เมื่อวันที่ 5 พ.ย.63 พ.ต.ท.วุฒินันท์ นามแสง รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์ ว่าเกิดเหตุมีผู้ยิงตังเองเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานภาค 2
โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านพัก 2 ชั้น ภายในห้องนอนชั้น 2 พบร่างนายวุฒิเศรฐ อายุ 73 ปี นอนเสียชีวิตบนเตียงนอน สภาพนอนหงาย ภายในมือขวากำอาวุธปืนสั้นลูกโม่ขนาด .32 บริเวณขมับด้านขวามีรอยกระสุนปืนจากการจ่อยิง สภาพห้องไม่พบร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สิน หรือการต่อสู้ แต่พบจดหมายเขียนสั่งเสียถึงลูก ๆ และซองจดหมายใส่เงินสดจากธนาคารแห่งหนึ่ง
โดยเนื้อความในจดหมายเขียนว่า พ่อขอทำหน้าที่สุดท้าย พ่อป่วยเป็นโรคไต หัวใจโต เลือดน้อย รักษาไม่หาย เสียเงินมาก เงินหายากเก็บไว้ให้ลูกดีกว่า พ่อตายไปตั้งสวด 1 วันแล้วเผาเลย พ่อได้ทำเช็คไว้ให้คนละใบ เงินอยู่ในตู้" พร้อมกับเขียนแจกแจงจำนวนเงินและแจกแจงว่าให้นำเงินไปใช้ในส่วนใดบ้าง
ล่าสุดวันที่ 5 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิด อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อไปถึงบ้านจุดเกิดเหตุ พบว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่มีคนอยู่บ้าน หลังจากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดเนินสุทธาวาส ถ.สุขุมวิท ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลุบรี สถานที่จัดสวดอภิธรรมศพของผู้เสียชีวิต เมื่อไปถึงพบว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายทิวากร กฤษณามระ อายุ 48 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เวลา 07.00 น. ของวันนี้ พ่อได้ส่งไลน์มากลุ่มครอบครัวว่า "ลาก่อน" คุณป้าที่เห็นข้อความจึงได้โทรศัพท์มาบอกตน จึงรีบเดินทางขับรถกลับมาที่บ้าน ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที
แต่เมื่อขับมาถึงได้เพียงแค่หน้าปากซอยบ้าน แม่ที่อยู่บ้านก็ได้ยินเสียงปืนดังสนั่นจำนวน 1 นัด จึงรีบโทรมาบอกให้ทราบ ก่อนที่ตนจะประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัย และ 191 เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงปรากฏว่าพ่อได้ใช้อาวุธปืนขนาด .32 ยิงเข้าที่บริเวณขมับด้านขวาเสียชีวิต
การก่อเหตุในครั้งนี้ พ่อได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี เพราะมีการนำหมอนมาบังกระสุนไม่ให้เจาะทะลุออกไปยังบริเวณนอกตัวบ้าน เพื่อป้องกันผู้อื่นถูกลูกหลง อีกทั้งยังพบจดหมาย ข้อความระบุเกี่ยวกับ ความเป็นไปของพ่อ ระหว่างที่ทำงานซ่อมรถซูเปอร์คาร์ อยู่ที่ประเทศสหรัฐฯ เล่าเรื่องชีวิตคู่ระหว่างพ่อแม่ และบอกรักลูกทั้ง 3 คน พร้อมทั้งแบ่งเงินให้ลูกเท่า ๆ กันจำนวนหลักล้าน
ส่วนปมเหตุที่เกิดขึ้นตนคาดว่า น่าจะเป็นปัญหาความเครียดสะสม เพราะพ่อมีโรคประจำตัวป่วยเรื้อรังจำนวนหลายโรค ไม่ว่าจะเป็น โรคหัวใจพองโต โรคเกาต์ โรคต่อมลูกหมาก โรคไต (ทำงานแค่ 3%) ทำให้เกิดความทุกข์ใจและไม่อยากทนต่อความเจ็บปวด จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น หลังต้องทนสู้กับโรคภัยไข้เจ็บมานานกว่า 5 ปี
อย่างไรก็ตาม หลังพ่อก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิต ตนก็รู้สึกเสียใจกับการเสียชีวิตอย่างกะทันหันเพราะก่อนพ่อจะเสียชีวิต ไม่ได้มีการพูดเป็นลาง หรือพูดส่งสัญญาณบอกเหตุใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้หลังจากที่พ่อไม่อยู่ ทุกคนในครอบครัวต่างพากันเหงา และยังคงทำใจไม่ได้ ทั้งนี้ตนอยากฝากถึงคนที่มีพ่ออายุมากๆ ควรรับฟังปัญหาของพ่อ ใส่ใจและอยู่กับเขาให้มาก ๆ และให้ดูเคสนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์
