จากกรณี เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ by Kim official โพสต์รูปภาพ พร้อมระบุข้อความว่า "#เตือนภัยผู้หญิง ปล่อยช้าไว้เป็นภัยสังคม ระวังมีคนขับรถประกบตาม รุ่นน้องผมโดนมาแล้ว ขับรถปะกบมาแล้วกระโดดขึ้นรถน้องมา เอามีดจี้เเล้วให้น้องขับเข้าป่า พยายามจะข่มขืน ตบน้องด้วย ได้แต่เงินไป 400 บาท มากัน 4 คน เวฟน้ำเงิน ไม่ทราบทะเบียน"
ล่าสุดวันที่ 27 ต.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ หมู่บ้านเกาะสมุทร ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ทีมข่าวเดินทางมาที่ บ่อน้ำฟ้า ทางไปหมู่บ้านเกาะสมุทร ในที่เกิดเหตุเป็นที่ดินรกร้าง รอบข้างเป็นโรงงาน มีความกว้างประมาณ 5 ไร่ จุดที่ถูกฉุดมาอยู่ด้านหลังพงหญ้า ซึ่งมีหญ้าขึ้นรกบดบังวิสัยทัศน์ ถ้าไม่เดินเข้ามาก็มองไม่เห็น บริเวณนี้ยังคงมีเบาะนอนที่ชำรุดอยู่วางไว้ รวมถึงเศษขยะที่คนนำมาทิ้งขว้าง และร่องรอยการเผาขยะ
โดยจุดที่เกิดเหตุ ห่างจากถนนประมาณ 10 เมตร ห่างจากบ้านของชาวบ้านประมาณ 200 เมตร ห่างจากร้านสะดวกซื้อประมาณ 750 เมตร และห่างจากบ้านผู้เสียหายประมาณ 1.5 กิโลเมตร
นายสมพงศ์ อายุ 45 ปี พ่อของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ลุกสาวอายุ 16 ปี ขี่จักรยานยนต์ออกไปซื้อของให้ยาย โดยยายให้เงินติดตัวไป 600 บาท กระทั่งมาเกิดเรื่อง คนร้ายได้สอบถามว่ามีเงินเท่าไหร่ ลูกสาวบอกไปว่า 600 บาทจึงถูกขโมย หลังเกิดเรื่อง ลูกสาววิ่งร้องไห้หาตน และขอให้ตนช่วย ตอนแรกถือไม้จะตี เพราะหายไป 2 ชั่วโมง แต่พอรู้ว่าเจออะไร ตนก็รีบพาลูกไปแจ้งความที่โรงพักทันที
ทั้งนี้ตนมักจะสอนให้ลูกสาวขี่รถระวังหน้าระวังหลังตลอด และไม่ต้องเร็ว ให้ขี่รถช้า ๆ แต่ผู้ก่อเหตุกลับฉวยโอกาสนี้ ตนไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องกับลูกสาว หลังจากนี้ตนคงไม่ปล่อยให้ลูกสาวออกไปไหนคนเดียวแล้ว ถ้าจะออกไปต้องพาลูกชาย อายุ 13 ปีไปเป็นเพื่อนด้วย ตนอยากให้เรื่องเงียบที่สุด เพราะตนยังไม่รู้ว่าจะตามตัวคนร้ายได้หรือไม่
โดยจุดเกิดเหตุ ค่อนข้างจะอันตราย เคยเกิดเหตุถูกปล้นมาแล้วหลายครั้ง เช่น ขับรถขวางโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วจอดปล้น แต่กรณีของลูกสาวตนรุนแรงที่สุด เพราะถูกฉุดเข้าไปกลางป่า
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเจ็บใจมาก หากจับคนร้ายได้ และตนอยากจะทุบตี ส่วนทางบ้านจะเอาให้ตาย อีกทั้งตนอยากให้จับขังลืม จะได้ดัดสันดาน เพราะตนเชื่อว่า ยังมีมีหลายกลุ่มที่ก่อเหตุแบบนี้ สุดท้ายนี้ตนอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ อยากให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วย และอยากให้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาสอดส่องดูแล
ทีมข่าวเดินมาสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร จุดเกิดเหตุพอตกกลางคืนค่อนข้างมืด และไม่ค่อยมีรถวิ่ง ไม่มีกล้องวงจรปิด ทำให้คนขับรถผ่านเส้นทางนี้น้อย เพราะเป็นทางเฉพาะถ้าไม่รู้จักก็ไม่วิ่งเข้ามา คนที่ขับผ่านจึงมักจะเป็นคนพื้นที่
โดยที่ดินนี้ น่าจะเป็นที่ดินรกร้านของโรงงาน ชาวบ้านมักจะนำของชิ้นใหญ่ ๆ มาทิ้งไว้ ตนเชื่อว่าคนก่อเหตุน่าจะเป็นต่างถิ่น แต่เมื่อเห็นว่าเป็นผู้หญิงขี่รถมาคนเดียว ก็เลยมาดักรอและก่อเหตุ เพราะคนพื้นที่จำหน้ากันได้หมด ไม่น่าจะกล้าทำ สุดท้ายนี้ตนอยากจะให้ติดไฟส่องสว่างเพิ่ม คนจะได้กล้าสัญจรผ่าน และอยากให้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบมากกว่าเดิม
นายอมรเทพ สังข์ประสิทธิ์ อายุ 18 ปี รุ่นพี่ที่เข้าไปช่วยเหลือ เปิดเผยว่า วันที่ 25 ต.ค.63 เวลา 20.00 น. ตนกับเพื่อนอีก 3 คนกำลังนั่งกินข้าวอยู่ น.ส.โฟร์ (นามสมมติ) ผู้เสียหายได้โทรมาหาตน และบอกว่า “พี่หนูโดนฉุด มาช่วยหนูหน่อย” ตนจึงช่วนเพื่อน ๆ เข้ามาหาผู้เสียหาย
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่รกร้าง พบว่าน.ส.โฟร์กำลังนั่งร้องไห้อยู่บนรถจักรยานยนต์ เล่าว่า ขี่รถจักรยานยนต์สีชมพูขาว มาซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ และกำลังจะไปซื้อข้าว ระหว่างทางไปเป็นทางเปลี่ยว และเป็นคนขี่รถช้าอยู่แล้ว เลยถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุจำนวน 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ประกบ จำนวน 2 คันเข้ามาประกบข้าง หนึ่งในนั้นได้กระโดดลงจากรถ แล้วขึ้นมาซ้อนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย ก่อนจะใช้มีดพกจี้ และบังคับให้ผู้เสียหายเข้าป่า และมีเบาะนอนวางอยู่ สภาพเหมือนจัดเตรียมไว้
จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ตบเข้าที่ใบหน้าของน.ส.โฟร์ และทำท่าจะถอดกางเกง แต่ฝ่ายหญิงตะโกนขอความช่วยเหลือขึ้นมาก่อน ผู้ก่อเหตุจึงพูดว่า "คนผ่านเยอะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น ไปกันก่อนดีกว่า" ก่อนจะได้เงินไป 600 บาท
วันที่เกิดเหตุ น.ส.โฟร์ใส่เสื้อกันหนาว กางเกงขาสั้น และไม่ได้แต่งตัวโป๊แม้แต่น้อย ส่วนผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คนใส่หมวกกันน็อก อายุประมาณ 30 ปี และน่าจะเป็นคนละแวกนี้ แต่ไม่รู้ว่าใคร และไม่เห็นว่าหนีไปทางไหน โดยจุดเกิดเหตุมีคนเดินผ่านน้อย เพราะเป็นทางเปลี่ยว ถ้าเป็นผู้ชายคงจะโดนจี้ ถ้าเป็นผู้หญิงคงจะโดนฉุด ส่วนตัวไม่คาดคิดว่าจะเกิดกับคนใกล้ตัว
ขณะนี้สภาพจิตใจของน.ส.โฟร์ดีขึ้นแล้ว เบื้องต้นเข้าแจ้งความ และตรวจผลเลือด กับตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะฝากเตือนถึงผู้ที่สัญจรผ่าน ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องผ่าน เพราะอันตราย และไม่อยากให้เกิดกับใครอีก ส่วนผู้ก่อเหตุ หากจับตัวได้ ตนก็ไม่แน่ใจว่าจะถึงขั้นลงมือทำร้ายหรือไม่
