ญาติคุณยายเผยนาทีโจรกระชากทอง อึ้งพบประวัติเพิ่งพ้นคุก เลือกเหยื่อวัยชรา (คลิป)

จากกรณีเมื่อวันที่ 7 พพ.ย. 63 ผู้เสียหายเป็นหญิง 2 ราย วัย 64 ปี และ 69 ปี เดินทางเข้ามาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก ว่าขณะยืนอยู่หน้าบ้านใน ซ.สะพานยาว แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ มีคนร้ายเป็นชายขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาทำทีขอช่วยเข็นรถเข็น ก่อนจะกระชากเอาสร้อยคอทองคำของผู้เสียหาย ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนหายไป

ต่อมา ชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับ กระทั่งเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 63 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.บางรัก จับกุมได้ริมถนนหน้าบ้าน แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ ตรวจพบประวัติเคยก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2557 วิ่งราวทรัพย์ และถูกจับกุม เพิ่งพ้นโทษเมื่อปี 2561 และมาก่อเหตุซ้ำอีก

ล่าสุด วันที่ 13 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านหลังที่เกิดเหตุ เป็นซอยเล็ก ๆ มีบ้านเรือนประชาชน และหอพักอยู่ภายในซอยจำนวนมาก

นางพัด (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 64 ปี เปิดเผยว่า เช้าวันที่ 7 พ.ย. 63 ตนและพี่สาววัย 69 ปี ออกไปตลาดวัดแขก เพื่อไปซื้อกับข้าว ของกินและดินมาปลูกต้นวาสนาที่หน้าบ้าน จากนั้นเข็นรถเข็นจากตลาดกลับมาบ้าน ระหว่างทางกลับบ้าน ผู้ก่อเหตุชื่อนายจารึก หรือ หนึ่ง ช้างสว่าง อายุ 48 ปี ขับรถจักรยานยนต์สวนทางมา แล้วถามตนกับพี่สาวว่า "ให้ช่วยเข็นไหม" ตนตอบกลับไปว่า "ไม่เป็นไรค่ะ" แล้วเดินต่อไป

จากนั้น ผู้ก่อเหตุขับรถสวนทางมาอีกรอบ ตนหันหลังมาเจอ คนก่อเหตุจึงบอกตนว่า "จะมาช่วยยกดิน" ตนหันหลังให้คนก่อเหตุ ก่อนโดนกระชากสร้อยคอทองคำ จากคอทั้ง 2 คน แล้ววิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามคลิปวงจรปิด

พนักงานสอบสวนระบุว่า จากการสอบปากคำ นายจารึก คนก่อเหตุ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ให้ความร่วมมือในการสอบปากคำ และไม่ขัดขืนการแสดงตัวเข้าจับกุมตัว อ้างว่าก่อเหตุชิงทองนั้นเนื่องจากต้องการหาเงิน เพื่อนำไปรักษาพ่อตา ซึ่งป่วยเป็นอัมพาตอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

นางก้อย (นามสมมติ) ชาวบ้านในซอย เปิดเผยว่า ซอยดังกล่าวนี้ที่ผ่านมาเกิดเหตุชิงทรัพย์บ่อยมาก เป็นประจำทุกปี ปีละ 1-2 ครั้ง มีการชิงทอง ชิงทรัพย์เป็นประจำ ครั้งล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุแรงงานพม่าถูกชิงทองกลางซอย ตนทราบมาว่าเป็นคนเดียวกับที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้เสียหายรายล่าสุด โดยพฤติการณ์ที่ชิงทรัพย์แรงงานพม่านั้น ขับรถมาตามทาง แล้วชะลอรถกระชากสร้อยคอทองคำกลางซอย หลบหนีไป

ตนจึงอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้คอยออกมาตรวจสอบหรือมีสายตรวจมาในซอยเป็นประจำ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน อีกทั้งผู้เสียหายมักเป็นคนชราที่ไม่มีทางสู้ จึงห่วงจะเกิดอันตราย

สำหรับสร้อยคอทองคำ ที่คนก่อเหตุ กระชากจากคอผู้เสียหาย พร้อมกันทั้ง 2 รายนั้น สามารถกระชากทองได้ทั้งหมด 3 เส้น เป็นของนางพัด 2 เส้น เส้นละ 2 บาท, 50 สตางค์ และเป็นของพี่สาววัย 69 ปี อีก 1 เส้น เส้นละ 2 บาท รวมทั้งหมด 4 บาท 50 สตางค์

ด้านของคดีความ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี แจ้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี 6 เดือน ปรับไม่ 15,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ