นักศึกษา-นักกฎหมาย ยื่นฟ้องนายกฯ ฐานละเมิดเสรีภาพ

นักศึกษาและภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนร้องศาลแพ่ง ขอเพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง-เรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลฐานละเมิดสิทธิและเสรีภาพ รวม 3.5 ล้านบาท

กรณีนักศึกษาและภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 6 คน ได้แก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีจำเลยที่ 2 พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจำเลยที่ 3 สำนักนายกรัฐมนตรีจำเลยที่ 4 สำนักงานตำรวจแห่งชาติจำเลยที่ 5 และกระทรวงการคลังจำเลยที่ 6 เรียกค่าเสียหายจากเหตุละเมิดเสรีภาพในการชุมนุมและขอให้เพิกถอนประกาศพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พ.ศ.2548 ซึ่งออกตามพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต่อศาลแพ่ง โดยมี น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ เป็นโจทก์ที่ 1 และ นิสิตนักศึกษารวม 7 คน

นางสาวหนึ่งฤทัย กิจการศุภฤกษ์ ตัวแทนนักศึกษา เปิดเผยว่า การประกาศดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ ทั้งทางร่างกายและทางความคิด ของผู้เข้าร่วมการชุมนุม จึงมีการเรียกค่าเสียหายจำนวน 5 แสนบาทต่อคน รวม 3 ล้าน 5 แสนบาท โดยคำนวณแล้วไม่มากเกินความเป็นจริง พร้อมขอให้ศาลยกเว้นค่าธรรมเนียมเนื่องจากผู้ฟ้องเป็นนักศึกษา โดยพิจารณาเรียกค่าเสียหายจากผลกระทบในหลายด้าน เช่นการที่รัฐบาลปิดทางเข้า-ออก พื้นที่ชั่นในกรุงเทพฯ ซึ่งทำให้ประชาชนเดินทางไม่สะดวก ,การสั่งปิดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่อาจจะทำให้ผู้ใช้ทางมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ร่วมถึงมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมถูกจับกุม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโจทย์ที่ 1 รวมมีประชาชนหลายคนที่ถูกสารเคมี เนื่องรัฐบาลมีการสลายการชุมนุมต่อหลายครั้ง และหลายคนถูกจำกัดการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้

นายสุรชัย ตรงงาม ในฐานะของภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยืนยัน การฟ้องเพิกถอนตัวประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงวันนี้ แม้นายกรัฐมนตรีทำการยกเลิกไปแล้ว แต่การฟ้องเพิกถอนเป็นอีกเรื่องหนึ่งตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยครั้งนี้เป็นการฟ้องรวมกัน ที่เพิ่มเติมการเรียกค่าเสียหายเข้ามา ดังนั้นหวังว่าศาลจะมองเห็นว่าการประกาศดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งหากศาลดำเนินการไตร่ส่วนในวันนี้ทางทนายความก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการทันที

ส่วนประเด็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากน้ำสารเคมีในการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ จะมีการดำเนินคดีในเรื่องต่อแน่นอน ดังนั้นคนได้รับผลกระทบจากการชุมนุมไม่ได้มีแค่ 7 คน จึงขอประชาสัมพันธ์ต่อไปยังประชาชน สื่อมวลชน ได้รับผลกระทบสามารถเดินทางมาร้องและร่วมกันเป็นพยาน เพื่อดำเนินเอาผิดรัฐบาล เพราะการชุมนุมทุกครั้งเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย ตามหลักกติกาสากล