกับการสังเกตพฤติกรรมของบุคคลต้องสงสัยอีกด้วย ตนและพนักงานจึงมีความรู้สึกอุ่นใจ และปลอดภัยมากขึ้น

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปที่อะพาร์ตเมนต์เเห่งหนึ่ง ภายในซอยพหลโยธิน 34 ซึ่งผู้ต้องหาเคยอาศัยอยู่ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสุภาพร เกสร เจ้าของอะพาร์ตเมนต์ เปิดเผยว่า นายชัยมงคล เเละเเฟนสาวชาวลาว มาอาศัยอยู่ที่นี่ได้ประมาณเดือนครึ่ง ย้ายเข้ามาอยู่กลางเดือน ส.ค.63 โดยมีเพื่อนของฝ่ายหญิงที่อาศัยอยู่ก่อนเเล้วเเนะนำมา เเละทั้งคู่ก็ย้ายออกเมื่อวันศุกร์ที่ 25 ก.ย.63 ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุเพียง 2 วัน โดยให้เหตุผลว่าจะไปอยู่ที่ สปป.ลาว

ปกติเเล้ว นายชัยมงคล จะนอนอยู่ในห้องอย่างเดียว มีเพียงตอนเช้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งแฟนสาว และไปรับตอนเย็น ตนไม่ทราบมาก่อนว่านายชัยมงคล เคยก่อเหตุชิงทองหลายครั้ง เเละหนีคดี เพราะตอนที่ย้ายเข้ามาตนไม่ได้ตรวจสอบเอกสาร เนื่องจากเห็นว่ามีคนรู้จักอยู่ที่นี่ จึงให้เเฟนสาวเซ็นชื่อเข้าพัก ที่ผ่านมานายชัยมงคลดูเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร เเละก่อนที่จะย้ายออก ยังนำผลไม้มาให้ตนถึง 3 วันติด

ทั้งนี้ตนคาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนร้าย เมื่อทราบข่าวก็ตกใจมาก เเต่เมื่อตำรวจจับตัวได้ก็สบายใจขึ้น หลังจากนี้ก็จะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในเรื่องการรับคนมาพักอาศัย โดยเฉพาะเรื่องเอกสาร หรือบัตรประชาชน ก็จะตรวจสอบให้ละเอียด