จากกรณีนายไพสนธิ์ หรือ สน อายุ 46 ปี ก่อเหตุยิง น.ส.สุดารัตน์ หรือ ใบหม่อน อายุ 35 ปี ภรรยาเสียชีวิต และยิงนายธนากร อายุ 25 ปี ชายคนสนิท ได้รับบาดเจ็บ ก่อนยิงตัวเองดับ เหตุเกิดที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยว ซอยโนรี ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
วันที่ 2 พ.ย. 63 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบศพนายไพสนธิ์ อายุ 46 ปี นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน สภาพนอนหงาย มีบาดแผลที่บริเวณขมับขวาทะลุซ้าย ที่ปลายเท้าข้างเตียงพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 1 กระบอก
ใกล้กันที่พื้นห้องปลายเตียงนอน พบศพ น.ส.สุดารัตน์ อายุ 35 ปี เจ้าของร้าน นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นห้อง มีบาดแผลถูกยิงที่โหนกแก้ม 1 นัด และที่หน้าท้อง 6 นัด นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน ทราบชื่อนายธนากร หรือ ฮอก อายุ 25 ปี ถูกยิงบริเวณหน้าอก พลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณห้องนอนชั้น 2 โดยพบญาติของน.ส.สุดารัตน์ หรือ ใบหม่อน มาเก็บของ
น.ส.แก้ม (นามสมมติ) ลูกจ้างร้านก๋วยเตี๋ยว เล่าว่า ตนมาถึงร้านประมาณ 05.20 น. และได้จัดการเตรียมของอยู่บริเวณหน้าร้าน จากนั้น เวลา 06.00 น. เห็นนายไพสนธิ์ หรือ เฮียสน สามีเจ้าของร้านเข้ามาที่ร้านเดินขึ้นไปชั้นบน ตนได้ยินเสียงปิดประตู 1 ครั้ง
แล้วลูกจ้างอีกรายวิ่งมาบอกตนว่าได้ยินเสียงปืนจากชั้นบน พวกตนจึงพากันวิ่งหนีด้วยความกลัว
จากนั้น เมื่อเหตุการณ์สงบจึงเข้ามาที่เกิดเหตุ ทราบว่านายสนยิง น.ส.ใบหม่อน เสียชีวิตก่อนยิงตัวเองตาม โดยก่อนหน้านี้เคยเห็นนายสนทะเลาะกับ น.ส.ใบหม่อน เสียงดังโวยวาย คาดว่าเป็นเรื่องความรัก เพราะหลังเกิดเหตุทราบว่ามีผู้ชายอีกรายถูกยิง แต่วิ่งหนีไป
นายโต (นามสมมติ) รุ่นน้องนายไพสนธิ์ ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ 2 เดือน นายสนเคยฝากให้ตนมาคอยดูลาดเลาที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวของน.ส.ใบหม่อน ผู้เป็นภรรยา ว่ามีผู้ชายแปลกหน้าแวะมาหาบ้างหรือไม่ เพราะนายสนเคยจับได้ 1 ครั้ง ว่าน.ส.ใบหม่อนคุยกับคนอื่น แต่น่าจะมีการพูดคุยให้โอกาสกัน และเกิดความระแวงกัน ซึ่งตนก็มาคอยดูให้หลายรอบ แต่ไม่พบความผิดปกติหรือเห็นฝ่ายหญิงคุยกับคนอื่น
กระทั่งวันนี้ คาดว่านายสนน่าจะมาเห็นด้วยตัวเอง จึงเกิดบัลดาลโทสะ และก่อเหตุยิง เพราะรักภรรยาคนนี้มาก โดยนายสนมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่มาคบหากับ น.ส.ใบหม่อน เป็นภรรยาคนที่ 2
นางกนกวรรณ แก้วขาว อายุ 48 ปี พี่สาวของ น.ส.ใบหม่อน กล่าวว่า เมื่อ 1 สัปดาห์ที่แล้ว นายสนกับลูกสาวภรรยาคนแรก เข้ามาพูดคุยกับตนว่า น้องสาวตนแอบไปมีคนอื่น พร้อมยกมือไหว้ว่ารักและเคารพตน ตนจึงบอกให้คิดถึงลูกเยอะ ๆ อย่าคิดมาก พร้อมบอกลูกนายสนว่าดูแลพ่อดี ๆ อย่าปล่อยให้อยู่คนเดียว เพราะกลัวว่านายสนจะคิดมาก ประกอบกับนายสนเป็นคนใจร้อน กลัวจะเกิดเรื่องขึ้น
จากนั้นตนได้โทรศัพท์ไปหาน้องสาว บอกให้หนีไปอยู่ที่อื่น หากจะเริ่มต้นใหม่ เพราะร้านก๋วยเตี๋ยวดังกล่าวเป็นการร่วมลงทุนระหว่างนายสนกับน้องสาว เหมือนช่วยกันสร้างกันมา กลัวว่านายสนจะเห็นน้องสาวอยู่กับผู้ชายคนอื่นแล้วจะทำใจไม่ได้แล้วเกิดเหตุขึ้น แต่น้องสาวก็ไม่ฟัง ยังอยู่ที่เดิม
โดยทราบมาว่านายสนเข้าไปคุยกับน้องสาวก่อนมาหาตนแล้ว น้องสาวก็ยอมรับว่ามีคนอื่น และพยายามตีตัวออกห่าง ซึ่งนายสนน่าจะไม่ยอม และเข้าไปเห็นพอดี คงทำใจไม่ได้
ซึ่งตนเข้าใจนายสน และไม่เข้าข้างน้องสาว เพราะนายสนเคยพูดว่า "รักน้องสาวตนมาก ยอมตายได้" หลังเกิดเหตุได้เจอลูกสาวนายสนบอกตนว่าพ่อตัวเองไม่ผิด ตนก็บอกว่ารู้และเข้าใจทุกอย่าง
โดยน้องสาวตนคบหากับนายสนประมาณ 6 ปี ครอบครัวฝั่งตนรับทราบ แต่นายสนมีภรรยาอยู่แล้ว ฝ่ายภรรยาหลวงไม่รู้เรื่อง มีเพียงลูกสาวคนเดียวที่รับรู้ ที่ผ่านมานายสนนิสัยดี ยอมน้องสาวตนทุกอย่าง แต่ตนก็ไม่ทราบเรื่องในครอบครัวว่ามีปัญหาอื่นด้วยหรือไม่ เพราะน้องสาวตนเคยพยายามตีตัวออกห่าง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
สำหรับเฟซบุ๊กของ น.ส.ใบหม่อน มีการโพสต์ข้อความและรูปภาพคู่กับชายผู้บาดเจ็บ ที่ไปเที่ยวงานวันลอยกระทงด้วยกัน ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุทำให้ผู้ก่อเหตุโมโห ตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวขึ้นหรือไม่
