จากกรณีกระเเสข่าวที่ที่มีผู้เสียหายกว่า 10 รายรวมตัวกันหอบหลักฐานเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจเชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับ “คุณภิญญลักษณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์” อายุ 49 ปี ผู้เป็นแม่ของอดีตนางงาม "แนท อนิพรณ์" มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ซึ่งทางผู้เสียหายนั้นได้ระบุว่าทาง "คุณภิญญลักษณ์" หลอกชักชวนลงทุนทำธุรกิจโมเดลลิ่ง และงานถ่ายโฆษณาให้สินค้าชื่อดัง จนทำให้เสียหายรวมหลายล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “แนท อนิพรณ์” เผยรู้เรื่องแม่ถูกทวงหนี้หลักล้านพร้อมสื่อ แจงไม่ขอยุ่งเกี่ยวในเรื่องคดีความ
- "แม่แนท อนิพรณ์" เปิดใจปมเหยื่อแฉหลอกลงทุนสูญเงินล้าน ผิดเองหมุนเงินไม่ทัน
ล่าสุดจากข่าวดังกล่าวก็เริ่มมีคนที่ตกเป็นเหยื่อต่างออกมาแสดงตัว เพื่อเรียกร้องขอเงินในส่วนที่ลงทุนคืน เช่นเดียวกับคนในวงการบันเทิง อย่าง "แอน มรกต" อดีตนักแสดงสาวสายเซ็กซี่ ก็โดนไปด้วย โดยเจ้าตัวเผยถึงเรื่องราวที่มาที่ไปว่า เริ่มต้นส่วนตัวก็รู้จักกันมาประมาณ 2 -3 ปีที่แล้ว ส่วนสาเหตุที่เราไว้ใจและตัดสินใจร่วมลงทุนนั้นเพราะเขาเองก็เป็นคนที่เรารู้จักและอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนกัน ตลอดจนลูกสาวของเขาเองก็มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง จึงไม่คิดว่าน่าจะมีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ตามในส่วนของการชักชวนไปร่วมทำธุรกิจนั้น เริ่มต้นจากที่เขาเองได้ทักข้อความมาทางไลน์ ว่ากำลังทำธุรกิจเกี่ยวกับโมเดลลิ่งเกี่ยวกับการดิลดาราศิลปินไปออกงาน หรือโฆษณาทางโซเชียล ซึ่งพอเราเองสนใจก็ได้มีการนัดไปพูดคุยรายละเอียด หลังจากที่เขาขายงานให้เราฟัง ตนเองเลยตัดสินใจร่วมลงทุนกับทางเขา โดยจะเป็นแบบการลงทุนเป็นงานๆไป ช่วงเเรกที่ลงทุนจะเป็นจำนวนเงินหลักหมื่น หลังผ่านไปไม่นานเขาเองก็ได้มีเงินในส่วนของกำไรคืนกลับมาให้ตลอด ด้วยความที่เราเองก็เห็นว่ามันโอเค เลยตัดสินใจลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นหลักแสน แต่พอมาช่วงหลังๆก็เริ่มมีความผิดปกติ จากที่เคยได้เงินส่วนแบ่งจากการลงทุนภายใน 30 วัน ก็กลับเป็นไม่ได้ และอีกฝ่ายเองก็เริ่มผลัดวันประกันพรุ่ง บอกเเค่ว่าเดียวจะจัดการให้ โดยที่เขาเองก็ไม่ได้เเจ้งสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น
"คุณแอน" เผยอีกว่า ในส่วนเงินรวม ๆ ที่ลงทุนของตนนั้นรวมๆแล้วประมาณหนึ่งแสนกว่าบาท แต่หากรวมของผู้เสียหายที่ตนได้พูดคุยกว่า 10 ราย ยอดรวมน่าจะอยู่ที่หลายล้านบาท รับสถานะความสัมพันธ์ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก พร้อมที่จะพูดคุยกันได้ หากอีกฝ่ายจะเข้ามาเคลียร์ ทั้งนี้ส่วนตัวยังสงสัยว่าอีกใ่ายนำเงินจำนวนมากขนาดนั้นไปทำอะไร ทั้งที่ตนเองตรวจเช็กถึงงานที่เขาบอกว่าได้ไปคุยมา ซึ่งทุกวานที่บอกนั้นไม่มีอยู่จริง
อย่างไรก็ตามส่วนตัวก็อยากจะอ้อนวอนผ่านสื่อ ว่าหากเขาเคลียร์ส่วนตัวขอแค่ทุนคือ โดยที่ในส่วนของกำไรนั้นไม่ต้องก็ได้ หรือหากอีหฝ่ายไม่มีเงินก้อนส่วนตัวก็พร้อมจะให้อีกฝ่ายผ่อนจ่ายก็ได้ เผยส่วนตัวไม่ได้มีการพูดคุยถึงปัญหากับทางลูกสาวของอีกฝ่าย เพราะมองว่าปัญหานี้เป็นเรื่องราวของคุณแม่เขา เลยไม่อยากจะเข้าไปยุ่งในส่วนของลูกสาว ลั่นส่วนตัวยื่นคำขาดให้เวลาเข้ามาเคลียร์แค่อีก 1 สัปดาห์หากยังเพิกเฉยส่วนตัวเล็งดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนตัวมีหลักฐานเกี่ยวกับสัญญาทุกครั้งที่ร่วมลงทุน
ทั้งนี้ในส่วนของตนเองนั้นที่ออกมาพูดครั้งนี้ก็อยากจะอีกหนึ่งช่องทางที่สื่อสารกับเขา เพราะตนเองก็ลำบากในเรื่องของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ "ต่อมหมวกไต ตลอดจนเกี่ยวกับฮอร์โมน" ซึ่งต้องได้รับการรักษาและกินยามาโดยตลอด ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นตกอยู่ที่ปีละ 400,000-500,000 บาท
