ดาวร้ายหน้าหล่อตัวท็อปของวงการ "เอ็ม อภินันท์" เยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เผยเส้นทางดาวร้ายในตำนาน พร้อมเล่าความประทับใจกับการเป็นคุณพ่อลูกแฝดที่ยอมรับว่าติดลูกมากกว่าภรรยา และยังได้สารภาพทั้งหวง ทั้งห่วง ลูกสาวฝาแฝดที่เพิ่งจะ 6 ขวบเอามากๆ เพราะยิ่งโตยิ่งสวยขึ้นทุกวัน ซึ่งเหตุที่หวงหนักเพราะกว่าจะมีลูกสมใจ ต้องไปขอจากพระสังกัจจายน์ จนที่สุดก็สมหวังดั่งใจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดความติสท์ของสามีแห่งชาติยุค 90 "เจ มณฑล" ที่ฟังแล้วมีอึ้งแน่นอน!
- "โจนัส แอนเดอร์สัน" เปิดตัวเพลงใหม่ "ฝรั่ง คลั่ง ไคล้" ฉลองครบรอบ 20 ปี
- "บิณฑ์" อุทิศชีวิตเพื่อเพื่อนมนุษย์กว่า 30 ปี เลิกคิดเรื่อง "ความรัก"
- "อ๊อด โฟร์เอส" เล่ามรสุมชีวิตป่วยเป็นอัมพฤกษ์ แต่ลุกขึ้นสู้จนได้เป็นเจ้าพ่อรำวงชาวบ้านชื่อดัง
- "อุ้ย รวิวรรณ" จากจุดสูงสุดสู่คนถูกฟ้องล้มละลาย มีชีวิตใหม่ได้เพราะยึดหลักธรรมะ
- เปิดใจ "บอล เชิญยิ้ม" ถึงสัญญาใจที่มีต่อ "โรเบิร์ต สายควัน"
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม เข้าวงการมาด้วยบทร้ายหรือเปล่า
เอ็ม : งานแสดงเรื่องแรกคือภาพยนตร์แม่เบี้ย เป็นบทแอบร้าย เล่นเป็นพจน์ คนที่ไปจีบนางเอก สุดท้ายก็กลายเป็นร้าย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เล่นร้ายอีก จนมาเป็นพระเอก เป็นคนดี จนก็พักไปหลายปี มีอยู่ครั้งนึงพี่ปิ่น ทีวีซีน เขาบอก "เฮ้ยมาลองเล่นร้ายดูบ้างไหม" เราก็รู้สึกว่าจะดีเหรอ เดี๋ยวคนไม่รัก เดี๋ยวคนไม่ชอบ กลัวไปเดินตลาดไม่ได้ แต่สุดท้ายก็เล่น ก็ท้าทายดี สรุปออกมากลายเป็นคนชอบ หลังจากนั้นร้ายยาวเลยประมาณ 90%
เอ็ม : เราเล่นได้หมด ดีก็ได้ ร้ายก็ได้ หลังๆ เล่นดีคนก็เริ่มไม่เชื่อ คนดูแล้วแบบเดี๋ยวมันต้องมีอะไร ดีจริงหรือเปล่า? ดูไปจนจบ ดีเหรอ อะไรอย่างนี้ก็มี
ถาม การแสดงของเรากลายเป็นสิ่งที่น้องๆ รุ่นหลังศึกษา
เอ็ม : ก็มีครับ มีพูดถึง เหมือนอย่างบางคนจะติดว่าต้องรับบทเป็นพระเอกเท่านั้น ต้องเป็นคนดีเท่านั้น ไม่กล้าจะเล่นบทร้าย เราก็เป็นหนึ่งตัวอย่างที่เขาเอาไปพูดว่า จริงๆ แล้วมันก็มีทางให้เล่นนะ เป็นตัวร้ายมันก็สนุกได้
เอ็ม : เรียนการแสดงมีบ้าง แต่ผมว่ามันหนักสุดเป็นเรื่องความคิดของเรามากกว่า ว่าเราจะยอมรับแล้วไปรักในตัวละครนั้นได้ยังไง คนดีก็คือรักไปเลย ขาวไปเลย ร้ายก็คือดำไปเลย ใจเราก็เชื่อว่า เราจะไปรักคนร้ายมันยากนิดหน่อย แต่เราก็ต้องเอาตัวเราเข้าไปรักตัวละครนั้นก่อน เราถึงจะไปเล่นเป็นเขาได้ โดยที่มันจะไม่มาเจือปนกับชีวิตจริงที่เราจะต้องไม่เป็นคนร้ายอะไรแบบนี้ ตรงนี้ผมว่ามันเป็นจุดที่แบบว่าต้องทำใจยากนิดหน่อย เป็นเรื่องของการต้องปรับทัศนคติของตัวเอง
ถาม พยายามทำให้ตัวเองเชื่อว่าคิดร้ายได้ บางครั้งมันเผลอ
เอ็ม : บางทีมันติดไปเหมือนกัน
ถาม เคยมีไหมออกไปเดินเล่นในที่สาธารณะ คนมองเราแบบกลัวหรือกังวล รู้สึกว่าเราร้าย
เอ็ม : ตอนเล่นร้ายแรกๆ เด็กแถวบ้านที่เราก็เจอกันตลอด ตอนนั้นน่าจะอายุประมาณไม่ถึง 10 ขวบ ก็เจอหน้ากัน เล่นกัน พอละครร้ายออกไป เจอหน้าปุ๊บ เขาก็ไม่กล้าสบตา
ถาม เราให้ลูกดูที่เราเล่นร้ายมั้ย
เอ็ม : ไม่ให้ดู เพราะส่วนใหญ่เล่นร้าย ก็ให้เขาดูเฉพาะเรื่องที่มันน่ารักๆ เขายังแยกแยะไม่ออก เพิ่ง 6 ขวบเอง
ถาม ตอนนี้เป็นคุณพ่อลูกสองที่กำลังน่ารัก แล้วก็ได้ข่าวว่าหวงลูกสาวมากๆ ด้วย
เอ็ม : ครับผม ก็คิดว่าหวงนะครับ
ถาม 6 ขวบต้องหวงแล้วหรอ?
เอ็ม : ห่วง หวง แล้วก็ติดลูก มันจะมีเรื่องให้ห่วงตั้งแต่ตอนเล็กจนถึงตอนนี้แตกต่างกัน ตอนที่เราลูกเล็กๆ แล้วเราก็เห็นคนที่มีลูก 6-7 ขวบ บอก "โหยพี่ สบายแล้วสิเนอะ ไม่ต้องลำบากแล้ว โตแล้ว" เขาก็บอก "ยังหรอก มันก็มีเรื่องให้มันต้องห่วงตามวัย" พอถึงตอนนี้ จริงด้วยเนอะ มันเป็นไปตามวัยจริงๆ เหมือนตอนเล็กก็แบบว่าไหนจะอุ้มพาเข้านอน พอเริ่มโตมาหน่อย วิ่งเล่นทั่วไป เดี๋ยวแบบหกล้ม ไปชนนั่นชนนี่ รถมาไม่รู้เรื่อง จนถึงตอนนี้ 6 ขวบ เรื่องพวกนั้นไม่ค่อยมีแล้ว เขาจะเริ่มรู้เรื่องแล้วว่าเดินออกไปต้องดูรถดูอะไร แต่มันเป็นเรื่องช่วงเปลี่ยนของการเข้าโรงเรียน ตอนนี้ก็เพิ่งย้ายมาเข้าโรงเรียนใหม่อะไรอย่างนี้ ตอนนี้อยู่อนุบาล 3
ถาม พอเลิกงานแล้วกลับบ้านเลย ตั้งแต่มีลูกไม่ไปไหนเลย
เอ็ม : เลิกงานแล้วก็กลับบ้านเลยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ
ถาม แต่งงานมาแล้วกี่ปี
เอ็ม : ปีนี้ครบ 10 ปีครับ
ถาม ก่อนที่จะมีลูก เรารออะไรอยู่ หรือว่าไม่มา
เอ็ม : ตอนนั้นเขาไม่มาเอง แต่งงานเราก็ต้องเที่ยวเล่นก่อน ใช้ชีวิตคู่ไปไหนก็ไป เที่ยวอะไรก็ไปสัก 2 ปี แต่พอเราตั้งใจปุ๊บ ไม่มาไง คือมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่ทุกคนคิดว่าแบบพอปั๊บ มันจะมาปั๊บ มันไม่ใช่ มันยากมากเลยพี่ แล้วพอไม่มาก็แบบเริ่มเครียด
ถาม มีไปขออะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้างไหม ถึงได้ลูกแฝดมา
เอ็ม : ตอนแรกไม่เลย ก็คิดว่าแบบเดี๋ยวเขาก็มา เราก็ตามธรรมชาติไปอะไรอย่าง พอนานๆ ไป คนก็ชอบถาม ชอบทัก ทำไม่เป็นเดี๋ยวช่วยไหม?(แซว) ..หยามกันนี่หว่า รู้ได้ไงวะว่าทำไม่เป็น(ขำ) คือจริงๆ เป็นคนชอบไหว้พระทำบุญอยู่แล้ว มีอยู่ครั้งนึงก็ไปวัดที่นครศรีธรรมราชครับ วัดพระศรีมหาธาตุ ก็ไปไหว้ปกติ ไปไหว้พระธาตุ ไปไหว้ท่านจตุคามอะไรอย่างนี้ปกติ แล้วก็มีชาวบ้าน ป้าๆ แถวนั้นเดินมา "เอ้า นี่ยังไม่มีลูกนี่ มานี่ๆ ไปขอ ไปขอ" แล้วในบริเวณวัดจะมีศาลาอยู่ศาลานึง เราก็เดินตามไป เข้าไปข้างในก็เป็นพระสังกัจจายน์ เขาบอกให้ขอลูก เราก็ขอไป หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ลูกแฝด แล้วก็แฝดแบบที่ไม่ได้ตั้งใจด้วย มาเอง แฝดธรรมชาติ ไข่ใบเดียวกัน แฝดเหมือน จนลูกคลอดออกมาแล้ว ประมาณขวบนึง ก็กลับไปไหว้ท่านอีก เพื่อไปขอบคุณ พอไปถึงปุ๊บเดินเข้าไปในศาลานั้นน่ะ ผนังมีแต่คนเอารูปลูกแฝดมาตั้งไว้ ก็เหมือนกับว่าคนไปขอลูกจากท่าน แล้วพอถึงเวลาก็ต้องเอารูปเนี่ยมาถวาย แล้วแฝดเต็มเลย คือผนังทั้งศาลามีแต่แฝดๆๆๆๆ เราก็ทำไมเราเข้ามาตอนแรกเราไม่เห็น? ก็แปลกดี
ถาม ในตระกูลครอบครัวฝั่งภรรยากับฝั่งเอ็มมีใครมีแฝดมากก่อนไหม
เอ็ม : เมื่อก่อนก็คิดว่าไม่มี มาได้ยังไง จนลูกคลอดออกมาแล้ว ถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมี คือฝั่งแม่เอ็ม เขาจะมีพี่สาวที่ห่างกันหลายปีเป็นคู่แฝด แต่สมัยแบบ 70 กว่าปีเนอะ การแพทย์มันไม่ค่อยดีมั้ง พอคลอดมาแล้วเขาก็ไม่รอด ก็เลยไม่เคยมีใครรู้ว่าเรามีเชื้อแฝด แล้วพอแฟนท้องแม่ก็ไม่พูดเรื่องนี้ เพราะว่ามันแบบเป็นเรื่องที่ไม่ดี พอคลอดออกมาเรียบร้อยแม่ถึงได้บอก เราถึงได้ อ๋อ...เรามีนี่หว่า
ถาม เวลาเอ็มพูดถึงลูก สายตาดูมีความสุขมาก เป็นคุณพ่อสายเปย์ ลูกอยากได้อะไรต้องสรรหามาให้ทุกอย่าง
เอ็ม : อยากให้เขาได้ในสิ่งที่เขาอยากได้ ก็ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นของเล่น เสื้อผ้า แต่ไม่ให้เล่นเกม ของที่เป็นเทคโนโลยีที่มันเกินวัยก็ไม่ได้ให้ สมมุติเขาเจอของเล่นไปหยิบมาแล้วก็บอก เอาไปคนละชิ้นนะ ก็ไปเดินดูในร้าน ต้องซื้อ 2 ชิ้น เขาแย่งกัน เมื่อก่อนซื้อ 2 สมมติซื้อเสื้อสีชมพูก็ให้สีชมพู 2 ตัว พอหลังๆ เขาเลือกเอง คนนึงเลือกชมพู คนนึงเลือกฟ้า เราก็แบบ พอถึงเวลาจะต้องแย่งกันไง สรุปก็คือต้องซื้อชมพู 2 ฟ้า 2 บางอารมณ์อยากจะเหมือน บางอารมณ์อยากจะไม่เหมือนแล้วแต่
ถาม เอ็มกับภรรยาใครตามใจลูกมากกว่ากัน แล้วใครดุมากกว่ากัน
เอ็ม : โอ๊ย แหม ตัวร้ายขนาดนี้ ก็ต้องตามใจลูกสิครับ
ถาม เห็นบอกว่าตามใจ เข้าข้างลูก จนบางทีภรรยาปรี๊ดเลย
เอ็ม : เข้าข้างมาก พยายามที่จะเข้าใจเด็กครับ คือเป็นคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีพี่น้องหลายคน แล้วก็อยู่ในครอบครัวใหญ่ ก็จะเห็นคนหลากหลายรูปแบบ เราก็พอจะเข้าใจว่า ที่เขาเป็นอย่างนี้เพราะว่าเขาเป็นเด็ก จะไปคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็กมันไม่ใช่ เหตุผลที่ใช่กับผู้ใหญ่ไปใช่กับเด็กไม่ได้ พอเด็กเขางอแงมาระดับ 1 เขางอแงระดับ 2 เราก็ไปต่อ ทางนี้ไม่ได้ เราก็ไปทางอื่น จนกว่าเด็กเขาจะโอเค แต่แฟนเขาเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง ญาติก็ห่างกันมาก เขาก็ไม่เคยรู้ว่ามันต้องดีลยังไงกับเรื่องพวกนี้ พอพูดไม่รู้เรื่องปุ๊บ เขาก็จะโกรธแล้ว พอเป็นแบบนี้บ่อยๆ มันก็เลยกลายเป็นว่า อ้อ เข้าข้างลูกใช่ไหม? เขาเลยมาลงที่เรา
ถาม เห็นลูกน่ารักมาก เป็นแฝดด้วย เคยมีความคิดยังไงกับการที่จะให้เขาเข้าวงการ
เอ็ม : ตอนนี้แบบเล็กๆ น้อยๆ อย่างออกรายการทอล์คโชว์ หรือว่าไปถ่ายแฟชั่น ถ่ายโฆษณา ส่วนงานละครอาจจะต้องให้เขาโตกว่านี้ก่อน โตที่แบบว่าแยกแยะโลกจริงกับโลกไม่จริงให้ได้ก่อน คือเรารู้นี่ว่าดาราเด็กมันเหนื่อย มันยากนะ ที่เราเห็นเขาพามาเข้าฉาก ส่วนใหญ่นางเอกเด็กมันจะต้องมีชีวิตแบบชอกช้ำระกำ ทุกข์ระทม อะไรก็ไม่รู้ มันต้องถูกทิ้ง มันต้องร้องไห้ แล้วแบบภาพเบื้องหลัง แม่ต้องแบบร้องไห้สิ ร้องไห้ ถ้าไม่ร้องนะ นึกดูดิพ่อทิ้งเราไปนะ ลูกเรากลับบ้านไปมันคงจะพัง ไม่เอา ถ้าเขาโตกว่านี้ อยากจะเล่นเองจริงๆ นะ อาจจะเป็นวัยรุ่นหรืออะไรแบบนี้ก็ค่อยจะว่ากันไป
ถาม รักลูกแบบนี้ อยู่ดีๆ จะให้มาโหดกับเด็กยาก นอกจากเป็นเด็กผู้ชายที่มายุ่งกับลูกสาวเท่านั้นแหละ
เอ็ม : (หัวเราะ) พูดเหมือนรู้ ยังไม่ถึงขนาดนั้น เขาจะมีนาฬิกาที่โทรหากันได้เด็กๆ แล้วเหมือนเพื่อนๆ เขามีมาก่อน เพราะว่าเอ็มพยายามจะไม่ซื้อให้ แล้วเขาต้องไปแอดเฟรนด์กันถึงจะโทรหากันได้ ทีนี้ลูกเราก็เพิ่งมี เอ็มก็ขับรถอยู่ อยู่ดีๆ โทรศัพท์ลูกดัง เราก็แบบใครโทรมา(เสียงเข้ม) รับสิ รับแล้วคุยสิ เขาก็งง เขาก็ทำไม่ถูกควรจะรับหรือจะทำยังไง พอรับปุ๊บก็พูดไม่ถูก ก็เงียบๆ เหมือนกับว่าเด็ก 6 ขวบเนี่ยเขาไม่รู้หรอกว่าจะคุยอะไร บางทีเขาก็ยังงงๆ ทางฝั่งนู้นก็ถามมา เป็นยังไงถึงบ้านหรือยัง? อะไรอย่างนี้ ก็บอกว่า “ถามเพื่อนสิมีอะไร โทรมามีอะไรก็คุยไป” (เสียงเข้ม) แล้วเด็กมันก็เงียบ ทั้ง 2 คนต่างฝ่ายต่างเงียบ “ไม่มีอะไรคุยก็วางไป เออ แค่นี้แหละ บอกเพื่อนแค่นี้แหละ วางไป”(เสียงเข้ม) แล้วพอทั้งหมดนี่จบปุ๊บก็แบบ เฮ้ย...เหมือนเพิ่งได้ยินตัวเองว่าแบบ เรานี่หวงลูกสาวนี่หว่า มันอัตโนมัติครับ ไม่รู้ตัวเลย แค่จะแบบว่า จะโทรมาทำไมวะ ไม่มีอะไรก็วางไปดิ แต่แบบว่าเสียงที่ออกไปมันกลับคือ เข้มมาก
ถาม ลูกสาว 2 คนแล้ว อยากจะมีลูกชายอีกไหม
เอ็ม : เคยคิดครับ เคยคิดว่าอยากจะมีลูกชาย ก็เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้วก็ไปปรึกษาคุณหมอ แต่ว่ามันไม่ได้ เขาไม่มา ถ้าเขามาเองโดยธรรมชาติก็โอเคครับ เรื่อยๆ แล้วแต่ ช่วงนี้ก็ฝากละครด้วยนะครับ ฝากรีสอร์ตที่จังหวัดตรังครับ ชื่อ ปากเมง รีสอร์ท ของที่บ้านแฟน ตรงนั้นมันชื่อหาดปากเมง ก็ไปเที่ยวได้ ไปพักได้ครับ
Advertisement