2 เพื่อนรักถูกเลิกจ้าง กอดคอหางานทำแต่ถูกอมค่าจ้าง 40 บาท แค้นใช้เสียมตีไม่ยั้งเสียชีวิต
วันนี้(1 ต.ค.) ร.ต.อ.พิทักษ์ สิงคำรองสารวัตร(สอบสวน) สภ.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ นำตัวนายสิทธิกร สุขแสง อายุ 31 ปี อยู่เลขที่ 120/3 หมู่ 9 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังก่อเหตุใช้ด้ามเสียมเหล็กตีนายเอกราช มูลทอง อายุ 49 ปี จนเสียชีวิตบริเวณใต้ถุนบ้านของผู้ตายเลขที่ 28 หมู่ 5 ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง โดยตำรวจได้ตามจับกุมนายสิทธิกรผู้ก่อเหตุ ได้ที่ถนนหลังโรงเรียนบ้านเขว้า หมู่ 4 ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ผ่านมา ระหว่างกำลังหลบหนีไป จ.ชลบุรี
นายสิทธิกร ผู้ต้องหา ให้การกับตำรวจว่า ก่อนหน้านี้ตนกับนายเอกราชผู้ตายทำงานอยู่จ.ชลบุรี หลังจากถูกเลิกจ้างจากโควิด-19 ทำให้ไม่มีงานทำ ผู้ตายจึงชวนตนมาหางานทำที่จ.บุรีรัมย์ โดยได้ไปอาศัยอยู่บ้านแม่ของนายเอกราชและหารับจ้างทั่วไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนจะขอให้การในชั้นศาลบอกได้เพียงว่ามีปัญหาส่วนตัวกับผู้ตาย
นางสมั่น มูลทอง อายุ 80 ปี แม่ผู้ตายเล่าว่า เมื่อเดือนเศษที่ผ่านมาลูกชายพานายสิทธิกรมาขออาศัยอยู่ที่บ้านเพราะตกงาน ตนก็ให้อยู่เพราะเห็นรักกันดี โดยให้กินอยู่ที่บ้านทั้งหมดและทั้งสองคนจะพากันไปหารับจ้างทั่วไป ทั้งเกี่ยวหญ้า กรอกข้าวเปลือก ได้ค่าจ้างวันละ 100-200 บาท พอช่วงเย็นก็ซื้อเหล้ามากินเป็นประจำ วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 21.00 น. ตนเห็นทั้งสองคนทะเลาะกัน ก่อนเริ่มชกต่อย จึงได้เข้าไปห้ามแต่ถูกนายสิทธิกรด่ากลับมาว่าอย่ามายุ่ง และเห็นนายสิทธิกรใช้สิ่งของทุบลูกชายตัวเองไม่ยั้งจนกระทั่งมีชาวบ้านได้ยินเสียงออกมาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลคูเมืองและเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังก่อเหตุนายสิทธิกรอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป
ด้านนายโพธิ์ มูลทอง อายุ 79 ปี พ่อผู้ตาย เล่าว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงทั้งสองคนทะเลาะกันเรื่องเงินค่าจ้างโดยผู้ก่อเหตุได้พูดคำว่า "พี่ไม่น่าโกงค่าแรงผม” เพราะลูกชายเป็นคนรับเงินค่าจ้างมาแล้วเอามาแบ่งกัน เท่าที่ทราบเงินหายไป 40 บาท ซึ่งอาจจะเป็นมูลเหตุของการฆ่าลูกชายในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามตำรวจตั้งข้อหานายสิทธิกรในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
