ผบ.ตร.ไฟเขียว จนท.ใช้กำลังคุมม็อบได้หากจำเป็น ไม่ต้องลังเล
ผบ.ตร.ไฟเขียว จนท.ใช้กำลังคุมม็อบได้หากจำเป็น ไม่ต้องลังเล หลังการ์ดวีโวชักธง 112 ขึ้นหน้า สภ.คลองหลวง ชี้กระทบความรู้สึกคนทั้งประเทศ ย้ำเดินหน้าเอาผิดทุกคน
กรณีการชุมนุมเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 63 ที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา มีผู้บาดเจ็บถูกยิงเข้าที่ขา ขณะเกิดเหตุการณ์ชุนละมุนในช่วงค่ำที่บริเวณถนนทหาร ซึ่งผู้บาดเจ็บอยู่ในกลุ่มราษฎร
นายเอ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ผู้ร่วมชุมนุม เป็นเพื่อนผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงชุลมุน ตัวเองพร้อมกับเพื่อนยืนอยู่บริเวณแยกเกียกกาย ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง คาดว่าน่าจะเป็นระเบิดปิงปอง จากนั้นตามมาด้วยเสียงปืนจำนวนอีกหลายนัด
จากนั้น เห็นผู้ชุมนุมคนอื่น ๆ พาผู้บาดเจ็บเดินมาจากถนนทหารเข้าสู่แยกเกียกกาย ตัวเองพร้อมกับเพื่อนที่มาด้วยกันจึงพยายามเดินเข้าถนนทหาร เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ซึ่งระหว่างที่เดินอยู่นั้น เห็นคนลักษณะเป็นชายใส่กางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืดสีเหลือง เดินออกมาจากมุมมืด และใช้อาวุธปืนยิงใส่เพื่อนของตนเอง
จากนั้นได้วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดรออยู่หลบหนีออกไปทางแยกสะพานแดง โดยหลังจากเกิดเหตุ ตนพาเพื่อนเข้าที่ปลอดภัยและขึ้นรถกู้ภัย เพื่อเดินทางมาโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ตนยืนยันว่าจากเหตุการณ์ชุลมุนครั้งนี้มีผู้บาดเจ็บถูกอาวุธปืนยิงใส่ประมาณ 4-5 คน
อย่างไรก็ตาม ตนยังคงยืนยันที่จะเข้าร่วมการชุมนุม เพราะมีอุดมการณ์ที่เหมือนกัน พร้อมกับฝากเตือนไปยังผู้ร่วมชุมนุมคนอื่น ๆ หากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ เราควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
ส่วนที่โรงพยาบาลพระราม 9 ที่คนเจ็บถูกส่งตัวมารักษา นายศุภธร จันทรกุล รองผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ โรงพยาบาลพระราม 9 เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำของเมื่อวานนี้ ก็มีการทยอยส่งตัวผู้บาดเจ็บมารับการรักษาด้วยกันทั้งหมด 4 ราย กลับบ้านได้ 2 ราย ส่วนอีก 2 ราย นอนโรงพยาบาลต่อ
สำหรับ 2 ราย ที่สามารถกลับบ้านได้ คาดว่าอาจโดนแก๊สน้ำตา มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและสายตาพร่ามัว หายใจติดขัด แต่เมื่อรับการรักษาแล้ว อาการก็ดีขึ้น ไม่เป็นอันตรายจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนอีก 2 รายที่นอนพัก คาดว่าถูกทำร้ายร่างกายมา ร่างกายมีบาดแผลจากการกระแทกของวัตถุบริเวณขา แต่ไม่หนักมาก ไม่ส่งผลต่อการเดิน สามารถตอบสนองได้ทุกส่วน แต่อีกคนยังหลับอยู่ เนื่องจากอาการเหนื่อยล้า จึงยังไม่ได้ตรวจสอบว่าบาดเจ็บส่วนไหนบ้าง อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังไม่พร้อมจะเปิดเผยข้อมูล เพราะอาจจะเป็นเรื่องของคดีความ เพียงแต่บอกได้ว่าคือผู้ชุมนุมในราษฎร
ส่วนที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ ผอ.โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมามีผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวมาทำการรักษา จำนวน 37 คน โดยคนไข้ส่วนใหญ่ถูกแก๊สน้ำตา มีบาดแผลเล็กน้อย เช่น ถูกลวดหนามบาดมือ โดยมี 1 ราย หัวแตก 2 ราย หลังจากทำการรักษาเสร็จก็สามารถกลับบ้านได้ มี 1 รายที่ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เป็นผู้ชาย อายุ 27 ปี ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่ต้นขาซ้าย ทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัดด่วนเอาหัวกระสุนออก ซึ่งกระสุนไม่ได้โดนอวัยวะสำคัญ อยู่ในชั้นของกล้ามเนื้อเท่านั้น ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว
จากการพูดคุยกับญาติของคนไข้ ระบุว่าไม่ขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใด ๆ กับบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง ขอความเป็นส่วนตัว เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีบุคคลมาสอบถามหาเป็นจำนวนมาก ญาติจึงเกิดความไม่สบายใจ
ขณะที่ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความพร้อมภาพถ่ายผ่านทวิตเตอร์ หลังเข้าไปเยี่ยมคนเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ รพ.พระราม 9 พร้อมเปิดเผยว่า ตนเองเข้าเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล 2 คน คือ "เก่ง อาชีวะ" นายเกวลัง ธัญเจริญ อีกคนไม่ทราบชื่อ ซึ่งถูกยิงที่ต้นขาซ้าย 1 นัด แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นกระสุนอะไร แต่กระสุนฝังใน มีอาการเบลอยาสลบ ซึ่งโชคดีกระสุนไม่ได้เข้าจุดสำคัญ อาการทั้งคู่ปลอดภัย
ทั้งนี้ เท่าที่ทราบเหตุการณ์คือ 2 คนนี้เป็นการ์ด ที่เดินผ่านแยกเกียกกาย ขณะนั้นมีมวลชนบางส่วนเดินเลี้ยวไปเส้นทางถนนทหาร ซึ่งมีผู้ชุมนุมที่สวมเสื้อเหลืออยู่ ทำให้การ์ดพยายามไปเรียกผู้ชุมนุมกลับมา ขณะนั้นค่อนข้างชุลมุน มีการขวางปาสิ่งของต่าง ๆ จากนั้นก็มีกระสุนปืนเจาะเข้ามาที่ขาของคนเจ็บ โดยยังไม่ทราบว่าใครคือคนยิง ตนเองเป็นหนึ่งคนที่มาชุมนุมวานนี้ ซึ่งเห็นคนเจ็บหลายคน ตนเองอยู่ฝั่งบริษัทบุญรอด ซึ่งจุดนี้ส่วนใหญ่บาดเจ็บเพราะแก๊สน้ำตา และพบแท่งเหล็กคล้ายกระป๋อง มีรูหัวกับท้าย ไม่แน่ใจว่าเป็นกระป๋องที่บรรจุแก๊สน้ำตาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนเองมองว่าไม่ควรที่จะใช้ความรุนแรง
ด้าน "เฮียบุ๊ง" นายปกรณ์ พรชีวางกูร ผู้สนับสนุนการชุมนุมราษฎร เปิดเผยว่า วันนี้พวกตนและเพื่อน ๆ ได้เดินทางในยังโรงพยาบาลพระราม 9 เพื่อมาเยี่ยมและปลอบขวัญคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุมเมื่อวานที่แยกเกียกกาย ตนและคุณทราย เจริญปุระ จะรับมาดูแล และคอยให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นมี 5 คน รับผิดชอบค่าใช้จ่าย 417,000 บาท ส่วนผู้ชุมนุม 2 คนที่ถูกยิง ตนตั้งใจให้ค่าทำขวัญประมาณ 30,000 บาทต่อคน พวกตนไม่ได้มีท่อน้ำเลี้ยงอยู่เบื้องหลัง เงินที่นำมาใช้ก็มาจากประชาชนที่ร่วมกันบริจาค
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้สร้างความสะเทือนใจ เพราะพวกตนผ่านความรุนแรงในบ้านเมืองนี้มาหลายรอบแล้ว ทุกอย่างต้องขับเคลื่อนต่อ ทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บยืนยันตรงกันว่าจะรีบหาย และรีบออกมาร่วมชุมนุมอีก ทุกคนสำคัญหมด เช่นเดียวกันกับกลุ่มการ์ดอาชีวะก็ไม่มีใครขวัญเสีย ทั้งนี้ พวกตนมีแค่อุปกรณ์ป้องกัน ไม่มีอุปกรณ์ปะทะ ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ ตนรู้สึกว่าประเทศนี้ไม่มีความถูกต้องหรือยุติธรรมมาตั้งแต่แรกแล้ว ตนก็จะไม่พูดว่าเมื่อวานเป็นความรุนแรง เพราะเคยเจอที่รุนแรงกว่านี้มาก พวกตนชินแล้ว สิ่งที่ภาครัฐทำกับพวกตนมันแค่เด็ก ๆ ตนอยากถามว่า พวกตนเคยเอาผิดใครได้ด้วยหรอ เมื่อมีเหตุปะทะทางการเมือง สุดท้ายประชาชนคือฝ่ายที่เจ็บหนักอยู่ฝ่ายเดียว คนเสื้อแดงถูกยิงตายเป็นร้อย ยังจับมือใครดมไม่ได้เลย พวกตนทำใจแล้วว่างานนี้ผู้ชุมนุมจะต้องเจ็บตัวฟรี