หนุ่มลั่นไม่ยอม ซื้อบ้านหลักล้านทิ้งไว้ 4 ปี เพื่อนบ้านบุกมาอยู่แทน ซ้ำทำพังทั้งหลัง (คลิป)

5 ต.ค. 63

จากกรณีวันที่ 2 ต.ค. 63 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Maruay Teekatanasakul" เผยภาพพร้อมเรื่องราว ไม่อยู่บ้านมา 4 ปี แต่พอกลับมาถึงบ้านกลับถูกเพื่อนบ้านตัดกลอนเข้ามาอยู่อาศัย พ่วงไฟจากบ้านตัวเองเข้ามา ทั้งเครื่องปรับอากาศ ปั๊มน้ำก็หายไป บ้านอยู่ในสภาพเสียหาย มีการเอาปากกามาขีดเขียนบนบริเวณผนัง สภาพแทบกลายเป็นบ้านร้าง

818621456452805395864889

ล่าสุดวันที่ 5 ต.ค. 63 นายมารวย ทีฆะสกุล อายุ 31 ปี เจ้าของบ้านผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองได้ซื้อบ้านหลังดังกล่าวที่ อ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ราคา 3.5 ล้านบาท เพื่อทำธุรกิจกับภรรยา แต่ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตนเองและภรรยามีความจำเป็นต้องไปทำธุรกิจด้วยกันที่ จ.เชียงใหม่ ไม่ได้มีโอกาสได้กลับไปที่บ้านหลังดังกล่าว

721828

กระทั่งวันที่ 30 ก.ย. 63 ตนเองกับภรรยาเดินทางกลับไปเยี่ยมแม่ของภรรยาที่ จ.ภูเก็ต จึงมีโอกาสได้กลับไปดูบ้าน กลับพบว่า บ้านของตนเองมีรถยนต์ของคนข้างบ้านจอดอยู่ พร้อมทั้งเห็นมีการต่อพ่วงสายไฟจากบ้านข้าง ๆ มายังบ้านของตนเอง จนเองจึงเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน พบว่าเพื่อนข้างบ้านของตนเองเข้ามาอยู่ในบ้านของตนเองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตมานานถึง 4 ปี ในช่วงที่ตนเองไม่ได้อยู่บ้าน

387011471575

อีกทั้งจากการการตรวจสอบภายในบ้าน พบว่าแอร์ในห้องนอนชั้นบน แอร์ห้องนอนชั้นล่าง ราคา ตัวละ 24,000 บาท หายไป 2 ตัว ปั๊มน้ำภายในบ้านที่ติดตั้งไว้ก็หายไป รวมไปถึงสภาพตัวบ้านไม่ว่าจะเป็นผนังบ้านที่ถูกขีดเขียน บรรไดที่มีร่องรอยถูกจุดไฟเผา กระเบื้องที่ชำรุด ประตูบ้าน หน้าต่างเหล็กดัดจำนวนหลายจุด รวมแล้วได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง ตีราคาซ่อมบำรุงประมาณ 2.5 แสนบาท

878184928318136776

หลังเกิดเหตุตนเองได้ไปสอบถามเพื่อนบ้านว่าทำไมถึงเข้ามาอยู่ในบ้านของตนเอง แต่เพื่อนบ้านกลับปฏิเสธ แล้วตอบอย่างปัดความรับผิดชอบ อ้างว่าตนเองผิดที่ไม่อยู่บ้านเป็นเวลานานเอง ทำให้ตนเองรู้สึกไม่ถูกต้อง เพราะบ้านของตนเองได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังไม่ได้รับแม้แต่คำขอโทษ หรือข้อเสนอรับผิดชอบแต่อย่างใดจากเพื่อนบ้าน ตนเองจึงเข้าแจ้งความในวันที่ 30 ก.ย.63 เพื่อลงบันทึกประจำวันและให้ตำรวจเร่งดำเนินคดีตามกฎหมายกับเพื่อนบ้านฐานบุกรุกให้ถึงที่สุด ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส