กรณีน.ส.วรรณิกา กล่ำทอง อายุ 46 ปี ร้องขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน ให้ช่วยนำเสนอข่าวและหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าให้การช่วยเหลือลูกชาย หลังจากลูกชายวัย 8 ขวบ ได้ไปเที่ยวเล่นที่บ้านเพื่อนรุ่นพี่ ซึ่งอยู่โรงเรียนเดียวกัน แล้วรุ่นพี่ราดน้ำยาล้างเล็บลงพื้น ก่อนจุดไฟที่พื้นทำให้ไฟลามไหม้ลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ก็ไม่ได้รับการเยียวยาจากผู้ปกครองของเด็กอีกฝ่ายหนึ่งแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านี้รักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ใน จ.ฉะเชิงเทรา หมดค่ารักษาไปกว่า 2 แสนบาทแล้ว และล่าสุดเปลี่ยนมาเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พุทธโสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
ล่าสุดวันที่ 23 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายัง รพ.พุทธโสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเด็กชายไก่ (นามสมมติ) วัย 8 ขวบ ผู้บาดเจ็บ นอนพักรักษาตัวอยู่ที่อาคารสิริโสธรารักษ์ ชั้น 5
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนายพรรณกร พิทักษ์สิน พ่อของเด็กชายไก่ เปิดเผยว่า เมื่อวันเกิดเหตุ วันที่ 25 ต.ค.63 ที่ผ่านมา อดีตภรรยาของตน โทรศัพท์มาบอกว่าลูกชายถูกไฟไหม้พร้อมส่งรูปภาพอาการบาดเจ็บมาให้ดู เมื่อตนได้เห็นบาดแผลอาการค่อนข้างหนักมาก ไฟไหม้ขนขา ขนคิ้ว แขนซ้ายทั้งแขน อวัยวะเพศ ก้น ต้นขาขวา และขาซ้ายทั้งขา ลามไปจนเกือบถึงฝ่าเท้า โดยเฉพาะช่วงต้นขาซ้าย ที่ไฟไหม้เป็นแผลลึกไปถึงผิวหนังชั้นใน
โดยในวันแรกของการรักษา แพทย์มีการผ่าตัดขูดหนังชั้นนอกและเคลียร์เนื้อที่ถูกไหม้เสียหายออกและทำความสะอาดแผล ซึ่งหลังออกจากห้องผ่าตัด ลูกชายวัย 8 ขวบร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดสุดแสนจะทรมาน และลูกชายบอกกับตนว่า "ไม่ไหวแล้วพ่อ อยากจะกระโดด ตึกตายแล้ว เจ็บมาก" เมื่อตนได้ยินแบบนั้น ถึงกับหัวใจสลาย และอยากเอาความเจ็บปวดทั้งหมดมาลงที่ตัวเอง
สำหรับการรักษาในตอนแรก เป็นโรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากวันเกิดเหตุตรงกับวันอาทิตย์ ก่อนย้ายมาที่ รพ.พุทธโสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมารักษาตัวที่นี่ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.63 จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล และมีสิทธิ์รักษาบัตรทองร่วมด้วย จะช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายในการรักษาเด็กชายวัย 8 ขวบลงได้บ้าง
โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดในขณะนี้ รวมทั้งสิ้นประมาณ 270,000 บาท แบ่งเป็น 2 ก้อน โดยเงินก้อนแรก คือ ค่ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชน จำนวน 120,000 บาท และเงินก้อนที่สอง เป็นค่ารักษาที่อยู่ในช่วงการรักษาที่ รพ.พุทธโสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 150,000 บาท
ภายหลังจากเกิดเหตุและรักษาตัวมาเกือบ 1 เดือนเต็ม ตอนนี้เด็กชายไก่ อายุ 8 ขวบ เด็กที่บาดเจ็บมีอาการเริ่มดีขึ้นตามลำดับบ้างแล้ว แต่แพทย์ยังคงต้องดูแลใกล้ชิด เฝ้าระวังเรื่องการติดเชื้อ บาดแผล รวมทั้งระวังอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ตลอดจน เตรียมผ่าตัดอีกครั้งในวันจันทร์ ที่ 30 พ.ย.63 โดยเป็นการผ่าตัด นำเนื้อที่แผ่นหลังออกมาแปะที่ต้นขาทั้งสองข้าง เนื่องจากเนื้อที่บริเวณต้นขาถูกไหม้เสียหายหนัก เป็นตำแหน่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด ส่วนบริเวณอวัยวะเพศไม่เสียหายหนัก โดยไหม้เพียงผิวภายนอกเท่านั้น อวัยวะเพศยังใช้งานได้ ปัสสาวะได้ตามปกติ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่าเสียใจมาก แต่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เครียดมาก ทั้งงาน ทั้งเงิน ค่าใช้จ่ายรักษาลูก อีกทั้งคู่กรณีที่เป็นพ่อแม่ของเด็กชายเอ (นามสมมติ) วัย 11 ขวบ ไม่ได้เข้ามาเยี่ยม และไม่ช่วยเรื่องเงินค่ารักษาแม้แต่บาทเดียว เมื่อโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือ ก็ปฏิเสธไม่ให้เงินช่วยเหลือเรื่องการรักษา อ้างว่ากลัวโดนฝ่ายตนโกง แต่ยื่นข้อเสนอว่า "จะให้เงินมา 50,000 บาท แล้วให้ไปถอนแจ้งความ จบเรื่องราว" ซึ่งตนและอดีตภรรยามองว่า ไม่สามารถรับเงินได้ เพราะยังรักษาลูกไม่หาย และไม่คุ้มค่ากับความเจ็บปวดของลูกชาย
ทั้งนี้ จึงอยากให้คู่กรณี มารับผิดชอบค่าใช้จ่าย มาเจรจา ไม่ใช่ทอดทิ้งแบบนี้ เพราะผิดหวังมาก และอยากให้เห็นใจ ให้มีสามัญสำนึกความเป็นพ่อเป็นแม่บ้าง
นายอาทิตย์ ศรีวงษ์ อายุ 31 ปี ลุงของเด็กชายเอ (นามสมมติ) วัย 11 ขวบ เปิดเผยว่า วันนี้แม่ของเด็กชายวัย 11 ขวบ เดินทางไปทำธุระกับลูกชายและแฟนหนุ่มที่กรุงเทพฯ จึงไม่ได้อยู่ที่บ้าน แม่ของเด็กชายวัย 11 ขวบ เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว รักลูกมาก และมีความเป็นห่วงเป็นใยเด็กที่ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว และที่ผ่านมาน้องสาวจะเลือกพูดคุยปรึกษากับพ่อแม่มากกว่า จึงไม่ค่อยเลือกปรึกษาตน
โดยเรื่องที่เกิดขึ้น น้องสาวและครอบครัวก็รู้สึกเครียดและกังวล อีกทั้งมีความเป็นห่วงเป็นใยทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ได้รับบาดเจ็บหรือหลานชาย สำหรับตัวหลานชายวัย 11 ขวบ ปกติเป็นคนไม่ชอบเล่นไฟ ไม่เล่นสิ่งที่อันตราย แต่วันเกิดเหตุอาจจะเล่นทั่วไป อารมณ์ชั่ววูบ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประกอบกับเป็นจังหวะ ที่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ดูแลด้วย จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
ส่วนเรื่องกรณีที่น้องสาวของตน ไม่ได้ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บตั้งแต่ย้ายมาโรงพยาบาลรัฐบาลนั้น ตนไม่ทราบว่า ไม่ได้ไปเยี่ยมเพราะสาเหตุใด ส่วนเรื่องการช่วยเหลือ การดูแลค่ารักษาพยาบาลนั้น น้องสาวบอกว่าได้นำเงินไปช่วยเหลือ แต่ไม่ทราบว่าจำนวนเงินเท่าไร
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ตนมองว่าจะมีการพูดคุยกันด้วยความประนีประนอมและมีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ในการพูดคุย และจบลงด้วยดี ไม่ต้องถึงขั้นใช้กฎหมายหรือขึ้นโรงขึ้นศาล พร้อมยืนยันหนักแน่นว่า พร้อมจะรับผิดชอบตามเนื้อผ้า ตามอาการบาดเจ็บ และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
