ทันตแพทย์สติหลุดรักษาคนไข้ไม่ได้ คาใจ รพ.ฉีดสีเมียตั้งท้อง ดันวินิจฉัยเป็นนิ่ว (คลิป)

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กของหมอฟันรายหนึ่ง โพสต์บอกเล่าเรื่องราวและร้องความเป็นธรรมจากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ กรณีที่ภรรยาเข้ารับการรักษาตัวด้วยอาการปวดท้องน้อย คลื่นไส้ อาเจียน แล้วแพทย์สงสัยว่าอาจจะเป็นนิ่วทางเดินปัสสาวะ จึงฉีดสารทึบรังสี เพื่อเอกซเรย์คอมพิเตอร์ช่องท้องส่วนล่าง แต่ปรากฏว่าเกิดอาการแพ้จนอาการทรุดหนัก และเสียชีวิตในที่สุด

ทั้งนี้หมอฟันหนุ่มคนดังกล่าว เล่าเหตุการณ์ ดังนี้ "ภรรยาของผม (กิ๊ฟ) มีอาการปวดท้องน้อย ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ย.63 อาการคือปวดท้องน้อยมา 3 - 4 วัน คลื่นไส้อาเจียน 1 สัปดาห์ กิ๊ฟและผมตัดสินใจเลือกคลินิกอายุรกรรมทางเดินอาหาร เพราะในเบื้องต้นไม่แน่ใจว่า อาการปวดท้องเกิดจากอะไร

คุณหมอแจ้งกับกิ๊ฟว่า สงสัยนิ่วทางเดินปัสสาวะและให้กิ๊ฟแอดมิทเพื่อทำการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่องท้องส่วนล่างที่มีการฉีดสารทึบรังสีที่ห้องเอกซเรย์ กิ๊ฟเกิดอาการแพ้สารทึบรังสีขั้นรุนแรงที่สุด จากเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมากภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้จะอยู่ในมือแพทย์และโรงพยาบาลชั้นนำ แต่อาการกลับทรุดหนัก จนทำให้กิ๊ฟได้จากไปโดยไม่มีวันกลับมา

เหตุการณ์สุดท้ายที่จำได้ที่โรงพยาบาล คุณหมอเดินเข้ามาบอกผมว่า พบถุงการตั้งครรภ์จากผลเอกซเรย์ แพทย์ได้สวนปัสสาวะร่างที่ไร้วิญญาณ ยืนยันแล้วพบว่าตั้งครรภ์จริง ๆ ผมหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดกับภรรยาว่า...อ้าวท้องเหรอ เรากำลังจะมีลูกนี่ รอตั้งนานเลยนะ จุดนี้ไม่รู้จริง ๆ ว่า ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดี

หลังจากนั้นครอบครัวรีบนำร่างกลับบ้านเกิดเพื่อทำพิธีทางศาสนา ตอนนั้นครอบครัวรู้สึกติดใจกับเหตุการ์ณที่เกิดขึ้น จึงขอเอกสารการรักษามาดู แต่ต้องไปขอหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งไม่ครบถ้วน ด้วยเหตุนี้ทางเราจะยื่นเอกสารกับทางแพทยสภา เพื่อขอความยุติธรรมในการตรวจสอบ โดยไม่มีการแทรกแซงใด ๆ เพื่อให้มีการตรวจสอบอย่างใสสะอาดที่สุด"

ล่าสุดวันที่ 30 ก.ย.63 ทันตแพทย์ธีระวุฑฒ์ หวงสุวรรณากร อายุ 35 ปี ทันตแพทย์เจ้าของคลินิกทำฟันแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วยพ่อและแม่ เปิดเผยกรณีที่เกิดขึ้นว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.63 ช่วงเช้าได้พา "กิ๊ฟ" ผู้เป็นภรรยา วัย 35 ปี ที่มีอาการปวดท้องคลื่นไส้อาเจียนไปพบแพทย์ เพื่อตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่

โดยเชื่อมั่นและหวังได้รับการรักษาที่ดี ซึ่งแพทย์ได้ตรวจเบื้องต้น สงสัยว่าจะเป็นนิ่วในไตต้องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ จึงพากันกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าแล้วมาส่งภรรยาที่โรงพยาบาล เตรียมเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

จากนั้นประมาณ 13.00 น. ตนได้แยกตัวกลับไปทำงาน แต่ปรากฏว่าช่วงบ่ายได้รับแจ้งว่าภรรยามีอาการแพ้สารทึบรังสีที่ฉีดเข้าไปเพื่อเอกซเรย์ โดยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงรีบไปหาที่โรงพยาบาล แต่พบว่าอาการหนักต้องเข้าไอซียู และมีการปั๊มหัวใจ ซึ่งตอนแรกแพทย์บอกว่า อาการทรงตัวและเห็นว่าอยู่ในการรักษาของแพทย์แล้ว อีกทั้งเป็นโรงพยาบาลชื่อดังจึงวางใจ แต่ปรากฏว่าภรรยาอาการแย่ลง และเสียชีวิตในที่สุด เวลาประมาณ 19.00 น.

รวมทั้งทราบเพิ่งทราบจากแพทย์ภายหลังภรรยาเสียชีวิตแล้วว่า ภรรยากำลังตั้งครรภ์ เพราะตรวจพบถุงตัวอ่อนอายุประมาณ 6-7 สัปดาห์ ซึ่งยิ่งทำให้รู้สึกเสียใจและสูญเสียยิ่งขึ้นไปอีก โดยไม่เคยทราบมาก่อน ทั้งนี้หลังเกิดเรื่องได้พยายามขอคำอธิบายจากโรงพยาบาล แต่ไม่ได้รับคำอธิบายที่ชัดเจน นอกจากระบุสาเหตุการตายว่าน้ำท่วมปอด จากอาการแพ้ยาและอ้างว่ารักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์

พ่อแม่ของหมอฟันหนุ่ม บอกว่า ขณะที่ช่วงจัดงานศพได้รับเพียงพวงหรีด 2 พวงเท่านั้น และไม่เคยมีคำขอโทษ ส่วนการเยียวยาครอบครัวนั้น ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า จะเยียวยาด้วยการช่วยลดค่ารักษาพยาบาลให้พ่อแม่ผู้เสียชีวิตแทน จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมว่าโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้บกพร่องในการรักษาหรือไม่ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่พ่อและแม่ของภญ.ปวีร์ธิดา หวงสุวรรณากร ผู้เสียชีวิต ยังทำใจไม่ได้ ปฏิเสธการให้ข่าว แต่อนุญาตให้เฉพาะถ่ายภาพสภาพของบ้าน ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา  ที่ถูกปิดไว้อย่างมิดชิด และไม่มีใครอยู่ภายในบริเวณบ้าน

โดยทางทีมข่าวได้ติดต่อกับพ่อน้องกิ๊ฟ ระบุว่า ในขณะนี้พ่อและแม่มีอาการเสียใจ และยังไม่สามารถทำใจได้ กับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น จึงไม่พร้อมที่จะให้ข่าว โดยเรื่องราวทั้งหมดอยากจะให้เป็นหน้าที่ของลูกเขย เนื่องจากตนไม่ทราบรายละเอียดของการเสียชีวิตดังนั้นจึงอยากให้ลูกเขยเป็นผู้ดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ทั้งหมด