เมียเดือด! กู้ภัยรุมกระทืบผัวเข้า ICU อ้างห้ามย้าย รพ. อีกฝ่ายโต้โดนด่าก่อนทำฉุน (คลิป)

5 พ.ย. 63

ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพวินาที นายสนั่น เส็งบุญมา อายุ 40 ปี ผู้บาดเจ็บ ถูกกู้ภัยทำร้ายร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว เป็นการเจรจาระหว่างกู้ภัยและผู้บาดเจ็บกับภรรยา โดยผู้บาดเจ็บมากับภรรยา และกู้ภัยประมาณ 4-5 คน เมื่อคุยกันไม่ลงตัวจึงมีการทำร้ายร่างกายกัน และมีกู้ภัยอีก 2 คนวิ่งเข้ามาร่วมทำร้ายร่างกายด้วย

624861

คลิปเหตุการณ์ต่อมา ผู้บาดเจ็บมีการชี้นิ้วและต่อยกู้ภัย พูดคุยกับกู้ภัย และถัดมามีชายที่แต่งชุดกู้ภัยกระโดดถีบที่บริเวณอก มีการทำร้ายร่างกายกัน มีกู้ภัยอีกหนึ่งคนพยายามห้าม ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะแยกย้ายกัน

554002917085

วันที่ 5 พ.ย. 63 นางสาวแอนริต้า อ่างทอง อายุ 30 ปี ภรรยาของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า เมื่อวันเกิดเหตุคือคืนวันที่ 3 พ.ย. 63 เวลาประมาณเที่ยงคืนเข้าสู่วันที่ 4 พ.ย. 63 สามีขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโต๊ะสนุกเกอร์ ดื่มเบียร์ไปประมาณ 2 กระป๋อง เพื่อที่จะไปหาตนเอง และประสบอุบัติเหตุแฮนด์รถจักรยานยนต์เฉี่ยวกับรถจักรยานยนต์อีกคัน บริเวณซอยลาดพร้าว 67 กรุงเทพฯ โดยได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งได้มีการพูดคุยกับคู่กรณีที่เป็นรถจักรยานยนต์ และชดใช้ค่าเสียหายเรียบร้อยแล้ว จำนวน 5,000 บาท

328554

หลังจากนั้น มีกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาล จึงได้โทรบอกตนเองให้มารับ ตอนแรกสามีบอกว่าให้ไปรอที่โรงพยาบาลย่านลาดพร้าว แต่เมื่อสามีคุยกับกู้ภัยและบอกตัวเองว่าให้เปลี่ยนไปที่โรงพยาบาลอีกแห่ง เมื่อตนเองไปถึงจึงบอกให้สามีออกมารับที่หน้าโรงพยาบาล โดยสามีพยายามจะเดินออกมาหาตนเอง จากนั้นเห็นว่ากู้ภัยพยายามจะดึงตัวสามีและบอกว่าสามีตนกำลังจะหนีตนเองจึงยกมือไหว้และขอโทษ หากสามีพูดจาไม่เพราะหรือทำอะไรผิด หลังจากนั้นก็คุยกันและเคลียร์กันไม่ลงตัวเรื่องของการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล

ทางกู้ภัยก็มีการด่าทอสามีตนเองด้วยคำหยาบคาย กู้ภัยต่อยเข้าที่เบ้าตาของสามีตนเอง และรุมทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ต้องเข้าห้องไอซียู ต้องรับเข้ารับการเอ็กซเรย์ที่สมอง และบาดเจ็บเพิ่มเติม ปวดร้าวบริเวณเบ้าตา และใบหน้า

หลังจากเกิดเหตุ ตนเองและลูกสาวจึงเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย ให้ดำเนินคดีกับกู้ภัยดังกล่าวด้วย ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะสอบปากคำและออกหมายเรียกผู้ต้องหาต่อไป

จนกระทั่งวันที่ 4 พ.ย. 63พฤศจิกายน 2563 ได้ทำการย้ายโรงพยาบาล มาที่โรงพยาบาลย่านลาดพร้าวอีกแห่ง ล่าสุดอาการบาดเจ็บดีขึ้นเป็นระยะ และสามารถพูดคุยได้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเองได้ติดต่อไปยังกู้ภัยดังกล่าว จึงมีการนำกระเช้าเข้ามาเยี่ยมเพื่อเป็นการขอโทษแล้ว ซึ่งตนเองบอกว่าการกระทำของกู้ภัยนั้นไม่ถูกต้อง เพราะแทนที่จะคุยกันดีดี แต่มีการทำร้ายร่างกายของผู้บาดเจ็บซ้ำอีก

450990

เจ้าหน้าที่กู้ภัย คู่กรณี เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งว่ามีผู้บาดเจ็บจากรถจักรยานยนต์ชนกัน ตนเองลงพื้นที่เพื่อเข้าไปช่วยเหลือตนไม่ทราบว่าผู้บาดเจ็บมีสิทธิ์การรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลไหน แต่ผู้บาดเจ็บไม่พูด เอาแต่โทรศัพท์คุยกับคนอื่นอยู่ ส่วนคู่กรณีบอกว่าไม่ต้องเรียกตำรวจ เพราะว่าสามารถคุยกันแล้วตกลงกันได้

ตนเองจึงนำผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่ายเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในย่านลาดพร้าว จากนั้นตนเองจึงออกมาสูบบุหรี่ด้านหน้าโรงพยาบาล และผู้บาดเจ็บที่เป็นคู่กรณีจึงเดินออกมาเพื่อที่จะขอบุหรี่สูบ แล้วพยายามบอกเดินออกไปจากโรงพยาบาลและไปโบกรถแท็กซี่ ตนเองจึงบอกว่า "พี่ทำแบบนี้มันใช้ไม่ได้" เพราะคิดว่าผู้บาดเจ็บจะหนีออกจากโรงพยาบาล และตนเองจะต้องมาตามเรื่องทีหลัง ซึ่งจะมีความวุ่นวายมาก

จากนั้น ภรรยาของผู้บาดเจ็บมา ผู้บาดเจ็บก็จะหาเรื่องตนบอกว่า "ยังไง กูใช้ไม่ได้ตรงไหน" และต่อยเข้ามาที่แขน ตัวเองจึงพยายามนำตัวผู้บาดเจ็บเข้าไปด้านในโรงพยาบาลเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่หลังจากนั้นก็เป็นการพูดคุยกันซึ่งตกลงกันไม่ได้ ผู้บาดเจ็บจึงชกเข้าไปที่หน้าของตนเองหลายครั้งจ นทำให้ตนเองต้องด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย หลังจากนั้นผู้บาดเจ็บ จึงต่อยเจ้าหน้าที่กู้ภัยอีกคนหนึ่งด้วย ตนเองทนไม่ไหวจึงต่อยเข้าไปที่หน้าของผู้บาดเจ็บหนึ่งครั้ง และมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยอีกคนวิ่งเข้ามากระโดดถีบผู้บาดเจ็บด้วย ยืนยันว่าฝั่งของตนเองไม่ได้มีการรุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งตนเองก็ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจแล้วเช่นกัน ตนเองอยากให้สังคมเข้าใจเพราะกู้ภัยเป็นหน้าที่ที่ค่อนข้างเหนื่อย และตนเองก็อดหลับอดนอน ตนเองทนไม่ไหวจริง ๆ เนื่องจากว่าผู้บาดเจ็บทำร้ายร่างกายตนเองก่อน หากเป็นแค่เพียงการด่าทอตนเองยอมรับได้ แต่ถ้ามาทำร้ายร่างกาย เป็นใครก็ทนไม่ได้

ส่วนกรณีที่ตนเองได้ค่าหัวคิวหรือเงินสนับสนุนจากโรงพยาบาลหรือไม่ ตนเองยืนยันว่าไม่เคยได้เงินจากโรงพยาบาล จะได้เพียงอุปกรณ์สนับสนุนจากโรงพยาบาลเท่านั้น

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส